คำพูดเพียงคำเดียวช่วยทำให้ความสัมพันธ์ชีวิตคู่ดีขึ้นได้

ลึกแล้ว ๆ มนุษย์ทุกคนล้วนมีความต้องการที่จะได้รับการชื่นชมและคำง่าย ๆ อย่างคำว่า “ขอบคุณ” จากใครสักคน ก็เป็นตัวแทนของขวัญที่มีค่ามากพอให้กับผู้รับ แม้กับสิ่งที่คุณรู้สึกว่าเขาทำให้เป็นประจำก็ตาม คำ ๆ นี้แหละที่จะช่วยให้คู่ของคุณรู้สึกมีค่ามากขึ้น เหมือนกับที่ Rhoberta Shaler, Ph.D. ได้กล่าวไว้ว่า คำสองพยางค์ที่ดีที่สุดที่ใช้พูดในชีวิตคู่คือคำว่า “ขอบคุณ”

ไม่เพียงแต่ใช้คำนี้สำหรับชีวิตคู่เท่านั้น เราสามารถใช้คำนี้ได้ในสถานการณ์ที่เหมาะสมกับกับคนทั้งโลก ไม่ว่าจะกล่าวขอบคุณกับลูกสาวหรือลูกชายตัวเล็ก ๆ ที่เขาช่วยงานคุณ หรือ รปภ. ที่คอยโบกรถให้ ไปจนถึงบุคคลต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต

มีการศึกษามากต่อมากที่ได้พูดถึงเกี่ยวกับพลังของคำพูดว่า “ขอบคุณ” ว่ามีค่ามากขนาดไหน โดยบทความชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสารสมาคมจิตวิทยาอเมริกันพูดถึงเกี่ยวกับอารมณ์นี้ว่า “เมื่อคนเรามีความรู้สึก ขอบคุณ นั่นหมายถึง การมีท่าทีที่อบอุ่น เป็นคนมีความคิด ชอบช่วยเหลือ และมีจิตใจที่อ่อนโยน ในบทความชิ้นนั้นแสดงให้เห็นว่า คนที่รู้จักกล่าวขอบคุณก็คือคนที่รู้จักมองโลกในแง่ดี กล่าวคือ การขอบคุณจะช่วยให้เกิดภาวะทางอารมณ์ที่ดีขึ้นนั่นเอง สิ่งนี่แหละที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตคู่ให้มีความสุขและยืนนาน

สามีนอกใจต้องให้อภัยมันกี่ครั้ง

สามีนอกใจต้องให้อภัยมันกี่ครั้ง ครั้งเดียวก็พอ หรือจะเชื่อว่า 3 ครั้งถึงจะดี แต่แค่ไหนถึงจะเหมาะสมละ

นอกใจ ทำกันแบบนี้ได้ไง

การนอกใจไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ยากเลยค่ะ ยิ่งในโลกยุคปัจจุบันที่การติดต่อสื่อสารกับผู้อื่น อยู๋แค่ปลายนิ้วสัมผัส โปรไฟล์ทั้งหลายก็มีทั้งรูป กิจกรรม ทำให้เรารู้จักคนที่ไม่เคยรู้จักได้ดีมากยิ่งขึ้น และการตกหลุมรัก(?) ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป แม้ว่าเราจะมีครอบครัวแล้วก็ตาม ???

หนำซ้ำหนุ่มเจ้าชู้เป็นปลาไหล จับไม่ได้ ตีไม่ตาย ยังมีสกิลขั้นเทพ ขนาดที่ว่าแม้จะทำงานที่เดียวกับคุณ ไปกลับกับคุณ วันหยุดก็อยู๋บ้านกับลูก แต่ยังมีเวลานอกใจไปกับคนอื่น ให้คุณช้ำใจเล่นอีกด้วย

ปัจจัยที่มีผลต่อการให้อภัย

หากพูดถึงการนอกใจรวมถึงนอกกายนั้น ถ้ามองแบบเข้าข้างภรรยาด้วยกันแบบสุดๆ แล้ว ยังไงผู้ชายหรือสามีก็เลวสุดๆ ค่ะ แต่ในความเป็นจริงแล้ว มันเป็นอย่างนั้นไหม

1.ไม่ได้ตั้งใจ

หากมันคือการแบล็คเมล์ ความเมา โดนมอมยา หรืออะไรก็ตามที่คุณสามีไม่ได้ตั้งใจ และโดยอย่างยิ่งเป็นความผิดครั้งแรก สาวๆ ก็ควรจะพิจารณาให้อภัยนะคะ เนื่องจากการกระทำที่ผิดพลาดนั้น ไม่ได้เกิดขึ้นโดยเจตนาของสามี ที่สำคัญคือ เขารู้สึกผิดกับมันมาก และสัญญาจะไม่ให้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก

2.ระดับไหน

การนอกใจระดับไหนที่ตัวคุณเองรับได้ ก่อนอื่นคือถามตัวเองก่อนเลยค่ะ ผู้ชายบางคนก็ชอบที่จะเฟลิร์ทกับสาวๆ นั่นหมายถึงแค่การส่งข้อความกัน ส่งรูปถ่าย โทรคุยกัน แต่ไม่ได้มีเรื่องของการนอกกายเข้ามาเกี่ยวข้อง ผู้ชายบางคนทำเพียงเพื่อแค่เช็คเรทติ้งของตัวเอง เวลาที่ขาดความมั่นใจหรือมีปัญหา ถ้าคุณรับได้กับสิ่งที่เขาทำ คุณก็อาจจะถือว่าปิดหูปิดตาไปข้างนึงก็ได้เหมือนกัน

2.การจับได้

ประเด็นคือสามีนอกใจคุณไปกี่ครั้งแล้ว ทั้งการพาผู้หญิงคนนั้นไปกินข้าว พาไปเที่ยว หรือแม้กระทั่งขึ้นเตียง(หรือไม่บนเตียงก็เถอะ) ด้วยกันกับคนอื่นที่ไม่ใช่คุณ หากระยะเวลาที่นอกใจดำเนินมานานเป็นอาทิตย์ เป็นเดือน เป็นปี มันก็คือการบอกคุณดีๆ นี่เองว่า เขาไม่เคยรักคุณเลย คุณ ไม่ได้มีค่าอะไรสำหรับเขา เช่นเดียวกันกับกรณีที่คุณจับไม่ได้ แต่เขาก็นอกใจคุณมาตลอด คุณเพิ่งจับเขาได้ในครั้งนี้ ก็เช่นเดียวกัน

3.หน้าที่

อีกหนึ่งปัจจัยสำหรับคุณภรรยาที่เป็นแม่บ้านอย่างเดียว เรื่องหน้าที่ของสามีนั้นก็มีผลทีเดียวกัน เขาทำหน้าที่สามีต่อคุณได้ขาดตกบกพร่องหรือไม่ หน้าที่พ่อที่ดีของลูก หน้าที่เขยที่ดีที่พ่อแม่คุณ หากเรื่องนี้พวกนี้เขาทำได้ดีไม่มีที่ติ ก็อาจจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่คุณอาจจะเอามาพิจารณาด้วยว่าจะให้อภัยเขาหรือไม่

4.เหตุผล

เหตุผลที่นอกใจและนอกกายของผู้ชายแต่ละคนนั้นแตกต่างกันไปค่ะ แต่อะไรคือเหตุผลที่แท้จริงของการนอกใจ สิ่งที่จะทำให้รู้ได้คือการเปิดอกคุยกับสามีเรื่องนี้ ว่าเขารู้สึกยังไงถึงทำไป และทำแล้วเขารู้สึกดีขึ้นไหม หรือแย่กว่าเก่า มันเป็นเพราะปัญหาที่เขามี เป็นเพราะเรื่องในครอบครัว หรือเป็นเพราะตัวคุณ บางทีพอได้ฟังเหตุผลแล้ว มันอาจจะเปลี่ยนมุมมองต่อเรื่องที่เกิดขึ้นได้เช่นกันนะคะ

5.เซ็กซ์

ปัจจัยคลาสสิกตลอดกาลของการนอกใจและนอกกาย แต่สิ่งที่ซ่อนอยู่มันมีมากกว่าเรื่องเซ็กซ์ นั่นคือเรื่องรสนิยมค่ะ ในสังคมไทยจะผิดจารีตประเพณีหากชิงสุกก่อนห่าม ได้เสียมีเซ็กซ์กันก่อนแต่งงาน แต่มันจะเกิดอะไรขึ้นและเป็นเรื่องใหญ่ขนาดไหน ถ้าคุณทั้งคู่แต่งงานกันไปโดยที่คุณแต่ละคนไม่มีความสุขในเรื่องเซ็กซ์ หรืออาจจะมีรสนิยมที่ไม่ตรงกัน คุณอาจจะอยากมีเซ็กซ์ธรรมดาๆ ที่อ่อนโยนและหอมหวาน กลับกันเขาอาจจะอยากมีเซ็กซ์ที่รุนแรงเร้าร้อนและมีอุปกรณ์ตามความพอใจ หรือแม้กระทั่งรสนิยมอย่าง BDSM ต่างๆ แต่เมื่อคุณทั้งคู่ตอบสนองความต้องการของอีกฝ่ายไม่ได้ เขาจึงไปหาเอากับคนอื่นแทน

6.โรคติดต่อ

สามีมีโรคติดต่อที่ติดมากับการนอกใจหรือไม่ หรือคุณจะเเน่ใจได้อย่างไรว่า หากครั้งนี้คุณให้อภัยเขาแล้ว ครั้งหน้าเขาจะไม่เอาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มาติดคุณ กลายเป็นคุณพลอยซวยไปด้วยอีก

7.การตั้งครรภ์

การนอกใจของสามีนั้นส่งผลให้เกิดอะไรขึ้นบ้าง เช่น คนที่เขานอกใจไปด้วยเกิดตั้งครรภ์ขึ้นมา แล้วมันคงจะวุ่นวายน่าดูทั้งในเรื่องของความรู้สึกคุณเอง การแบ่งเวลาของสามี และสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมา

การให้อภัย ไม่ใช่เรื่องของใคร แต่มันคือเรื่องของคุณ

หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น คุณควรมีระยะเวลาเพื่อมานั่งคิด ทบทวน ในเรื่องที่เกิดขึ้นว่าหากคุณให้อภัยสามีแล้ว ร่องรอยที่ถูกทำร้ายในใจนั้น มันสามารถเยียวยาได้หรือไม่ คุณไม่จำเป็นต้องลืมเรื่องที่เกิดขึ้น แล้วแสร้งทำเป็นว่ามันไม่เคยเกิดเรื่องราวเหล่านี้ขึ้นมา เพราะการให้อภัยนั้นเป็นอีกก้าวหนึ่งที่ทำให้ความสัมพันธ์ของคุณทั้งคู่เดินต่อไปอีกได้ การยึดติดกับอารมณ์และความรู้สึกในด้านลบนั้นมันเสียทั้งสุขภาพใจและกายของคุณค่ะ การให้อภัยจึงทำให้สุขภาพจิตของสาวๆ ดีกว่า แต่มันก็ควรเป็นการให้อภัยที่ทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น ไม่ใช่รู้สึกแย่ลงนะคะ

ให้อภัยได้ แต่ต้องมีข้อแม้

ซึ่งขึ้นอยู่กับข้อตกลงที่คุณทั้งคู่มีร่วมกันค่ะ สาวๆ บางคนอาจจะต้องการความปลอดภัยในทรัพย์สินเงินทอง หลังจากเกิดเรื่องขึ้น ให้คุณสามีเปลี่ยนชื่อเจ้าของทรัพย์สินให้เป็นของลูกทั้งหมดเลย ไม่ว่าจะเป็นบ้านหรือรถหรือใดๆ ก็ตาม หรืออาจจะยังไม่ให้อภัยทันที แต่ให้เวลาคุณสามีได้ปรับปรุงตัว และตามง้อ แสดงให้เห็นความจริงใจ ก็ทำได้เหมือนกัน

ให้อภัยกี่ครั้ง ใครบอกได้

นั่นขึ้นอยู่กับตัวของคุณเองค่ะสาวๆ เพราะผู่หญิงแต่ละคนนั้นรับมือกับเรื่องนี้ไม่เหมือนกัน และเจอเหตุการณ์ที่ไม่เหมือนกัน บางคนเจอสามีเลี้ยงดูเป็นตัวเป็นตนซื้อบ้านให้ซื้อรถให้ เธอจะไม่ทนไม่ให้อภัยก็ไม่แปลก กลับกันบางคนสามีคือเสาหลักเป็นคนหาเลี้ยงและทรัพย์สินทุกอย่างเป็นชื่อสามี จะให้อภัยก็ไม่แปลกเช่นกัน เพียงแค่ขอเตือนไว้นะคะสาวๆ ว่าการนอกใจมีครั้งแรก(แบบตั้งใจนอกใจ)แล้ว ครั้งต่อไปย่อมตามมาค่ะ ก็คนมันเคย จะมีอีกก็ไม่แปลกค่ะ ขึ้นอยู๋กับคุณแล้วละค่ะ ว่ายังเลือกที่จะให้อภัยหรือเลือกที่จะเลิกๆ กันไป ให้มันจบๆ ไป

วันนี้คุณเอ่ยปาก “ขอบคุณ” กับคนรักข้างๆ หรือยังคะ

ที่มา www.goodhousekeeping.com