เราไม่อาจย้อนเวลากลับไปได้ เป็นความจริงที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง โดยเฉพาะเรื่องลูก ที่เผลอไปสักเสี้ยวนาที แม่ก็พลาดช่วงเวลาสำคัญของลูกไปเสียแล้ว
เช่นเดียวกับประสบการณ์ของคุณแม่ท่านหนึ่ง ที่บอกเล่าเรื่องราวความเสียใจจากการเลี้ยงลูก ที่ไม่อาจกลับไปแก้ไขได้ เพราะปัจจุบันลูกชายของเธอ 3 ขวบแล้ว เธอเล่าย้อนถึงวินาทีที่ลูกชายลืมตาออกมาดูโลกว่า “ฉันสัญญากับตัวเองและสามีไว้ว่า ฉันจะเลี้ยงลูกอยู่บ้าน และจะเก็บเกี่ยวทุกโมเม้นท์ของลูกตั้งแต่วันแรกของชีวิต”
แต่สิ่งที่ตั้งใจกับความเป็นจริง มักจะตรงข้ามกันเสมอ …เธอไม่สามารถจะอยู่ดูแลลูกได้ตลอดเวลา
มันเริ่มตั้งแต่ช่วงที่ตั้งท้อง เธอไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ตามธรรมชาติ จึงจำเป็นต้องทำเด็กหลอดแก้ว ทำให้เธอเศร้าเสียใจและขว้างปาข้าวของ และในช่วงท้องไตรมาสแรก เธอน้ำหนักลดลงทั้งที่กินเยอะขึ้น
ขณะเดียวกันสามีของเธอก็ได้เซ็นสัญญาโปรเจคงานใหม่ และต้องเดินทางไปทำงานไกลๆ 2 ครั้งต่อเดือน บางครั้งไปนานเป็นสัปดาห์ ช่วงนั้นแม่ของเธอมาอยู่เป็นเพื่อน แต่กลับทะเลาะกันเรื่องที่เธอทำไม่ถูก และอาจส่งผลต่อลูกในท้อง ระหว่างที่ตั้งครรภ์ก็หงุดหงิดกับสิวที่เกิดขึ้น แถมยังทรมานจากการปวดหลัง จนรู้สึกว่าตัวเองแก่ราวกับอายุ 70 ปี
การท้องครั้งนี้ทำให้รู้สึก ทั้งรัก ทั้งชัง อย่างเดียวที่ทำให้เธอยังรู้สึกดีคือการคิดว่า เธอกำลังจะมีลูก เด็กน้อยน่ารักที่เหมือนเธอราวกับแกะ! และหลังจากที่ Jordan ลูกชายของเธอลืมตาออกมาดูโลก เขาน่ารักมากๆ จนอยากจะใช้เวลาอยู่ด้วยกันตลอดเวลา ไม่ว่าตอนหลับ หรือตอนตื่น
แต่ด้วยความเครียด และ Jordan เองก็ทำให้เธอไม่ค่อยได้นอน ในที่สุดเธอจึงตัดสินใจกลับไปทำงาน หลังคลอดลูกชายตัวน้อยได้ 40 วัน เพราะว่าเธอไม่สามารถทนที่จะอยู่บ้านกับลูกน้อยได้ตลอดเวลา
และนี่คือความผิดพลาดครั้งใหญ่ ในฐานะของคนเป็นแม่…เพราะเธอไม่ได้อยู่กับลูกในช่วงเวลาสำคัญของชีวิต ทำให้เธอเสียใจมาจนทุกวันนี้
“ฉันพลาดพัฒนาการสำคัญของลูกแทบทั้งหมด วันที่ลูกพูดคำแรกออกมา ตอนที่ลูกเริ่มคลาน ครั้งแรกที่ลูกตั้งไข่และเริ่มเดิน ช่วงนั้นฉันกำลังยุ่งกับการทำงานในสำนักงานกฎหมาย ยุ่งจนลืมวันลืมคืน ใช้เวลาอยู่ออฟฟิศแทบจะทั้งวัน แถมยังต้องเดินทางอยู่ตลอด”
งานที่ถาโถมทำให้เธอไม่มีเวลาอยู่กับ Jordan ไม่สามารถลิ้มรสความสุขที่ได้เห็นพัฒนาการแรกของลูก เรื่องนี้กวนใจเธอมาจนทุกวันนี้ เพราะสิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว และไม่มีโอกาสที่จะย้อนเวลากลับไป
“ถ้าฉันให้คะแนนความเป็นแม่ของตัวเอง ฉันคงให้แค่ C เพราะในวันนั้น วันที่ลูกล้ม สามีฉันอยู่ตรงนั้นคอยดูแลลูก แต่ฉันกลับทำงาน ในวันที่สามีพาลูกไปศูนย์เลี้ยงเด็ก ฉันก็ทำงาน และงานวันเกิดลูกในธีม Sesame Street ที่ทุกคนในบ้านตั้งใจจัดกันอย่างเต็มที่ ฉันก็ทำงาน”
สิ่งที่ฉันได้รับในตอนนี้คือฉันประสบความสำเร็จในการทำงาน แต่สิ่งที่ได้รับมานั้นเทียบไม่ได้กับการได้อยู่ในช่วงเวลาสำคัญของลูกชาย ตอนนี้ฉันจึงทำได้เพียง ตั้งใจจะเป็นแม่ที่ดีให้กับลูกคนต่อไป
แม่ขอโทษนะลูก…Jordan
ที่มา : sg.theasianparent
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
แบรด พิตต์เขียนข้อความซึ้งทำให้คนเป็นพ่อแม่ต้องหยุดคิด
เรื่องราวซึ้ง ๆ ในรพ.ที่เรียกว่า “รักแท้” ไม่จำกัดวัย