การคลอดลูกไม่ใช่เรื่องน่ากลัว เพราะผลลัพธ์ที่ได้นั้นช่างคุ้มค่า

เมื่อใกล้ถึงวันครบกำหนด สิ่งที่คุณแม่หลาย ๆ คนกลัวและกังวลมากที่สุดก็คือ การคลอดลูก ... และเมื่อเราผ่านจุดนั้นมาได้ เราจะรู้เลยว่า การคลอดลูก ไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอย่างที่คิดเลย

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

เมื่อเข้าไตรมาสสาม สิ่งที่แม่อย่างฉันกลัวมากที่สุดก็คือ “การคลอดลูก” และฉันก็เชื่อว่า ไม่ใช่ฉันคนเดียวหรอกที่รู้สึกเช่นนั้น ใครเล่าจะไปชอบความเจ็บปวดจริงไหม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ต้องเข้ารับการผ่าตัดด้วยแล้ว … บล็อคหลังเหรอ ไม่ต้องพูดถึง คงจะน่ากลัวแบบสุด ๆ เลยละ และสิ่งที่แม่อย่างฉันทำก็คือ การหาข้อมูลความรู้เกี่ยวกับการคลอดลูกอ่านให้ได้มากที่สุุด ก็เดี๋ยวนี้เขาไม่ได้มีแต่การรีวิวสถานที่กินที่เที่ยวแล้วนะ เขายังมีรีวิวการส่องกล้องท้อง และการผ่าคลอดอีกด้วย เรียกได้ว่า ต้องการอยากรู้ไรพิมพ์ถามอากู๋ได้เลย ไม่กี่นาทีก็ได้รู้แบบหมดไส้หมดพุงแล้วละ

จากการท่องเที่ยวโลกออนไลน์มาได้สักพักนึง ก็พอจะรู้และเข้าใจถึงความแตกต่างและขั้นตอนการคลอดลูกไม่ว่าจะเป็นการผ่าคลอดหรือการคลอดลูกเองด้วยวิธีการทางธรรมชาติ เรียกได้ว่าแทบจะไม่มีอะไรเหมือนกันเลย และทุกครั้งที่ฉันดูรีวิวต่าง ๆ ฉันก็ชอบที่จะอ่านคอมเม้นท์ของคุณแม่คนอื่น ๆ ด้วยนะคะ ซึ่งฉันว่า ก็มีประโยชน์ไม่แพ้กับสิ่งที่เจ้าของบทความเขาเขียนเลยละ (ไม่เชื่อคุณลองใช้เวลานั่งอ่านดูสิ)

ซึ่งแต่ละความคิดเห็นของคุณแม่หลาย ๆ คนที่ฉันมีโอกาสได้อ่านหรือมีโอกาสได้พูดคุยกับคนรอบข้าง ทุกคนล้วนพูดกันเป็นเสียงเดียวว่า “เจ็บไม่กลัว แค่ขอให้ลูกปลอดภัย และได้เห็นหน้าลูกก็พอ”

และแล้ววันนั้นก็มาถึง คุณหมอบอกกับฉันว่า “ผมว่าเราผ่าเถอะ เพราะทารกในครรภ์ตัวใหญ่เกินไป และดูจากคุณแม่แล้ว ผมว่าไม่น่าจะไหว” เอาเหอะ ผ่าก็ผ่า ตอนนี้ตัวจะแตกแล้วเดินก็ไม่ไหว ที่สำคัญอยากเห็นหน้าลูกจะแย่ คุณหมอนัดผ่าตอน 08.30 น. แล้วก็ให้ยาถ่ายมาชุดนึง บอกว่า ทานนะครับ แล้วให้รีบมาโรงพยาบาลก่อนเวลาสักตีห้าครึ่งแต่ไม่เกินหกโมงเช้าก็จะดี

คืนนั้นหลังจากที่ทานยาไป ก็ถ่ายโปร่งโล่งสบายแบบไม่เคยรู้สึกมาก่อน ฉันรีบเข้านอนแต่ก่อนนอนก็ไม่ลืมที่จะพูดกับลูกว่า “พรุ่งนี้เราจะได้เจอกันแล้วนะลูกแม่ ตื่นเต้นไหมลูก แม่ตื่นเต้นมาก ๆ เลยละ”

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ฉันรีบมาโรงพยาบาลแต่เช้าตรู่ตามที่หมอสั่ง พยาบาลจัดแจงความความดัน ชีพจร ถามรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องการแพ้ยา และบอกให้เปลี่ยนเสื้อผ้า หลังจากนั้นก็โกนขน!!! และใส่สายฉี่!!! ตอนนั้นอายนะ แต่เอาเหอะ! ไม่ใช่เราคนเดียว พยาบาลคงเห็นจนชินแล้วละ

ฉันนอนมองดูนาฬิกาบนผนังด้วยความใจจดใจจ่อ พอใกล้เวลา 08.15 น. พยาบาลก็บอกว่า เชิญค่ะคุณแม่ ได้เวลาแล้วนะคะ แล้วก็เข็นเตียงนอนของฉันไป ฉันบอกให้คุณแม่ของฉันรออยู่ตรงนี้ แต่ฉันรู้นะว่า ไม่ใช่ฉันคนเดียวหรอกที่ตื่นเต้น คุณแม่ของฉันก็เช่นเดียวกัน ที่สำคัญ ท่านไม่ได้นั่งเฉย ๆ แต่ท่านทำนั่งพนมมือทำปากขมุบขมิบไปด้วย บนตักก็มีหนังสือพระเล่มเล็ก ๆ อยู่ ใช่แล้วละค่ะ คุณแม่ของฉันกำลังนั่งสวดมนต์ขอพรให้ฉันและลูกปลอดภัยอยู่นั่นเอง

เมื่อมาถึงห้อง โอ้!! นี่หรือ ห้องผ่าตัดที่ฉันอ่านในรีวิว มันเป็นแบบนี้เองเหรอ ทำไมคนอยู่เยอะแยะไปหมดเลยละ หลังจากที่ตื่นตาตื่นใจอยู่สักพักนึง คุณหมอก็แนะนำว่าใครเป็นใคร แต่ละคนทำหน้าที่อะไรบ้าง ว่าแล้ว คุณหมอก็บอกว่า “อ้าวคุณแม่ นอนขดตัวตะแคงข้างให้ได้มากที่สุด ขดตัวแบบกุ้งไปเลยครับ เดี๋ยวหมอจะฉีดยาบล็อคหลังให้ ไม่เจ็บไม่ต้องเกร็ง ยาจะเย็น ๆ หน่อยนะครับ ไม่ต้องกลัวครับ ไม่มีอะไร” และก็เป็นแบบนั้นจริง ไม่รู้สึกเจ็บหรือว่าน่ากลัวแต่อย่างใดเลย ชิวและฟินมากบอกเลย

คุณหมอกับพยาบาลต่างก็ปฏิบัติหน้าที่ของตัวเอง และจะมีคุณหมอวิสัญญีท่านนึงมาคอยชวนฉันพูดคุยเรื่องนู้นเรื่องนี้ อ้อ! มาถึงตอนนี้ไม่ต้องกังวลไปนะคะว่าเราจะเห็นอะไร เพราะเขาจะเอาผ้าและก็ฉากมากั้นไว้ ผ่านไปสักพักนึง คุณหมอก็พูดว่า “เจ็บไหมครับ ถ้าเจ็บบอกหมอนะ หมอจะได้ยังไม่ผ่า” โอ๊ะ! แปลก ฉันไม่รู้สึกอะไรเลยละ แถมยังนอนเมาท์มอยต่อกับคุณหมอวิสัญญีต่อไป ไม่เกิน 10 นาที ก็รู้สึกโล่ง ๆ ที่ท้องแล้วคุณหมอก็เอามือช่วยกันกด ๆ ดัน ๆ ที่ท้องของฉันแล้วก็นับ 1-2-3 พร้อมกัน

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

“แว๊ก แว๊ก แว๊ก” เสียงเด็กผู้ชายร้องส่งเสียงดังลั่นสนั่นไปทั่วห้อง น้ำตาของฉันค่อย ๆ ไหลลงมา ไม่นานคุณหมอก็เอาเด็กคนนั้นมาให้ฉัน และบอกว่า “ยินดีด้วยนะครับคุณแม่ น้องสมบูรณ์แข็งแรงดี น้ำหนักตัว 3,700 กรัม” สิ้นเสียงหมอเท่านั้นแหละ ฉันก็หลับไม่รู้เรื่องเลย มารู้ตัวอีกทีก็อยู่ห้องพักฟื้นแล้ว

มาถึงตอนนี้ ฉันรู้แล้วละว่า การคลอดลูกไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอะไรเลย ไม่จำเป็นที่เราจะต้องกังวล เพราะผลที่ได้ลัพธ์นั้นมันช่างคุ้มค่าเสียจริง ๆ อีกอย่างไม่สำคัญหรอกว่า คุณจะผ่าคลอดหรือว่าคลอดลูกเองด้วยวิธีการทางธรรมชาติ สำหรับคุณแม่ทุกคน ไม่มีสิ่งไหนที่จะสำคัญไปกว่า การได้พบเจอหน้าลูกและได้รู้ว่าเขามีสุขภาพร่างกายที่ดีแข็งแรงและสมบูรณ์ คุณผู้อ่านเห็นด้วยไหมคะ

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

 

 

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

บทความโดย

Muninth