วิธีป้องกันและรักษาอาการปวดหลังระหว่างตั้งครรภ์

ช่วงท้องไตรมาสที่ 3 คุณแม่หลายคนอาจมีอาการปวดหลัง เพราะสรีระเปลี่ยนไป มีน้ำหนักมาถ่วงด้านหน้ามากขึ้น เรามาทำความเข้าใจถึงสาเหตุ การป้องกัน และรักษาอาการปวดหลังกันค่ะ

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ท่วงท่า การนั่ง การนอน รองเท้า และปัจจัยหลาย ๆ อย่างทำให้ผู้หญิงตั้งครรภ์ โดยเฉพาะช่วงไตรมาสที่ 3 มีอาการปวดหลัง เรามาขยับให้ถูกต้องเพื่อป้องกัน และหาวิธีรักษาอาการปวดหลังกันได้ คลิกที่นี่

วิธีแก้ปวดหัวอย่างปลอดภัยในช่วงตั้งครรภ์

อาการปวดหัวระหว่างตั้งครรภ์เป็นเรื่องที่ปกติ เพราะส่วนใหญ่แล้ว สาเหตุมาจากอาการเครียดในเรื่องต่างๆ ทั้งการเปลี่ยนเเปลงทางด้านร่างกาย เเละจิตใจ ทำให้คุณแม่มักจะรู้วึกวิตกกังวลหรือเครียดตลอดเวลา บางคนปวดหัวมากบางคนปวดหัวไม่มาก ขึ้นกับความรุนแรงค่ะ ดังนั้น แม่ๆ จึงจำเป็นต้องหา วิธีแก้ปวดหัวอย่างปลอดภัยในช่วงตั้งครรภ์  เพื่อที่จะได้ไม่กระทบกับลูกในท้องนั่นเอง

สาเหตุที่ทำให้คนท้องปวดหัว

  • เกิดจากการเปลี่ยนฮอร์โมนในร่างกายของคนท้อง
  • การขาดน้ำ จะรู้ได้อย่างไรว่าเราขาดน้ำ ให้คุณแม่สังเกตสีของปัสสาวะที่ขับถ่ายออกมาด้วยว่า มีสีเข้มไหม ถ้าเข้มและมีกลิ่นฉุนแสดงว่าเราดื่มน้ำน้อยไปค่ะ
  • เหนื่อยเมื่อยล้า หากรู้สึกเหนื่อยเกินไปในระหว่างวัน อย่าลังเลที่จะงีบสักหน่อย เพราะเมื่อร่างกายเหนื่อยล้าเเล้วคุณเเม่ไม่พักก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งได้เหมือนกันที่ทำให้เกิดอาการปวดหัวได้เช่นกัน
  • ไซนัสอักเสบก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุของการปวดหัวนะคะ ซึ่งวิธีการลดปวดแนะนำให้คุณแม่ลองหาอะไรมาประคบที่บริเวณตาเเละจมูกค่ะ
  • ขาดวิตามินบางชนิด
  • ปวดหัวเพราะไมเกรน
  • เป็นไข้

อาการปวดหัวของคนท้อง ในเเต่ละไตรมาส

ในช่วงไตรมาสที่ 2 คุณแม่อาจจะรู้สึกได้ว่า อาการปวดหัวมีความรุนแรงมากขึ้น เนื่องจากระดับฮอร์โมนที่พุ่งสูงขึ้นนั่นเอง เเต่เเน่นอนว่าอาการปวดหัวที่มาจากสาเหตุอื่นก็สามารถมีได้เช่นกัน คุณอาจต้องสังเกตตัวเองว่าเราป่วยหรือเปล่า หรือมีเรื่องเครียดที่เกิดจากงาน เกิดจากการใช้ชีวิตประจำวัน หรือถ้าไม่ทราบสาเหตุว่าเกิดจากอะไร แถมอาการปวดหัวยังมีความรุนแรงหรือเป็นแล้วไม่หายสักที แนะนำว่าให้ไปพบคุณหมอจะดีที่สุดค่ะ อย่าเพิ่งวางใจเเละห้ามคิดในเเง่ที่ว่าปล่อยไว้ก็อาจจะหายไปเองได้นะคะ เพราะบางทีอาการปวดหัวที่เกิดขึ้นนอกจากจะไม่หายไปเองเเละ กลับจะยิ่งเเย่ลงไปกันใหญ่ได้ค่ะ

สำหรับในช่วงไตรมาสสุดท้าย อาการปวดหัวส่วนใหญ่จะมาจากการเกร็งกล้ามเนื้อบริเวณคอเเละไหล่ ส่งผลต่อเส้นประสาทบริเวณด้านหลังของศีรษะ ซึ่งทำให้เป็นอีกสาเหตุที่ส่งผลให้คุณเเม่ปวดหัวได้เช่นกันนะคะ

ปวดหัวไมเกรนระหว่างการตั้งครรภ์

การปวดหัวไมเกรนอาจจะดีขึ้นได้ในช่วงที่ตั้งครรภ์ค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผ่านไตรมาสเเรกไปเเล้ว เเต่ก็เป็นไปได้เช่นกันที่คุณเเม่จะมีอาการปวดหัวไมเกรนเพิ่มมากขึ้น หรือบ่อยขึ้นค่ะ ซึ่งคุณเเม่สามารถปรึกษาการใช้ยากับคุณหมอที่ฝากครรภ์ได้ เเต่ก็มีวิธีที่ช่วยบรรเทาอาการเเบบธรรมชาติ เช่น งีบ 30 นาที หรือ ดื่มน้ำมากขึ้น

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

วิธีบรรเทาอาการปวดหัวของคนท้อง

  1. บรรเทาอาการปวโดยไม่ต้องใช้ยา เช่น การนวด ประคบร้อนเย็น เเช่น้ำอุ่นๆ
  2. ออกกำลังกายโดยการเคลื่อนไหวช้า ๆ เช่น โยคะหรือพิลาเต้ เอ็นดอร์ฟินจะช่วยทำให้คุณอารมณ์ดีขึ้นด้วย
  3. นวดขมับเบา ๆ และหายใจเข้าออกลึก ๆ นวดกดจุดหรือการฝังเข็มก็สามารถช่วยลดอาการปวดหัวในระหว่างตั้งครรภ์ได้เช่นกัน
  4. นั่งตัวตรงเสมอ โดยเฉพาะในช่วงสามเดือนสุดท้าย นี่จะช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น
  5. ปรับเปลี่ยนอิริยาบถบ่อย ๆ โดยเฉพาะช่วงไตรมาสสุดท้ายของการตั้งครรภ์ เพราะอาการปวดหัว อาจเกิดจากการยืน นั่ง นอนนาน ๆ หรือท่าทางที่ไม่เหมาะสม เพราะกล้ามเนื้อต้องแบกรับน้ำหนักจากแม่ท้องและทารกในครรภ์
  6. ใช้ยาบรรเทาอาการปวด เช่น ไทลินอล พาราเซตามอล (ควรปรึกษาคุณหมอก่อนการใช้งาน และไม่ควรทานต่อเนื่องเป็นประจำ)
  7. หากอาการไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาคุณหมอในเรื่องของการใช้ยาต่างๆ

* ถ้าเป็นไปได้ ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาใดๆ ก็ตามในช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ โดยเฉพาะยาที่ซื้อใช้เอง และควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาให้มากที่สุด

คนท้องเป็นหวัดทำอย่างไร

เวลาที่เป็นหวัดส่วนใหญ่มักจะมีอาการไข้ ปวดศีรษะมีน้ำมูก ไอ หรืออาจมีอาการเจ็บคอร่วมด้วย ถ้าเป็นไม่รุนแรงมักหายได้เองถ้าดูแลรักษาตัวอย่างถูกวิธี โดยการพักผ่อนมากๆ ดื่มน้ำเยอะๆ รักษาร่างกายให้อบอุ่น หรืออาจใช้ยาพาราเซตามอลแก้ปวด มีความปลอดภัย สามารถใช้ลดไข้ได้ตามอาการ โดยรับประทานครั้งละ 2 เม็ดทุก 4-6 ชั่วโมง ถ้ารู้สึกว่ามีไข้ ควรวัดอุณหภูมิสักหน่อยก็ดี ถ้าไข้ไม่สูงก็ลองรับประทานยาไปก่อนได้ แต่ถ้าไข้สูงเกิน 37.80 C ควรปรึกษาแพทย์

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

สำหรับยาลดน้ำมูกที่ใช้กันทั่วไปก็สามารถใช้ได้อย่างปลอดภัย ส่วนยาปฏิชีวนะหรือยาแก้อักเสบไม่จำเป็นต้องใช้ทุกราย จะใช้ก็ในกรณีที่คออักเสบหรือทอนซิลอักเสบร่วมด้วย ส่วนใหญ่ยาปฏิชีวนะที่ใช้รักษาไข้หวัดนั้นก็ปลอดภัย แต่ไม่แนะนำให้ไปซื้อมารับประทานเอง ควรให้แพทย์สั่งให้จะดีกว่า

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

บทความโดย

theAsianparent Editorial Team