สังเกตอาการ ! เรื่องฉี่แม่ท้อง ปัสสาวะเล็ดตอนท้อง ปกติไหม ?
อาการของแม่ท้องมีมากมายแต่ ปัสสาวะเล็ดตอนท้อง ปกติไหม คุณแม่หลายคนอาจรู้สึกกังวลและไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องปกติหรือไม่ เรามาหาคำตอบกัน
คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์อาจสังเกตอาการและพบว่าตัวเองเริ่มมีอาการปัสสาวะบ่อยและถี่ขึ้น ต้องเข้าห้องน้ำบ่อยๆ ฉะนั้น อาการปัสสาวะเล็ดจึงเป็นเรื่องปกติที่พบได้บ่อยในคุณแม่ตั้งครรภ์ ปัสสาวะเล็ดตอนท้อง ปกติไหม หลายคนอาจรู้สึกกังวลและไม่แน่ใจว่าอาการนี้เป็นเรื่องปกติหรือไม่ รวมถึงปัญหาทำไมปัสสาวะมีสี และกลิ่นเปลี่ยนไป และจะรับมือกับปัญหานี้อย่างไร บทความนี้จะไขข้อข้องใจและให้คำแนะนำในการรับมือกับอาการปัสสาวะขณะตั้งครรภ์ เพื่อให้คุณแม่ทุกท้องทุกคนสามารถผ่านช่วงเวลานี้ไปได้อย่างสบายใจ
ทำไมถึงปัสสาวะเล็ดตอนท้อง ?
การตั้งครรภ์เป็นช่วงเวลาที่ร่างกายของผู้หญิงเกิดการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบทางเดินปัสสาวะ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอาการปวดฉี่บ่อยขึ้น จนต้องลุกเข้าห้องน้ำบ่อย ทั้งกลางวันและกลางคืน และ ปัสสาวะเล็ดตอนท้อง ปกติไหม จึงมีสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดปัสสาวะเล็ด ดังนี้
- มดลูกโตขึ้นกดทับกระเพาะปัสสาวะ เมื่อท้องโตขึ้น มดลูกจะขยายตัวและไปกดทับกระเพาะปัสสาวะ ทำให้กระเพาะปัสสาวะจุได้น้อยลงและปริมาณปัสสาวะที่กระตุ้นให้รู้สึกอยากปัสสาวะลดลง
- ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน ฮอร์โมนนี้มีบทบาทในการเตรียมร่างกายให้พร้อมสำหรับการตั้งครรภ์ แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้กล้ามเนื้อของกระเพาะปัสสาวะและท่อปัสสาวะคลายตัวลง ทำให้การควบคุมการปัสสาวะทำได้ยากขึ้น
- น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น น้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์จะเพิ่มแรงกดทับลงบนกระเพาะปัสสาวะ ทำให้อาการปัสสาวะเล็ดรุนแรงขึ้น
- การไอ จาม หรือหัวเราะ การเคลื่อนไหวของร่างกายเหล่านี้จะทำให้เกิดแรงดันในช่องท้องและกระเพาะปัสสาวะ ทำให้ปัสสาวะเล็ดออกมาได้ง่ายขึ้น
ปัสสาวะเล็ดตอนท้อง ปกติไหม ?
จากสาเหตุข้างต้นที่กล่าวมา บ่งบอกได้ว่า อาการปัสสาวะเล็ดตอนท้องเป็นเรื่องปกติที่อาจเกิดขึ้นได้กับแม่ท้องทุกคน เป็นอาการที่มักจะเกิดขึ้นกับคุณแม่ท้องตั้งแต่ในช่วง 5-6 สัปดาห์แรก หรือในช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์เป็นต้นไป ไม่ได้เป็นอันตรายต่อคุณแม่หรือทารกในครรภ์โดยตรง แต่จะส่งผลต่อการใช้ชีวิตของคุณแม่ อาจทำให้รู้สึกอาย ไม่มั่นใจ และอาจเกิดการระคายเคืองบริเวณผิวหนังรอบๆ อวัยวะเพศได้
ปัสสาวะเล็ดแบบไหนที่เป็นอันตราย ?
โดยทั่วไป อาการปัสสาวะเล็ดในคุณแม่ท้องไม่ถือว่าเป็นอันตราย และมักจะหายไปเองหลังคลอด แต่ถ้าหากมีอาการดังต่อไปนี้ร่วมด้วย ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันทีค่ะ
- ปัสสาวะเล็ดพร้อมกับมีไข้ หนาวสั่น ปวดท้องน้อย ปัสสาวะแสบขัด หรือมีเลือดปนในปัสสาวะ อาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ ซึ่งหากปล่อยไว้ อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้
- ปัสสาวะเล็ดร่วมกับอาการปวดท้องน้อยรุนแรง หรือมีเลือดออกทางช่องคลอด อาจเป็นสัญญาณของภาวะรกเกาะต่ำ รกหลุด หรือมีปัญหาเกี่ยวกับการตั้งครรภ์อื่น ๆ
- ปัสสาวะเล็ดมากผิดปกติ หรือมีอาการปวดเบ่งปัสสาวะรุนแรง อาจเป็นสัญญาณของภาวะกระเพาะปัสสาวะอักเสบ หรือปัญหาเกี่ยวกับทางเดินปัสสาวะอื่น ๆ
วิธีรับมือกับอาการปัสสาวะเล็ดในแม่ท้อง
อาการปัสสาวะเล็ด เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของร่างกายในช่วงตั้งครรภ์ มีหลายวิธีที่ช่วยบรรเทาอาการเหล่านี้ได้
- ออกกำลังกายกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน การออกกำลังกายกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานหรือการขมิบช่องคลอด การฝึกกล้ามเนื้อปัสสาวะ หรือที่เรียกว่า เคเกิลเอ็กเซอร์ไซส์ เป็นวิธีที่ได้ผลดีในการช่วยควบคุมการปัสสาวะ จะช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้นและควบคุมการปัสสาวะได้ดีขึ้นค่ะ
- ลดปริมาณการดื่มน้ำก่อนนอน การดื่มน้ำมากเกินไปก่อนนอนจะทำให้อยากปัสสาวะบ่อยขึ้น ลองลดปริมาณการดื่มน้ำในช่วงก่อนนอนดูนะคะ
- ปัสสาวะให้เป็นเวลา การปัสสาวะเป็นเวลาจะช่วยฝึกกระเพาะปัสสาวะให้ทำงานเป็นเวลา และลดโอกาสที่จะเกิดปัสสาวะเล็ดได้
- หลีกเลี่ยงการกลั้นปัสสาวะ การกลั้นปัสสาวะนานเกินไปจะทำให้กระเพาะปัสสาวะทำงานหนักขึ้นและอาจทำให้ปัสสาวะเล็ดเพิ่มขึ้นได้
- หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มคาเฟอีนและแอลกอฮอล์ คาเฟอีนและแอลกอฮอล์เป็นตัวกระตุ้นให้ปัสสาวะบ่อยขึ้น ควรลดเครื่องดื่มประเภทนี้เพื่อช่วยลดอาการปัสสาวะเล็ดได้ค่ะ
- สวมใส่กางเกงในผ้าฝ้าย การสวมใส่กางเกงในที่ระบายอากาศได้ดีจะช่วยลดการระคายเคืองและลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
- ควบคุมน้ำหนัก หากคุณแม่มีน้ำหนักตัวมากเกินไป การควบคุมน้ำหนักไม่ให้เพิ่มขึ้น ช่วยลดแรงกดทับกระเพาะปัสสาวะและบรรเทาอาการปัสสาวะเล็ดได้
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่กระตุ้นให้ปัสสาวะเล็ด เช่น การกระโดด การวิ่ง หรือการยกของหนัก
- ปรึกษาแพทย์ หากอาการปัสสาวะเล็ดรุนแรงมาก หรือมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ปวดท้องน้อย ปัสสาวะแสบขัด ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาที่เหมาะสม
คนท้องปัสสาวะมีกลิ่น ผิดปกติไหม ?
นอกจาก ปัสสาวะเล็ดตอนท้อง ปกติไหม คุณแม่ยังมีความกังวลในเรื่องของกลิ่นที่ออกมาพร้อมกับฉี่ด้วย สาเหตุหลักของกลิ่นและลักษณะของปัสสาวะที่เปลี่ยนแปลงนั้น ถ้าปัสสาวะของคุณแม่ตั้งครรภ์มีสีเหลืองเข้ม และมีกลิ่นแรง สาเหตุอาจเกิดจากการขาดน้ำ หรือ ดื่มน้ำไม่เพียงพอ ซึ่งอาการขาดน้ำเป็นสาเหตุสำคัญที่ท่าให้ปัสสาวะมีสีเข้มข้น และมีกลิ่นแรง ซึ่งร่างกายได้ส่งสัญญาณเดือนให้แม่ ๆ ดื่มน้ำให้มากขึ้นนั่นเอง อีกหนึ่งสาเหตุ อาจเกิดได้จากการที่คุณแม่รับประทานอาหารที่มีกลิ่นแรง เช่น กระเทียม หน่อไม้ฝรั่ง สะตอ รวมไปถึงกะหล่ำปลี หอมใหญ่ ผงกะหรี่ เป็นต้น
นอกเหนือจากการขาดน้ำ หรือรับประทานอาหารที่มีกลิ่นแล้วนั้น กลิ่นของปัสสาวะก็ยังอาจบ่งบอกถึงอาการอื่น ๆ ได้ด้วย อย่างการติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะ ที่นอกจากจะทำให้มีกลิ่นของปัสสาวะที่เปลี่ยนไปแล้ว อาจจะมีอาการอื่น ๆ ร่วมอยู่ด้วย เช่น มีอาการเจ็บเมื่อปัสสาวะ มีไข้ และปวดหลัง ส่วนอาหารประเภทหมักดองก็ส่งผลต่อกลิ่นของปัสสาวะเช่นกัน อีกทั้งทำให้ติดเชื้อแบคทีเรียภายในช่องคลอด แล้วจะมีกลิ่นที่แตกต่างออกไป เช่น ทำให้ปัสสาวะมีกลิ่นเหม็นคาว ซึ่งหากคุณแม่ไม่แน่ใจว่าติดเชื้อหรือไม่ ก็ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
สีปัสสาวะคนท้องมีกี่สี บอกอะไรบ้าง ?
แน่นอนว่าความกังวลใจเรื่องฉี่ในแม่ท้องไม่ได้หยุดเพียงเท่านั้น ปัสสาวะเล็ดตอนท้อง ปกติไหม ? ปัสสาวะมีกลิ่น ผิดปกติไหม ? เรามาพูดกันถึงเรื่องสีปัสสาวะกันต่อ หากพูดถึงสีของปัสสาวะ โดยปกติแล้วสีของปัสสาวะจะมีสีเหลืองอ่อน ใสๆ แต่อาจจะมีคุณแม่หลายคนสังเกตได้ว่าสีปัสสาวะของตัวเองเปลี่ยนไปบ้างในแต่ละวัน บางวันสีเข้ม บางวันสีอ่อน หรือบางทีอาจมีเลือดปนออกมาด้วย สีปัสสาวะที่ต่างไปนั้นจะบอกอะไรเกี่ยวกับสุขภาพของคุณแม่ได้บ้าง มาดูกันค่ะ
-
ปัสสาวะไม่มีสี
การที่ปัสสาวะของคุณแม่ใสไม่มีสี แสดงว่าร่างกายมีปริมาณน้ำที่ดื่มเยอะมากเกินไป ทำให้เกลือแร่ในร่างกายเจือจาง หากร่างกายขาดเกลือแร่รุนแรงอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้เลยทีเดียว แต่ไม่ต้องกังวลใจไปค่ะ ถ้าคุณแม่สังเกตเห็นว่าปัสสาวะใสเป็นบางครั้งบางคราวก็ยังถือว่าเป็นเรื่องปกติอยู่ นอกจากนี้ปัสสาวะไม่มีสีอาจเกิดจากปัจจัยอื่นๆ ได้อีก เช่น คนที่เป็นโรคเบาหวาน หรือรับประทานยาขับปัสสาวะ
-
ปัสสาวะสีเหลืองเข้ม
คุณแม่หลายคนอาจจะสังเกตเห็นว่าปัสสาวะมีสีเหลืองเข้ม ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเกิดจากร่างกายขาดน้ำค่ะ สาเหตุหลักๆ โดยเฉพาะคุณแม่ที่แพ้ท้อง อาเจียนบ่อยๆ ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำไปเยอะ การดื่มน้ำให้เพียงพอจึงสำคัญมากนะคะ แต่ถ้าคุณแม่ลองพยายามดื่มน้ำเยอะแล้ว ปัสสาวะยังสีเข้มอยู่ อาจมีสาเหตุอื่นๆ เข้ามาด้วย ถ้าเป็นแบบนี้แนะนำให้ปรึกษาคุณหมอเพื่อตรวจเช็คให้แน่ใจนะคะ
-
ปัสสาวะสีน้ำตาล
ถ้าสังเกตว่าปัสสาวะมีสีน้ำตาล อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าร่างกายกำลังมีปัญหา เช่น ขาดน้ำรุนแรง หรืออาจเกิดจากภาวะกล้ามเนื้อลายสลายตัวได้ นอกจากนี้ ยาบางชนิดที่เรากำลังทานอยู่ เช่น เมโทรนิดาโซล ก็อาจทำให้ปัสสาวะเปลี่ยนสีได้เช่นกันค่ะ
-
ปัสสาวะสีขาวขุ่น
หากสังเกตได้ว่า ปัสสาวะมีสีขาวขุ่นๆ นั่นอาจเป็นเพราะการดื่มนมเยอะเกินไป ทำให้ร่างกายมีฟอสเฟตมากเกินไป หรืออาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ เช่น กระเพาะปัสสาวะอักเสบ หรือกรวยไตอักเสบก็ได้ค่ะ
-
ปัสสาวะสีส้ม
หากพบว่าปัสสาวะเป็นสีส้ม แล้วอย่าเพิ่งตกใจไปนะคะ อาจเป็นเพราะคุณแม่ทานวิตามินบี 2 เยอะเกินไป หรือนอกจากนี้ยังเกิดจากการทานยาบางชนิด เช่น ยาฟีนาโซไพริดีน ยาซัลฟาซาลาซีน ยาระบายบางชนิด ยาไอโซไนอาซิด เป็นต้น แต่ถ้าสังเกตเห็นว่าปัสสาวะเป็นสีส้มบ่อยๆ อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าตับหรือถุงน้ำดีกำลังมีปัญหาได้ค่ะ ให้รีบปรึกษาแพทย์ทันที
-
ปัสสาวะสีแดงมีเลือดปน
ปัสสาวะสีแดงหรือมีเลือดปนเป็นสัญญาณเตือนสุขภาพที่สำคัญค่ะ อาจเกิดจากการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ หรือปัญหาที่ไต เช่น นิ่วในไต หรือเนื้องอกก็ได้ค่ะ แต่ในกรณีเดียวกันถ้าปัสสาวะสีแดงแต่ไม่มีเลือดปน อาจะเกิดจากการทานผักหรือผลไม้สีแดงๆ เยอะ เช่น บีทรูท รูบาร์บ หรือบลูเบอร์รี เป็นต้น จึงทำให้ปัสสาวะเปลี่ยนสีได้ชั่วคราว แต่ถ้ามีเลือดปน ควรรีบพบแพทย์ทันที เพื่อตรวจหาสาเหตุและรับการรักษาที่ถูกต้องค่ะ เพราะหากปล่อยไว้นาน อาจทำให้คลอดลูกก่อนกำหนด และติดเชื้อที่ไตอย่างรุนแรงได้
-
ปัสสาวะสีดำ
ปัสสาวะสีดำอาจเกิดจากการทานอาหารบางชนิด เช่น ถั่ว หรือว่านหางจระเข้ในปริมาณมาก หรือจากการทานยาควินินในการรักษามาลาเรีย ก็อาจทำให้มีปัสสาวะสีนี้ได้ด้วยเหมือนกัน
ปัญหาเกี่ยวกับปัสสาวะเป็นเรื่องที่คุณแม่ตั้งครรภ์หลายคนกังวลใจ ไม่ว่าจะเป็น ปัสสาวะเล็ดตอนท้อง ปกติไหม ? ปัสสาวะมีกลิ่น ผิดปกติไหม ? สีของปัสสาวะในคนท้องบอกอะไรได้บ้าง ? ซึ่งอาการเหล่านี้ส่วนใหญ่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางฮอร์โมนและทางกายภาพในร่างกายขณะตั้งครรภ์ อย่างไรก็ตาม หากอาการเหล่านี้รุนแรงขึ้น หรือมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ปวดแสบปวดร้อนขณะปัสสาวะ ปัสสาวะมีเลือดปน หรือมีไข้ ควรปรึกษาแพทย์ทันที เพื่อตรวจหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสม เพราะอาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณของโรคบางอย่างที่ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ
ที่มา : woman & home , โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
ผื่นคนท้อง! แบบไหนอันตราย ? ทำไมแม่ท้องชอบคันยุบยิบตามตัว