แพทย์เตือน! ไรโนไวรัส ระบาดทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ รุนแรงอาจถึงขั้นปอดอักเสบ

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ถึงแม้ว่าในปัจจุบันสถานการณ์ของโรคโควิด-19 จะลดน้อยลงมากแล้ว แต่ก็ยังมีการพบผู้ป่วยอยู่เป็นประจำ และในขณะเดียวกันกลับมีรายงานการระบาดของ ไรโนไวรัส ที่พบทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ แพทย์เตือน! ไรโนไวรัส ระบาดทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ รุนแรงอาจถึงขั้นปอดอักเสบ

 

แพทย์เตือน! ไรโนไวรัส ระบาดทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ รุนแรงอาจถึงขั้นปอดอักเสบ

ทางนพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ แพทย์เฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ ได้โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC  ระบุว่า

"ช่วงนี้ไรโนไวรัส (Rhinovirus) กำลังแพร่ระบาดทั้งในเด็กและผู้ใหญ่รองจากไวรัสโควิดและไข้หวัดใหญ่ ที่น่าแปลกคือ ไรโนไวรัสไม่ใช่เล่นงานแต่ทางเดินหายใจส่วนบน ทำให้ป่วยเป็นโรคหวัดธรรมดาเหมือนแต่ก่อน ปัจจุบันไรโนไวรัสมีความรุนแรงมากขึ้น บางคนไอมากจนนอนไม่ได้ บางคนตาแดง บางคนเชื้อไรโนไวรัสเล่นงานทางเดินหายใจส่วนล่างลงหลอดลมและลงปอด ทำให้เกิดปอดอักเสบได้

ผู้ป่วยหญิงอายุ 90 ปี มีไข้ น้ำมูก เจ็บคอ ไอมาก มีเสมหะ 5 วัน ไม่เหนื่อย อยู่ใกล้ชิดกับลูกชายอายุ 70 ปี ป่วยเป็นไข้หวัด ผู้ป่วยมีโรคประจำตัว ความดัน ไขมัน โรคไตเสื่อม ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่
ตรวจร่างกาย อุณหภูมิ 38 องศาเซลเซียส ระดับออกซิเจนปกติ 96% ฟังปอดปกติ ส่งตรวจรหัสพันธุกรรม 22 สายพันธุ์ พบเชื้อไรโนไวรัส (Rhinovirus) เพียงตัวเดียว
เอกซเรย์ปอดพบฝ้าขาวที่ปอดด้านขวาล่าง (ดูรูป)
เจาะเลือด เม็ดเลือดขาวปกติ ส่งเพาะเชื้อในเลือดไม่ขึ้นเชื้อแบคทีเรีย
วินิจฉัย : ปอดอักเสบจากเชื้อไรโนไวรัส (Rhinovirus)
ให้ยาสเตียรอยด์ขนาดต่ำๆ 5 วัน ผู้ป่วยดีขึ้น ไม่มีน้ำมูก ไม่เจ็บคอ ไม่มีไข้ ไอลดลง เอกซเรย์ปอดฝ้าขาวลดลง (ดูรูป) นอนในโรงพยาบาลทั้งหมด 5 วัน
ติดตามหลังจากออกจากรพ. 5 วัน ไอน้อยลงมาก เอกซเรย์ปอดฝ้าขาวด้านขวาล่างลดลงอีก (ดูรูป)"

ไรโนไวรัส คืออะไร

ไรโนไวรัส (Rhinovirus) เป็นไวรัสที่ทำให้เกิดโรคกับจมูก เป็นสาเหตุของการติดเชื้อไวรัสที่พบได้บ่อยสุดในมนุษย์ และเป็นสาเหตุส่วนใหญ่ของโรคหวัดตามฤดูกาล โรคหวัดที่พบบ่อยมากในเด็ก จะมีสาเหตุจาก rhinovirus (HRV) เป็นส่วนใหญ่ ที่เป็นหวัดจะเป็น HRV-A และ HRV-B เพราะไวรัสนี้จะชอบอากาศเย็น หรืออุณหภูมิต่ำ จะอยู่ที่จมูก ถ้าเข้าหลอดลม แล้วอุณหภูมิสูงกว่า จะอยู่ไม่ได้ จึงมักไม่มีอาการมาก เป็นแค่หวัดธรรมดา ต่อมาตั้งแต่ปี 2006 พบไรโนไวรัสตัวใหม่ คือ HRV-C ที่ทนความร้อนได้ดี จึงลงหลอดลมได้ทำให้เกิดอาการได้มากกว่า ตั้งแต่หลอดลมอักเสบ ปอดบวม อาการจึงคล้าย RSV พบการระบาดช่วงนี้มากขึ้น HRV-C

อาการของผู้ป่วยไรโนไวรัสเป็นอย่างไร ?

ผู้ที่ติดเชื้อไรโนไวรัส (Rhinovirus) จะมีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล ไอ จาม เจ็บคอ โดยหากมีการติดเชื้อไรโนไวรัสอาจทำให้เกิดการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนล่าง คือ ไข้ ไอ หายใจหอบเหนื่อย จากภาวะหลอดลมอับเสบและปอดอับเสบ และอาจอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ในเด็กเล็ก ๆ โดยเฉลี่ยแล้วเด็กจะเป็นไข้หวัด 6-12 ครั้งต่อปี ผู้ใหญ่จะเป็น 2-4 ครั้ง ผู้หญิงเป็นบ่อยกว่าผู้ชายเนื่องจากใกล้ชิดกับเด็ก สำหรับผู้สูงอายุอาจจะเป็นปีละครั้ง

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

การรักษาไรโนไวรัส

สำหรับผู้ที่ติดเชื้อไรโนไวรัส ไม่มีการรักษาที่เฉพาะเจาะจง แต่จะเป็นการรักษาตามอาการ โดยกลุ่มที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ได้แก่ เด็กเล็กที่มีอายุต่ำกว่า 2 ปี ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ คนที่มีโรคเรื้อรัง ทั้งนี้เพราะเด็กเล็กยังไม่สามารถดูแลตัวเองได้ หายใจไม่สะดวก หากป่วยแล้วดูแลไม่ดี ไปหาหมอไม่ทันเวลา อาจทำให้เกิดอาการปอดอับเสบ และอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ไรโนไวรัสป้องกันอย่างไร ?

สำหรับวิธีในการป้องกันไรโนไวรัสเบื้องต้นนั้น เป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถทำได้ง่าย ๆ อย่างเช่น หมั่นล้างมือบ่อย ๆ ด้วยน้ำและสบู่ หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย ปิดปากและจมูกเวลาไอหรือจาม และไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกัน เช่น แก้วน้ำ ผ้าเช็ดหน้า เพียงเท่านี้ก็เป็นการป้องกันการติดเชื้อไรโนไวรัสเบื้องต้นได้แล้ว

 

ถึงแม้ว่าไรโนไวรัสจะสามารถพบได้บ่อย ๆ ได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ แต่ก็ไม่บ่อยนักที่จะมีรายงานอาการรุนแรงที่มาจากไรโนไวรัส การดูแลสุขภาพ พักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารครบ 5 หมู่ หมั่นล้างมือบ่อย ๆ ไม่ไปในที่คนแออัด เพียงเท่านี้ก็จะช่วยป้องกันเชื้อไรโนไวรัสได้

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

บทความที่น่าสนใจ :

วิธีสอนลูกล้างมือ ทำไงดีลูกไม่ชอบ ล้างมือ ตอนนี้กลัวโคโรน่าอยากให้ลูกล้าง

สอนลูกล้างมือยังไง ให้ห่างไกลโนโรไวรัส

ปอดอักเสบในเด็ก อาการป่วยอันตราย สังเกตอย่างไรได้บ้าง ?

ที่มา :

หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC

thairath.co.th, thaipbs.or.th, thonburithawiwatthana.com

บทความโดย

watcharin