โซเชียลแฉ "น้องวีน" สอบติดหมอ แต่ยากจนไม่มีเงินเรียน

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

จากกรณีของ "น้องวีน" เด็กพัทลุง นายกันตภณ เต่าจันทร์ อายุ 18 ปี ศึกษาที่โรงเรียนปัญญาวุธ อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง สามารถ สอบติดหมอ ผ่านการคัดเลือกเป็นนักศึกษาคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ สงขลา แต่กลับติดปัญหาและอุปสรรคในการศึกษาต่อ เนื่องจากว่าทางครอบครัวมีฐานะยากจน ทำให้ได้เปิดบัญชีขอรับบริจาคช่วยเหลือ"น้องวีน" ที่จะเตรียมตัวไปยืนยันสิทธิ์ศึกษาต่อในคณะแพทยศาสตร์ ระหว่างวันที่ 7-8 กุมภาพันธ์ นี้ ล่าสุดเมื่อวันที่ 8 ม.ค.66 ที่ผ่านมาได้ปิดรับบริจาคแล้ว

 

 

โดย นายกันตภณ เต่าจันทร์ หรือน้องวีน อายุ 18 ปี นักเรียนชั้น ม.6 ศึกษาในโรงเรียนปัญญาวุธ ได้ผ่านการทดสอบโดยมีผู้สอบได้ 8 คนจาก 11 คน ซึ่งน้องวีนสอบได้อันดับที่ 1 จากการตรวจสอบประวัติการศึกษาของน้องวีน ทำให้ได้ทราบว่าจบชั้น ป.1-3 มาจากโรงเรียนวีรนาถศึกษา ในชั้น ป.4-6 จากโรงเรียนบ้านสวนโหนด ในชั้น ม.1-3 จากโรงเรียนบ้านสวนโหนด และชั้น ม.4-6 โรงเรียนปัญญาวุธ

 

ด้านนางอำภา สังข์ทอง อายุ 42 ปี แม่น้องวีน ได้เผยกับทีมข่าวว่า ครอบครัวของตนเองมีฐานะยากจน แต่งงานมาแล้ว 2 ครั้งด้วยกัน แต่ด้วยฐานะยากจน จึงต้องแยกย้ายกันกับสามีทั้ง 2 คน ตนมีบุตรด้วยกัน 2 คน คือ น้องวีน และ ด.ช.ธนกร ทองกร อายุ 9 ปี นักเรียนชั้น ป.3 โรงเรียนบ้านสวนโหนด สำหรับตนเองนั้นมีอาชีพรับจ้างกรีดยาง และเป็นแม่ค้ารายย่อยออกรับซื้อเศษยางตามสวนยางต่าง ๆ โดยได้รายได้สูงสุดไม่เกินวันละ 400 บาท ตนเองสู้ชีวิตเพื่อลูกมาโดยตลอด

 

ทั้งนี้ในระหว่างวันที่ 7-8 กุมภาพันธ์ 2566 น้องวีนจะต้องเข้าไปยืนยันสิทธิ์ในการศึกษาต่อ ในคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จังหวัดสงขลา หากผู้มีจิตเมตตา ต้องการสนับสนุนช่วยบริจาคเงิน เป็นทุนการศึกษาในการศึกษาต่อให้กับน้องวีน สามารถโอนเงินเข้าบัญชี น้องวีน ได้ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาโลตัสพัทลุง - เลขที่บัญชี 428-075436-8 หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่น้องวีน โทร. 063-6638066

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

ล่าสุดเมื่อวันที่ 8 ม.ค.66 ครอบครัวของน้องวีน ได้ปิดบัญชีการรับบริจาคแล้ว ซึ่งน้องวีนได้ขอขอบพระคุณผู้มีจิตเมตตาทุกท่าน ทุกหน่วยงาน ที่ได้ให้การสนับสนุน ทุนการศึกษาในการเรียนต่อในคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จังหวัดสงขลา ให้คำสัญญาว่าจะตั้งใจเรียน และจะนำทุนการศึกษาที่ได้รับไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

 

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

อย่างไรก็ตามในโลกออนไลน์ได้มีการขุดภาพของน้องวีน"กันตภณ เต่าจันทร์" ซึ่งทางเพจ Social Hunter 2021 ได้โพสต์ภาพ พร้อมข้อความ เฮ้ยยย...จริงดิ #รอน้องออกมาชี้แจงนะคะ จะเหมือนตำนานดิออร์มั้ยน้อ ซึ่งก็ได้มีภาพจากอินสตาแกรมน้องวีน ที่ในมือได้ถือมือถือ IPhone และที่ข้อมือใส่นาฬิกา Apple watch พร้อมมีการเซลฟี่ถ่ายรูป

บทความที่เกี่ยวข้อง ขอความช่วยเหลือ! เด็กกตัญญู ดูแลป้าป่วยเบาหวาน ไร้หน่วยงานเกี่ยวข้องดูแล

 

อยากให้ลูกเป็นหมอ พ่อแม่ห้ามลืมทำ 6 ข้อนี้เด็ดขาด !

1. เรื่องอนาคตสำคัญ ต้องถามลูกก่อนเสมอ

ถึงแม้พ่อแม่จะอยากให้ลูกเป็นหมอ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นแบบนั้นเสมอไป เพราะต้องขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกด้วย เด็กหลายคนอาจไม่รู้ตัวเองว่าโตไปแล้วอยากเป็นอะไร สำหรับช่วงอายุที่เหมาะสมที่จะคุยเรื่องความฝันจะอยู่ในช่วงประถมศึกษาตอนปลาย ป. 4 – ป. 6 อายุระหว่าง 10 – 12 ปี หรือจะอยู่ในช่วงของมัธยมศึกษาตอนต้นก็ได้ คือ ในช่วง ม. 1 – ม. 3 อายุระหว่าง 13 – 15 ปี

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

หากเป็นไปได้ไม่ควรปล่อยให้ลูกไม่รู้ถึงอาชีพที่อยากเป็นจนถึงช่วง ม.ปลาย เพราะบางอาชีพอาจต้องใช้เวลาในการเตรียมตัวมากกว่าที่คิด พ่อแม่สามารถพูดคุยถึงอาชีพต่าง ๆ ได้ ไม่ใช่แค่หมอเท่านั้น แต่ยังรวมถึงอาชีพอื่น ๆ ให้ลูกได้รู้ถึงข้อดี และข้อจำกัดของแต่ละอาชีพ รวมถึงลักษณะการทำงานของอาชีพนั้น ๆ ว่ามีลักษณะเป็นอย่างไร หากลูกสนใจอาชีพไหน ก็สามารถช่วยลูกศึกษาสิ่งที่อาชีพนั้นทำจริง ๆ

 

 

2. หาเวลาว่างเพื่อให้ลูกรู้จักอาชีพหมอมากขึ้น

เมื่อลูกมีความคิดแน่ชัดแล้วว่าอยากเป็นหมอ โดยไม่ได้ผ่านการโน้มน้าวของคุณพ่อคุณแม่ เวลาหลังจากนี้ ควรหาเวลาว่างมาศึกษาสิ่งที่หมอจะต้องทำในสาย เพื่อเจาะลึกมากยิ่งขึ้น ซึ่งในปัจจุบันสามารถศึกษาได้ง่ายขึ้น เนื่องจากมีสื่อออนไลน์มาเป็นตัวกลาง ในการศึกษาว่าคนเรียนแพทย์ต้องเจอกับอะไรบ้าง เป็นต้น นอกจากนี้หากมีคนใกล้ตัวที่เป็นหมอ สามารถหาโอกาสในการพูดคุยกันได้ก็ควรทำ เพื่อให้ลูกได้รับประสบการณ์ และเรื่องราวที่ควรรู้หลาย ๆ แง่มุม หรือการพาลูกไปเข้าค่ายที่เกี่ยวกับหมอ เป็นต้น

 

3. เลือกสายการเรียนที่เหมาะสม

อย่างที่แนะนำไป เรื่องอาชีพในฝันของเด็ก ๆ ควรจะต้องพูดคุยก่อนจะขึ้น มัธยมปลายเพราะสายการเรียนจะถูกแบ่งออกชัดเจนใน มัธยมปลาย สายการเรียนที่เหมาะสำหรับการเตรียมตัวในชั้นเรียน คือสาย “วิทย์ – คณิต” นั่นเอง เพราะรายวิชาในห้องเรียนจะมีความเกี่ยวข้องกับสายการเรียนหมอมากกว่าสายการเรียนทั่วไปในช่วง ม.ปลาย แต่ไม่ได้หมายความว่าเด็กที่เรียนในสายอื่นจะหมดโอกาส เด็กบางคนอาจรู้ตัวช้าว่าอยากเป็นหมอ หรือเรียนอยู่ในสายอื่นที่ไม่ใช่วิทย์ – คณิต ก็สามารถเตรียมตัวได้เช่นกัน ด้วยการหาที่เรียนพิเศษเสริม หาเวลาว่างในการเรียนเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มความรู้ในรายวิชาที่จำเป็น แต่ไม่ได้อยู่ในหลักสูตรทั่วไปในห้องเรียน

บทความที่เกี่ยวข้อง : 7 วิธีสำหรับพ่อแม่ อยากให้ลูกตั้งใจเรียน เพื่ออนาคตที่สดใส

 

 

4. เตรียมใจ เพราะต้องเรียนหนัก และเลี่ยงความกดดันลำบาก

คนที่อยากจะเป็นหมอไม่ได้มีเพียงหลัก 10 คน เราทราบอยู่แล้วว่าการแข่งขันนั้นสูงแค่ไหน การที่จะสอบให้ติดหลังจากเรียนจบมัธยมจึงเป็นช่วงที่กดดันค่อนข้างมาก ซึ่งผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นก็เป็นผลที่มาจากการเตรียมตัวของเด็กแต่ละคน เพราะนอกจากจะต้องทำคะแนนการสอบตามสนามต่าง ๆ ที่จำเป็นแล้ว สำหรับเกรดการเรียนก็ต้องดูแลให้อยู่ในขั้นดีเยี่ยมด้วย หากทำได้ครบก็จะทำให้ลูกได้เปรียบมากขึ้นไปอีก ทั้งหมดนี้เองจึงทำให้เกิดความกดดัน หรือความเครียดจากการเรียนที่มากเกินไป ผู้ปกครองอาจต้องบอกให้ลูกรู้ในเรื่องนี้ไว้ก่อนด้วย

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

5. เตรียมพร้อมสำหรับสนามสอบที่อาจเปลี่ยนแปลง

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการสอบในแต่ละปี มีกฎเกณฑ์ที่แตกต่างกันไปทีละเล็กทีละน้อย รุ่นพี่อาจสอบแบบนี้ แต่พอมาถึงรุ่นของเราดันเปลี่ยนสอบอีกแบบแล้ว ดังนั้นสิ่งที่ควรทำในช่วง มัธยมปลาย คือ การเรียนรู้สนามสอบที่จำเป็นตั้งแต่เนิ่น ๆ หาข้อมูลในปีการศึกษานั้นว่า หากต้องการสอบเรียนหมอ ต้องใช้คะแนนสอบจากสนามไหนบ้าง จากนั้นศึกษาข้อสอบเก่า ๆ เพื่อสร้างความเคยชิน ดีกว่าการไปรู้ก่อนลงสนามสอบในช่วงกระชั้นชิดว่าจะต้องสอบสนามนี้ด้วย อาจทำให้เตรียมตัวไม่ทันได้

 

6. เตรียมพร้อมกับรูปแบบการสอบ

หลังจากรู้จักสนามสอบเข้ามหาวิทยาลัยต่าง ๆ ที่จำเป็นแล้ว สิ่งสำคัญอีกสิ่งหนึ่ง คือ “อยากเข้ามหาวิทยาลัยไหน ?” เป็นสิ่งที่ยากพอ ๆ กับการหาอาชีพในฝันสำหรับเด็กแน่นอน พ่อแม่ควรปรึกษาพูดคุยกับลูกว่าสนใจที่ไหนบ้าง ทำไมจึงสนใจ และปัจจัยต่าง ๆ ที่ลูกต้องการ เรื่องนี้ควรตัดสินใจร่วมกัน แต่ก็ควรให้ลูกเป็นคนเลือกในช่วงสุดท้าย หากพ่อแม่ไม่ได้มีความติดขัดใด ๆ กับที่เรียนที่ลูกอยากเรียนก็สนับสนุนเต็มที่ แต่ถ้าหากติดขัดในเรื่องค่าใช้จ่าย หรือเรื่องอื่น ๆ ก็ควรรีบพูดคุยกับลูกเพื่อหาข้อตกลงกันใหม่

 

หากลูกรู้ว่าต้องการที่จะเติบโตไปประกอบอาชีพอะไร ก็จะสามารถเตรียมตัว เตรียมใจเอาไว้ก่อนได้ และนำไปวางแผนต่อในอนาคต และถึงแม้ต่อไปลูกจะสมหวังหรือไม่ พ่อแม่ก็ควรจะอยู่เคียงข้างลูกเสมอไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาแบบไหน

 

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :

65 คำศัพท์เกี่ยวกับการแพทย์ สำหรับเด็ก ๆ ที่อยากเป็นหมอ

อยากเป็นหมอ หรือ เรียนต่อสายแพทย์ ต้องเตรียมตัวอย่างไร

คมมีด ความฝัน ศัลยแพทย์ หมอ การ์ตูน ที่เหมาะสำหรับเด็กอยากเป็นหมอ

ที่มา : 1

บทความโดย

Kanjana Thammachai