เคล็ดลับ! ซักผ้าม่าน และดูแลผ้าม่าน ทำอย่างไร? ให้ขาวสะอาด

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ทุกครั้งของการทำความสะอาดบ้าน นอกจากการทำความสะอาดสิ่งต่าง ๆ แล้ว ผ้าม่านก็เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบที่เราควรต้องใส่ใจและหมั่นดูแลรักษาความสะอาดอยู่เสมอ หากคุณแม่คนไหนที่กำลังอยากรู้ว่า เราควรมี  ซักผ้าม่าน และดูแลผ้าม่าน อย่างไรบ้าง มาดูไปพร้อมกันเลยดีกว่าค่ะ 

ประเภทของผ้าม่าน

สำหรับใครที่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าเราควรซื้อผ้าม่านยังไง หรือควรเลือกผ้าม่านแบบไหน เพื่อจะได้ตอบโจทย์และเข้ากับลักษณะบ้านเรามากที่สุด เรามาดูลักษณะผ้าม่านกันเลยดีกว่าค่ะ 

บทความที่เกี่ยวข้อง : ไอเดียตกแต่งบ้าน กับ 15 วิธีแต่งบ้านสไตล์ท่องเที่ยว สายเที่ยวไม่ควรพลาด

1. ผ้าม่านตาไก่

ผ้าม่านตาไก่ถือเป็นผ้าม่านที่คนส่วนใหญ่ค่อนข้างใช้เยอะอยู่เหมือนกัน ด้วยการดีไซน์ที่ดูคลาสสิก เปิด-ปิดม่านค่อนข้างง่าย อีกทั้งยังเป็นรูปทรงที่ดูสวยและเข้ากับทุก ๆ สไตล์ เพราะฉะนั้นใครที่กำลังมองหาผ้าม่านอยู่ในตอนนี้ ผ้าม่านตาไก่ก็ค่อนข้างจะลงตัวอยู่เหมือนกัน 

 

2. ม่านลอน

เป็นม่านที่มีลักษณะเรียบ ๆ แต่ดูมีอะไร ซึ่งม่านลักษณะนี้จะเป็นม่านที่ผสมผสานระหว่างม่านจีบกับม่านตาไก่ ลักษณะของเนื้อผ้าจะเป็นลอนพับไปมา ดูแล้วค่อนข้างจะเหมาะสมและตอบโจทย์ให้กับคนที่ชอบตกแต่งบ้านมาก ๆ สำหรับใครที่มีความชอบในการตกแต่งบ้าน ชอบความเรียบง่ายแต่ดูมีอะไรเราก็อาจจะเลือกใช้ผ้าม่านเป็นม่านแบบลอนได้เลย รับรองว่าใครที่ออกแบบบ้านจะต้องชอบการดีไซน์นี้

3. ม่านพับ

ม่านประเภทนี้ค่อนข้างเป็นที่นิยม ด้วยการดีไซน์ที่เก๋ไม่ซ้ำใคร สามารถพับเก็บบริเวณด้านบนได้ เรียกได้ว่ามีความสะดวกสบายมาก ๆ นอกจากนี้ยังเป็นม่านที่สามารถติดตั้งในบริเวณแคบ ๆ ได้ เพราะฉะนั้นหากบริเวณไหนภายในบ้านมีลักษณะแคบ เราก็อาจจะเลือกเป็นม่านแบบพับแทนได้ บอกเลยว่าเก๋ไก๋ไม่ซ้ำใครเลยล่ะ

 

4. มู่ลี่

ม่านลักษณะนี้จะมีให้เราเลือก 2 แบบด้วยกัน ได้แก่ แบบที่เป็นไม้และอะลูมิเนียม การดีไซน์ม่านในลักษณะดูเรียบง่าย แต่มีสไตล์เฉพาะตัว สำหรับใครที่ชอบการตกแต่งบ้านแบบสไตล์มินิมอล อยากให้บ้านของเราดูอบอุ่นก็อาจจะเลือกมู่ลี่เป็นแบบไม้ได้ หรือใครที่อยากจะให้บ้านของเราดูทันสมัยและมีความเป็นโมเดิร์นขึ้นมาหน่อย เราก็อาจจะเลือกมู่ลี่แบบอะลูมิเนียมได้ อีกอย่างม่านลักษณะนี้ยังทำความสะอาดง่าย มองดูแล้วไม่น่าเบื่อ เพราะฉะนั้นใครที่กำลังมองหาผ้าม่านมาตกแต่งบ้านสวย ๆ ม่านแบบมู่ลี่ก็เป็นอะไรที่น่าสนใจอยู่เหมือนกัน

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

5. ม่านจีบ

ม่านที่มีความคลาสสิก โดดเด่น ออกแนวร่วมสมัย ซึ่งม่านลักษณะนี้สามารถที่จะทำรางม่านซ่อนบนเพดานได้ ตอบโจทย์สำหรับคนที่มีหน้าต่างและประตูบานใหญ่และสูง หากใครที่ยังเลือกไม่ได้ว่าควรติดบ้านที่บ้านแบบไหนดี อาจจะเลือกติดม่านแบบจีบ เพื่อที่บ้านของเราจะได้ดูสวย เรียบหรู และเป็นระเบียบเรียบร้อยมากขึ้นค่ะ

 

6. ม่านม้วน

เป็นอีกหนึ่งรูปแบบม่านที่ดูทันสมัยและค่อนข้างตอบโจทย์คุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ ลักษณะม่านแบบม้วนเป็นม่านที่มีลักษณะพิเศษและสามารถเก็บได้อย่างมิดชิดไม่เกะกะ สามารถม้วนเก็บบริเวณด้านบนได้ อีกทั้งยังค่อนข้างที่จะทำความสะอาดง่าย เมื่อพูดถึงเรื่องการตกแต่งหากใครที่ชอบความเป็นโมเดิร์น อยากให้การดีไซน์บ้านของเราดูเท่ และมีความทันสมัยขึ้นมาหน่อย ม่านม้วนก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีไม่ใช่น้อย

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

7. ม่านหูกระเช้า

ใครที่อยากจะให้บ้านของเราดูเก๋ มีสไตล์ไม่ซ้ำใคร เราก็อาจจะเลือกเป็นม่านหูกระเช้าได้ ซึ่งม่านลักษณะนี้จะใช้ผ้าเป็นตัวคล้องรางแทนห่วงม่าน อาจทำให้บางครั้งการเปิด – ปิดค่อนข้างลำบากขึ้นมาในบางครั้ง แต่ม่านลักษณะนี้ทำความสะอาดง่าย ไม่ว่าจะนำไปตกแต่งกับบ้านสไตล์ไหนก็ค่อนข้างโดดเด่นมาก ๆ

           

เทคนิคการเลือกผ้าม่าน

องค์ประกอบที่สำคัญที่จะทำให้บ้านของเราดูสวย และตอบโจทย์คุณแม่หลายคนหนึ่งในนั้นคือการเลือกผ้าม่าน เพราะเมื่อไหร่ที่เราเลือกผ้าม่านได้ตรงตามความต้องการ และเลือกผ้าม่านได้อย่างเหมาะสม สิ่งนี้ก็จะทำให้บ้านของเราน่าอยู่และสวยงามขึ้นมาได้เลย ก่อนที่เราจะซื้อผ้าม่านเราควรต้องดูอะไรบ้าง มาดูกันเลยค่ะ 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

บทความที่เกี่ยวข้อง : ส่อง 12 ร้านขายของตกแต่งบ้าน ในไอจี ดีไซน์เก๋ โดดเด่นไม่เหมือนใคร

 

1. ดูลักษณะหน้าต่างและประตู

สิ่งแรกที่เราต้องดูก่อนทำการเลือกซื้อผ้าม่าน เราก็อาจจะต้องดูลักษณะประตูและหน้าต่างด้วยว่ามีเป็นอย่างไร นอกจากดูลักษณะต่าง ๆ แล้วเราก็อาจจะต้องทำการวัดขนาดหน้าต่างและประตูตามไปด้วย เพื่อที่เราจะได้ขนาดผ้าม่านที่เหมาะสมและตรงตามความต้องการมากที่สุด 

 

2. พิจารณาทิศทางของแสงแดด

จากนั้นเราก็อาจจะต้องดูว่าแต่ละห้องของการติดผ้าม่านนั้น เป็นบริเวณที่มีแสงแดดส่องถึงมากน้อยแค่ไหน ถ้าเป็นห้องที่แดดไม่ได้ส่องถึงมาก คุณแม่ก็อาจจะเลือกผ้าม่านที่มีขนาดบางไม่หนาจนเกินไปได้ ในทางกลับกันหากเป็นบริเวณที่แดดส่องค่อนข้างมาก เราก็อาจจะต้องเลือกผ้าม่านที่ดูหนาและเป็นเนื้อผ้าสำหรับกรองแสง เพื่อที่จะได้บังแดด และป้องกันความร้อนภายในบ้านของได้

 

3. การเลือกโทนสี

นอกเหนือจากสิ่งต่าง ๆ แล้ว การเลือกโทนสีก็เป็นอะไรที่เราควรให้ความสำคัญด้วยเช่นกัน ซึ่งการเลือกโทนสีของผ้าม่านนั้น เราอาจจะดูก่อนว่าเราชอบการตกแต่งบ้านสไตล์ไหน หรือถ้าเราเลือกโทนสีเหล่านี้ไปแล้วจะดูเหมาะสมหรือเปล่า เพราะฉะนั้นหากใครที่ชอบตกแต่งบ้านแบบสไตล์โมเดิร์น อยากให้บ้านของตัวเองดูเท่ขึ้นมา เราก็อาจจะเลือกเป็นผ้าม่านโทนสีทึบได้ หรือหากใครที่อยากจะให้บ้านของเราดูกว้างขวาง สบายตา และรู้สึกปลอดโปร่งเราก็อาจจะเลือกเป็นผ้าม่านโทนสีสว่างได้เหมือนกัน

 

4. ดูลวดลายของผ้า

สิ่งที่เราต้องดูอีกอย่างหนึ่งก่อนที่จะทำการซื้อผ้าม่านนั่นคือลวดลายของเนื้อผ้า ซึ่งสิ่งนี้อาจจะต้องเลือกตามความชอบของเราได้เลย สำหรับใครที่อยากจะให้บ้านของตัวเองดูสวยมีเอกลักษณ์ ไม่อยากให้บ้านดูน่าเบื่อ เราก็อาจจะเลือกผ้าม่านแบบลวดลายต่าง ๆ ได้ หรือใครที่ชอบความเรียบง่าย เราก็อาจจะเลือกเป็นลวดลายน่ารัก ๆ เพียงเท่านี้ก็สร้างบรรยากาศภายในบ้านให้น่าอยู่ไม่น้อยเลย

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

5. ดูลักษณะของเนื้อผ้า

ทุกครั้งของการตัดสินใจในการเลือกซื้อผ้าม่าน คุณแม่อาจจะต้องดูลักษณะเนื้อผ้าของผ้าม่านตามไปด้วย ซึ่งเนื้อผ้าที่เราเลือกนั้นอาจจะเลือกเป็นเนื้อผ้าที่สามารถกรองแสงได้ และทำความสะอาดได้ง่าย เพราะเมื่อไหร่ที่เราเลือกซื้อตามความชอบ แต่ไม่ได้ดูลักษณะของเนื้อผ้า สิ่งนี้ก็อาจจะทำให้เราลำบากเวลาทำความสะอาดได้ 

 

วิธีการดูแลผ้าม่านที่เราควรรู้

1. แยกซักเป็นชุด ๆ

การที่เราจะซักผ้าม่านในแต่ละครั้ง คุณแม่อาจจะต้องแยกซักผ้าม่านเป็นชุด ๆ ซึ่งเราอาจจะเลือกก่อนว่าเราจะซักห้องไหนก่อน ไม่ควรที่จะซักครั้งเดียวรวมกัน เพราะวัสดุอุปกรณ์ที่ติดกับตัวผ้าม่าน หรือผ้าม่านบางประเภทอาจไม่เหมือนกัน

บทความที่เกี่ยวข้อง : 9 วิธีซักผ้าขาว ขาวจั๊วะเหมือนใหม่ เปลี่ยนผ้าหมองเป็นผ้าใหม่ แม่บ้านต้องอ่าน

 

2. เลือกซักอย่างเหมาะสม

สิ่งที่เราควรคำนึงถึงต่อมาคือการเลือกซักที่พอประมาณ หากคุณแม่อย่างที่จะทำความสะอาดบ้าน แน่นอนว่าหากเราจะซักผ้าม่านให้เสร็จภายในวันเดียว สิ่งนี้ก็อาจจะเป็นเรื่องยากขึ้นมาหน่อย เพราะฉะนั้นเราก็อาจจะแบ่งซัก หรือเลือกซักให้เหมาะสม โดยอาจจะเลือกซักผ้าม่านโซนที่สกปรกก่อนนั่นเอง

 

3. ถอดอุปกรณ์ให้เรียบร้อย

มาต่อกันที่ข้อนี้ก็เป็นอะไรที่ไม่ควรมองข้ามเช่นกัน ก่อนที่คุณแม่จะนำผ้าม่านไปซัก เราอาจจะต้องดูด้วยผ้ามีอุปกรณ์หรือห่วงอะไรติดมากับผ้าม่านหรือเปล่า เพราะถ้าหากเราไม่ทำการถอดอุปกรณ์ให้เรียบร้อยก่อนซัก สิ่งนี้ก็อาจจะทำให้เกิดอันตรายระหว่างซักได้

 

4. สามารถซักในเครื่องได้

วิธีซักผ้าม่านและดูแลผ้าม่าน ขั้นตอนนี้เราอาจจะต้องดูก่อนว่าผ้าม่านที่เราจะนำมาซักนั้น สกปรกหรือมีฝุ่นละอองเยอะหรือเปล่า หากผ้าม่านเราไม่ได้สกปรกมากเท่าไหร่ หรือเป็นผ้าม่านขนาดเล็กที่ไม่ได้หนามาก คุณแม่สามารถนำมาซักในเครื่องซักผ้าได้เลย ที่สำคัญไม่ควรซักพร้อมกันในปริมาณที่มาก เพราะอาจจะทำให้ผ้าม่านเราไม่สะอาดได้เช่นกัน

 

5. ปรับโหมดการซักให้เหมาะสม

ต่อมาให้เราปรับโหมดการซักใหม่ โดยอาจจะต้องเลือกโหมดสำหรับผ้าหนา เพราะเนื้อผ้าประเภทนี้ค่อนข้างต่างจากเสื้อผ้าที่เราใส่ หากใครที่อยากจะให้ผ้าม่านของเราสะอาดได้เร็วขึ้น ลองปรับโหมดการซักเป็นผ้าหนากันนะคะ

 

6. กรณีผ้าม่านมีฝุ่นมาก

หากผ้าม่านมีฝุ่นละอองเกาะเป็นจำนวนมาก หรือค่อนข้างที่จะสกปรกขึ้นมาหน่อย เราอาจจะต้องทำการซักด้วยน้ำสะอาดก่อน ซึ่งขั้นตอนนี้อาจจะปั่นโดยเครื่องซักผ้าก่อน แต่เมื่อไหร่ที่ปั่นแล้วยังมีฝุ่นละอองเกาะอยู่เหมือนเดิม คุณแม่ก็อาจจะต้องใช้โหมดการปั่นสำหรับผ้าหนา พร้อมกับทำการปั่นด้วยน้ำสะอาดใหม่อีกรอบ

 

7.  มีคราบสกปรกฝังแน่น

กรณีที่มีคราบสกปรกฝังแน่น หรือล้างไม่ออก คุณแม่อาจจะต้องมีตัวช่วยเพิ่มขึ้นมาโดยอาจจะต้องเทน้ำส้มสายชูลงในบริเวณที่เป็นคราบ จากนั้นทิ้งไว้สักพักก็สามารถนำไปซักได้ตามปกติเลยค่ะ

 

8. ทำความสะอาดรางผ้าม่าน

นอกจากตัวผ้าม่านที่คุณแม่ต้องดูแลเอาใจใส่แล้ว เราอาจจะต้องทำความสะอาดบริเวณรอบ ๆ รางม่านให้สะอาดตามไปด้วย เพราะหากเราทำความสะอาดเฉพาะตัวผ้าม่านเพียงอย่างเดียว ฝุ่นละอองที่เกาะอยู่รอบ ๆ รางผ้าม่านก็อาจจะส่งผลทำให้ผ้าม่านเราสกปรกอีกตามเคย

 

9. จัดให้อยู่ในรูปทรงตามเดิม

เมื่อเราทำการซักเสร็จเรียบร้อยแล้ว เมื่อมาถึงขั้นตอนของการตากผ้าม่าน เราอาจจะต้องดูลักษณะผ้าม่านของเราว่าเป็นผ้าม่านรูปทรงแบบไหน จากนั้นก็ทำการตากให้เป็นไปตามรูปทรงของผ้าม่าน พร้อมกับจัดผ้าให้เรียบมากที่สุด 

 

10. นำไปใส่อุปกรณ์ตามปกติ

เมื่อผ้าม่านแห้งแล้ว จากนั้นเราก็นำผ้าม่านไปติดอุปกรณ์ใส่ห่วงตามปกติ หากเนื้อผ้ามีรอยยับ เราอาจจะต้องใช้เตารีดไอน้ำรีดแทน ไม่ควรรีดอุณหภูมิที่ร้อนจนเกินไป เพราะสิ่งนี้อาจจะทำให้เนื้อผ้าของเราเกิดความเสียหายขึ้นมาได้

 

ซักผ้าม่าน และดูแลผ้าม่าน ที่เราได้นำมาฝากคุณแม่ในวันนี้ อาจทำให้คุณแม่หลายคนคลายความกังวลขึ้นมาได้ไม่มากก็น้อย สำหรับใครที่กำลังพบเจอกับปัญหาการทำความสะอาดผ้าม่าน หรือสิ่งต่าง ๆ ภายในบ้าน สามารถเข้ามาดูวิธีการทำความสะอาดและเคล็ดลับต่าง ๆ ตามแอดได้เลยนะคะ เชื่อว่าปัญหาเหล่านั้นจะหมดไปอย่างแน่นอนค่ะ

 

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :

12 เทคนิคทำความสะอาดบ้าน เคล็ดลับง่าย ๆ ในบ้าน ที่แม่ ๆ ต้องรู้!

หยุดปัญหา ไรฝุ่น ฝุ่นละอองขนาดเล็ก ด้วยเคล็ดลับทำความสะอาดบ้านอย่างทรงพลัง

เทคนิค ทำความสะอาดบ้าน และ กำจัดของที่กองระเกะระกะ

ที่มา : 1 , 2

บทความโดย

Tidaluk Sripuga