ปวดประจำเดือนมาก ผิดปกติไหม

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ปวดประจำเดือนมาก เป็นสิ่งที่กวนใจสาว ๆ อย่างมาก บางคน ปวดประจำเดือนน้อย บางคน ปวดประจำเดือนมาก และ บางคนก็ปวดจนตัวงอ จนไม่สามารถ ลุกขึ้นมาทำกิจวัตรประจำวัน หรือการทำงานได้ แล้วการปวดแบบไหน ถึงจะบอกว่า เป็นอาการปวดประจำเดือนที่ผิดปกติ

อาการ “ปวดประจำเดือน” มาจากไหน

สาว ๆ หลายคนรู้กันดีอยู่แล้วว่า ” ประจำเดือน ” ก็คือ การลอกตัว ของเยื่อบุโพรงมดลูก แต่สิ่งที่เราไม่เคยรู้ นั่นก็คือ ระหว่างการลอกตัวนี้ จะมีสารอยู่ตัวหนึ่ง ที่ชื่อว่า Prostaglandins ที่ทำให้ มดลูกทำการบีบตัว ซึ่งปกติ มดลูกก็จะบีบตัวเป็นจังหวะ และจะมีอาการปวดบีบ แต่จะปวดมาก – ปวดน้อย ขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละคน

ปวดเล็กน้อย ไม่ซีเรียส

การปวดประจำเดือน ในช่วงก่อนรอบเดือนมา ประมาณ 1 – 2 วัน โดยจะปวดบริเวณกลางท้องน้อย ที่มาจาก การปวดตามธรรมชาติ ของมดลูก ที่บีบตัวไล่ประจำเดือนออกมา ลักษณะอาการปวด จะปวดท้องส่วนล่าง ปวดร้าวไปถึงหลัง หรือต้นขาได้ ซึ่งอาการนี้ พออายุมากขึ้น อาการก็จะลดลง

หากคุณ มีอาการปวดลักษณะนี้ นับว่า เป็นอาการปวดประจำเดือน แบบธรรมชาติ ซึ่งพบได้ทั่วไป และไม่เป็นอันตราย แต่อย่างใด

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ปวดมาก ปวดจนตัวงอ อย่านิ่งนอนใจ

อาการปวดแบบนี้ จะเกิดจากมดลูกหดเกร็ง ระดับความปวด เพิ่มขึ้นในทุก ๆ เดือน ที่ประจำเดือนมา ปวดจนตัวงอ จนไม่สามารถไปทำงานได้ บางครั้งมีอาการร่วม เช่น เจ็บเวลาที่มีเพศสัมพันธ์ หรือเวลาถ่ายอุจจาระ จะมีอาการปวดร้าว ไปถึงรูทวารหนัก หากคุณมีอาการ ปวดลักษณะนี้ ต้องรีบไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อทำการตรวจภายใน ซึ่งอาจจะมี การตรวจพิเศษ หรือมีการอัลตราซาวด์ ส่องกล้อง

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ปัจจัยเพิ่มความเสื่ยงต่อโอกาสเกิดการปวดประจำเดือน มักจะพบได้มากขึ้นในกลุ่มสตรีเหล่านี้

  • อายุน้อยกว่า 20 ปี
  • เริ่มมีประจำเดือนครั้งแรกตั้งแต่อายุน้อย ( ต่ำกว่าอายุ 11 ปี )
  • มีเลือดประจำเดือนออกมาก ( MENORRHAGA )
  • มีความเครียด หรือมีอาการซึมเศร้า ( ANXIETY , DEPRESSION )
  • อยู่ในระยะเวลาที่พยายามจะลดน้ำหนัก ( โดยเฉพาะ อายุ 14 – 20 ปี )
  • ยังไม่เคยมีบุตร
  • สูบบุหรี่จัด

เสี่ยงเป็นโรคแบบไหน

อาการปวดประจำเดือน มากจนผิดปกติ โดยมาก มักจะมีผลมาจาก เยื่อบุโพรงมดลูก เจริญผิดที่ ซึ่งเกิดจาก การที่เยื่อบุมดลูก หรือเลือดประจำเดือด ไหลออกมาไม่หมด และเกิดการ ไหลย้อนกลับเขาไปในช่องท้อง ทำให้เกิดพังผืดในช่องท้อง ท่อลำไข่ และปีกมดลูก

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ถ้าเยื่อบุมดลูกนี้ เข้าไปอยู่ที่ผิวรังไข่นาน ๆ จากเยื่อบุมดลูกธรรมดา ก็จะเริ่มฝังตัว และกลายเป็นถุงน้ำ โดยภายในถุงน้ำ ก็จะมีเลือดเก่า ค้างสะสมอยู่  เลือดเก่านี้ก็จะมี ลักษณะขุ่นเข้ม คล้ายกับช็อคโกแลต เป็นที่มาของ ช็อคโกแลตซีส

ดังนั้น หากคุณมีอาการปวด ที่เข้าข่ายการเสี่ยงโรคนั้น อย่าได้นิ่งนอนใจ ควรรีบเข้าไปปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง หรือ หมั่นตรวจสุขภาพประจำปี  หลายครั้งที่ไปพบแพทย์ แล้วบอกว่า ” ไม่พบความผิดปกติ ” ซึ่งอาการ ของโรคดังกล่าว จากการตรวจร่างกาย ตรวจภายใน อัลตร้าซาวด์ อาจไม่พบ  การตรวจค้นหาสาเหตุต่อไป คือการส่องกล้อง เข้าไปในช่องท้อง เพื่อตรวจว่า ภายในอุ้งเชิงกราน มีพังผืด มีเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ หรือไม่ ซึ่งสามารถผ่าตัด ผ่านกล้องรักษาได้ ในเวลาเดียวกัน  อะไรที่แอบแฝงอยู่  ตรวจหลาย ๆ ครั้ง ก็ยังมีอาการปวดอยู่  ปวดมากบางครั้งจนเป็นลม จนคนข้าง ๆ   คิดว่ามารยา หรือคิดมาก  คิดไปเอง หรือเป็นโรคประสาท  หลายคนอาจจะหลง ไปอยู่ที่คลินิกจิตเวช ก็เป็นได้

การบำบัดรักษา

  • ในกลุ่มปฐมภูมิ ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับพยาธิสภาพทางกาย นั้นการให้ยาแก้ปวด และการพักผ่อน ก็สามารถทำให้อาการปวดลดลงได้มาก หรือหายปวดได้ ยาที่ใช้จะอยู่ในกลุ่ม ยาแก้ปวดทั่วไป หรือ NSAID หรือ AUH PROSTAGLANDIN และในระยาว แทพย์อาจใช้ยาคุมกำเนิด รับประทานต่อเนื่องระยะหนึ่ง ยาคุมกำเนิดจะลดการสร้าง PROSLNCLANAM ของร่างกาย ก็จะมีผลให้อาการปวดประจำเดือนน้อยลง
  • ในกลุ่มทุติยภูมิ นั้นมีพยาธิสภาพทางกายต่าง ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกัน เช่น
  • ENDOMETRIOSIS คือการที่มีเซลล์ของเยื่อบุมดลูก หลุดไปอยู่ภายนอกมดลูก เช่น ที่รังไข่ ท่อรังไข่ หรือในบริเวณอุ้งเชิงกราน
  • ADENOMYOSIS คือมีเซลล์เยื่อบุมดลูก เจริญเข้าไปในส่วนของผนังมดลูก ซึ่งเป็นชั้นของกล้ามเนื้อ
  • PID คือ มีการติดเชื้อภายในอุ้งเชิงกราน ส่วนใหญ่จะเป็นโรคที่ติดต่อโดยเพศสัมพันธ์ (STD)
  • การใส่ห่วงอนามัยคุมกำเนิด (IUD) พบได้ในบางรายที่ใส่ห่วงคุมกำเนิด และมักจะมีอาการปวดในช่วงเดือนแรก ๆ หลังใส่ห่วงคุมกำเนิด
  • เนื้องอกของมดลูกที่ดัน หรือยื่นล้ำเข้าไปในโพรงมดลูก ซึ่งแพทย์จะให้การรักษาไปตามพยาธิสภาพที่มี เช่นให้ยาปฏิชีวนะตามเชื้อ เอาห่วงคุมกำเนิดออก หรือ อาจผ่าตัดรักษาในบางราย เพื่อกำจัดพยาธิสภาพเหล่านั้น ในกลุ่มที่มีพยาธิสภาพเหล่านี้ อาจมีผลต่อ การเจริญพันธุ์ โอกาสมีบุตรยาก และมีโอกาสเกิดการตั้งครรภ์นอกมดลูกได้

ที่มา :

https://www.nonthavej.co.th/Menstrual-Cramps.php

https://www.paolohospital.com/th-

บทความโดย

ammy