ภรรยาโพสต์ข้อความขอความช่วย ตามหาสามีพร้อมลูก ได้ขับรถหายออกไปพร้อมกับลูกชายวัย 3 ขวบ คาดว่าสาเหตุความเครียดมาจากการถูกหลอกไปทำงานต่างประเทศ เสียหายกว่าแสนบาท พบว่าได้มือถือทิ้งไว้ข้างทาง ยังไม่รู้ชะตา
วันที่ 2 ก.พ. 66 ภรรยา อายุ 34 ปี คนพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ ได้เข้าแจ้งความที่สภ.โนนสุวรรณ หลังจากที่สามี อายุ 35 ปี ได้อุ้มลูกชายวัย 3 ขวบ ขึ้น รถเก๋งมาสด้า สีบรอนซ์เทา ทะเบียนจังหวัดบุรีรัมย์ ขับหายออกไป เกรงว่าจะเกิดอุบัติเหตุ หรือว่าเกิดอันตรายกับลูกชาย
ด้านภรรยา เผยว่า ก่อนหน้านี้ตนเองและสามีเคยไปทำงานที่ประเทศไต้หวันด้วยกัน แต่กลับมาอยู่ที่ประเทศไทยสักพักแล้ว และได้มีคนติดต่อเข้ามาว่า จะพาไปทำงานที่ประเทศแคนาดา โดยให้จ่ายเงินคนละ 5 หมื่น จำนวน 2 คน รวมเป็น 100,000 บาท ได้ทำการจ่ายเงินไปแล้ว แต่พบว่าคนที่เรียกเก็บเงินไม่ได้พาเดินทางไปทำงานจริง ตนเองและสามีจึงได้ขับรถกันมา เพื่อแจ้งความเพราะต้องการได้เงินคืน ทั้งนี้หากไม่คืนก็จะได้ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ในขณะที่ตำรวจกำลังสอบปากคำตนเองอยู่ ตัวสามีก็ดูมีท่าทางแปลกไป ก่อนที่จะอุ้มลูกชายวัย 3 ขวบขึ้นรถเก๋งมาสด้าและขับออกไปจากโรงพัก โดยที่ตนเองไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน โทรศัพท์มือถือก็ติดต่อไม่ได้ รู้สึกเป็นห่วงลูกชายอย่างมาก เพราะสามี มีอาการเหมือนสติหลุด และยังเหมือนมีอาการหวาดระแวง ว่าตนจะคุยเฟซบุ๊กกับบุคคลอื่น ทั้งที่ตนไม่ได้คุยกับใคร แต่สามีนั้นคิดไปเอง เมื่อ 3-4 วันก่อนสามีได้มีการดื่มสุราอย่างหนักด้วย
ทางด้านแม่สามี เปิดเผยว่า ลูกสะใภ้โทรมาแจ้งว่า ลูกชายตนเองได้ขับรถเก๋งพาหลานชาย หายออกไปจากโรงพักในลักษณะที่มีอาการเครียดจัด โดยไม่มีใครทราบว่าจะไปที่ไหน ตนเองก็ตกใจ วอนให้ญาติช่วยกันออกตามหา และได้โทรศัพท์ไปเพื่อพูดคุย แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ ด้วยความเป็นห่วงจึงอยากวอนขอให้ตำรวจช่วยติดตาม และสกัดดักรถของลูกชาย ตนเองนั้นรู้สึกเป็นห่วงทั้งลูกชายและหลานชาย
ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการประสานไปยังพื้นที่ใกล้เคียง ให้เร่งช่วยออกตามหา ตามที่ญาติได้แจ้งขอความช่วยเหลือไว้ ผ่านไปหลายชั่วโมงก็ยังไม่พบวี่แววของรถเก๋งคันดังกล่าว หากใครพบเห็นให้ช่วยแจ้งเบาะแสด้วย
ล่าสุด 3 ก.พ. 66 เจ้าของเรื่องได้แจ้งว่าเจอลูกชายวัย 3 ขวบแล้ว โดยได้โพสต์ระบุข้อความว่า “ตอนนี้เจอแล้วนะคะ เหมารถแท็กซี่ย้อนกลับมาจากโคราช มาหายายผัดที่หนองตาหมู่นางรอง ปลอดภัยดีทั้งพ่อทั้งลูกแต่ยังพูดไม่ได้สติเท่าไร กราบขอบพระคุณทุกคนที่ช่วยตามหานะคะ”
และโพสต์ข้อความเพิ่มเติมอีก 1 โพสต์พร้อมลงรูปลูกชายที่ได้กลับมาอย่างปลอดภัยดี โดยระบุข้อความว่า “ทุก ๆ ท่านพลังโซเชียล กราบขอบพระคุณมาก ๆ ค่ะ ขอบคุณทุก ๆ ความห่วงใยที่ส่งมาให้ ขอบคุณครอบครัว ขอบคุณพี่น้องทุก ๆ คนที่ช่วยตามหา น้องกลับมาแล้ว ปลอดภัยทั้งพ่อทั้งลูก ขับรถไปโคราช ไปนอนโรงแรม ขากลับเหมาแท็กซี่มาหาย่าผัดที่นางรอง แม่ดีใจไม่รู้จะพูดยังไง ขวัญเอยขวัญมา อาร์กอนเอ้ย”
บทความที่เกี่ยวข้อง : ลูกหายไปต้องทำยังไง และสิ่งพ่อแม่ที่ควรสอนลูก หากเกิดพลัดหลงกัน
สอนลูกให้รู้ทันก่อนถูก มิจฉาชีพลักพาตัว
การสูญหายของเด็ก จากการถูกลักพาตัวนั้นสร้างความกังวลและเศร้าเสียใจให้กับพ่อแม่และญาติเป็นอย่างยิ่ง และหากทราบว่าเด็กถูกทำร้ายอย่างทารุณหรือถูกฆาตกรรม นั้นยิ่งเป็นเรื่องน่าเศร้าสะเทือนใจเป็นอย่างมาก ในสังคมที่มีแต่ภัยรอบด้านและมีมิจฉาชีพอยู่รอบ ๆ ตัว ซึ่งคนร้ายมักมาในรูปแบบที่เหนือความคาดหมาย ทั้งมาในมาดคนใจดีหรือคนสนิท ทั้งเข้าหาเด็ก ๆ ในสถานที่สาธารณะทั่วไป และมักจะมีวิธีการล่อลวงต่าง ๆ ให้เด็กนั้นหลงเชื่อว่าตัวเองไม่ใช่คนร้าย
1. บอกลูกว่า “คนร้ายอาจไม่ใช่คนแปลกหน้าเสมอไป”
ห้ามใช้แค่คำว่า คนแปลกหน้ากับลูกบ่อย ๆ เนื่องจากทุกวันนี้คนร้ายมักมาในรูปแบบของคนใจดี หรือคนที่น่าไว้ใจ ให้สอนลูกดูจากพฤติกรรมแทน เช่น ถ้าหากมีคนขับรถผ่านไปแล้วยิ้มให้นั่นถือได้ว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าหากมีคนขับรถมาจอดแล้วพยายามพาตัวลูกเข้าไปในรถ นั่นแหละเป็นเรื่องผิดปกติ ให้ลูกมีปฏิกิริยาตอบโต้ เช่น ส่งเสียงร้องดัง ๆ
บทความที่เกี่ยวข้อง : ภัยใกล้ตัว! สอนลูกให้รู้ทันก่อนถูก มิจฉาชีพลักพาตัว
2. ฝึกทักษะการร้องขอความช่วยเหลือ
คุณพ่อคุณแม่อาจเคยตั้งข้อบังคับกับลูกว่า ห้ามส่งเสียงดังในห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร หรือในที่สาธารณะ ให้ปรับเปลี่ยนวิธีการพูดกับลูกว่า เมื่อไหร่ที่ลูกรู้สึกไม่ปลอดภัย หรือมีคนรังแกให้ลูกลืมข้อบังคับเรื่องนี้ไปซะ และให้ลูกส่งเสียงร้องดัง ๆ เพื่อเป็นการส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือได้
3. สอนลูกให้รู้จักขออนุญาตทุกครั้งเวลาจะไปไหนกับใคร
ตั้งกฎกติกากับลูกว่า หากลูกต้องการออกไปวิ่งเล่นกับใครนอกจากพ่อแม่ ให้ลูกมาขออนุญาตพ่อหรือแม่ก่อนทุกครั้ง ก่อนที่จะออกไปเล่นได้ ฝึกความเคยชินให้ลูกตั้งแต่เด็ก ๆ ให้ลูกมาขออนุญาตทุกครั้ง แม้กระทั่งต้องออกไปกับคนสนิท เช่น ตา ยาย หรือพี่เลี้ยง เพื่อให้ติดเป็นนิสัยให้ลูกได้รู้ว่า หากมีคนชวนไปไหน ลูกจะต้องบอกพ่อแม่ก่อนเสมอ เป็นการบังคับให้ลูกอยู่ในสายตาพ่อแม่ตลอดเวลา
4. คำแนะนำเพิ่มเติมสำหรับคุณพ่อคุณแม่
- หมั่นไปสังเกตการณ์ที่หน้าโรงเรียนลูกบ่อย ๆ ว่ามีใครเข้ามาคุยหรือเล่นกับลูกบ้าง
- สถานที่เสี่ยงที่พึงระวัง เช่น บ้าน ตลาด ห้างสรรพสินค้า สวนสาธารณะ เป็นต้น
- เวลาไปไหนควรจูงมือเด็กตลอดเวลา ไม่ทิ้งไว้ลำพังและไม่ให้คลาดสายตา
ไม่ว่าใครก็คงไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นกับตัวเอง และคนในครอบครัว ข้อแนะนำทั้งหมดนี้ หากถูกปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยลดอัตราเสี่ยงต่อการถูก มิจฉาชีพลักพาตัวไปได้เป็นอย่างมาก คุณพ่อคุณแม่ควรเริ่มสำรวจความพร้อม เช็คไหวพริบของลูก ๆ และฝึกหัดลูก ๆ ได้เลยนะคะ ก่อนที่อะไรจะสายเกินแก้
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
เด็ก 10 ขวบ สภาพโดนมัดมือมัดเท้า กุเรื่องถูกลักพาตัว เหตุเพราะกลัวถูกตี!
ป้องกันเด็กหาย!!! เริ่มที่พ่อแม่สอนลูกให้ถูกทาง
ทำความรู้จักกับระบบแจ้งเตือนฉุกเฉิน AMBER Alerts ให้มากขึ้น ตัวช่วยหลักเพื่อป้องกันปัญหาเด็กหาย
ที่มา : facebookโหนกระแส, 2