ทุกวันนี้สิ่งของที่อยู่รอบ ๆ ตัวเรา ไม่ว่าจะเป็นที่ทำงาน ที่โรงเรียน หรือของใช้สาธารณะ ล้วนเต็มไปด้วยสารเคมีปนเปื้อนอยู่ไม่เว้นแม้แต่ของใช้ภายในบ้าน ผลิตภัณฑ์บางชนิดมีสารเคมีอันตรายเป็นส่วนประกอบ ดังนั้น วันนี้เราจะพาไปดู สารพิษที่ควรเก็บให้พ้นมือเด็ก เพื่อความปลอดภัยของร่างกายลูกและคนในครอบครัว หากคุณพ่อคุณแม่ท่านไหนมีลูกเล็กอยู่ตามไปดูกันเลยค่ะ
สารพิษที่ควรเก็บให้พ้นมือเด็ก มีอะไรบ้าง
ส่วนใหญ่แล้วสารพิษที่อยู่ในบ้าน มักเป็นผลิตภัณฑ์หรือข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นต้องใช้เสมอ หากคุณพ่อคุณแม่ไม่เก็บให้มิดชิด ก็อาจมีโอกาสที่ลูกเผลอไปสัมผัสหรือรับประทานเข้าไปได้ ดังนั้นเรามาดูกันดีกว่าว่ามีสารพิษอะไร และมีวิธีป้องกันอย่างไรบ้าง
1. น้ำยาเช็ดกระจก
สารพิษชนิดแรกเลยที่เรามักเจอภายในบ้าน คือน้ำยาเช็ดกระจก เพราะเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแอมโมเนีย หากลูกเผลอเข้าไปสูดดมก็อาจทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ ปวดแสบปวดร้อน หรือทำให้ประสาทการดมกลิ่นเสียดายได้ นอกจากนี้ ยังทำให้ลูกเกิดอาการระคายเคืองตา แสบร้อน หรือเกิดแผลไหม้ได้ ดังนั้น หากคุณพ่อคุณแม่มีลูกที่ยังเล็ก อาจหันไปใช้น้ำยาเช็ดกระจกแบบ DIY แทน หรือจะหันไปใช้ผลิตภัณฑ์เช็ดกระจกที่ไม่มีส่วนผสมของแอมโมเนียก็ได้ค่ะ
2. ยาฆ่าแมลง
อย่างที่รู้กันดีว่ายาฆ่าแมลงนั้นอันตรายเป็นอย่างมาก และหลายบ้านก็ต้องมีสารพิษชนิดนี้อยู่เสมอ เพราะฉะนั้นจึงควรระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะยาฆ่าแมลงนั้นประกอบไปด้วยสารเคมีหลายชนิด หากลูกเผลอสูดดมเข้าไป ก็อาจทำให้เกิดอาการอาเจียน คลื่นไส้ และปวดศีรษะได้ ยิ่งหากลูกเผลอรับประทานเข้าไป ก็ทำให้อันตรายถึงชีวิตได้ เพราะฉะนั้น หากคุณพ่อคุณแม่จะใช้ยาฆ่าแมลง ก็ควรฉีดเฉพาะจุด และต้องเก็บให้พ้นมือลูก เพื่อป้องกันลูกเผลอไปหยิบเล่น
3. น้ำยาล้างห้องน้ำ
อีกหนึ่ง สารพิษที่ควรเก็บให้พ้นมือเด็ก เพราะน้ำยาล้างห้องน้ำมีสารเคมีหลายชนิด คือ คลอรีน แอมโมเนีย และกรดไฮโดรคลอริก ซึ่งมีฤทธิ์กัดกร่อนรุนแรง ทำให้ระคายเคืองดวงตา แสบจมูก และผิวหนังอักเสบ หากเผลอรับประทานเข้าไปก็ทำให้เกิดอาการปวดท้องหนัก หายใจไม่ออก ถ่ายเป็นเลือด และถึงขั้นเสียชีวิต เพราะฉะนั้นคุณพ่อคุณแม่อาจต้องเก็บใส่ตู้ไว้อย่างดี ไม่วางไว้ในห้องน้ำหรือที่ลูกเห็นชัดเจน นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการผสมน้ำยาล้างห้องน้ำกับผลิตภัณฑ์อื่น เพราะอาจทำให้เกิดแก๊สพิษที่เป็นอันตรายต่อชีวิต
บทความที่เกี่ยวข้อง : สิ่งของอันตรายที่ต้อง เก็บให้พ้นมือเด็ก ป้องกันลูกหยิบของเข้าปาก
4. น้ำยาย้อมผม
สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ชอบย้อมผมเอง ควรทำตอนลูกไม่อยู่บ้านหรือห่างจากลูกนะคะ เพราะน้ำยาย้อมผมมีไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์และ VOCs ที่ทำให้แสบจมูก และอาจทำให้เกิดมะเร็งได้หากสูดดมเป็นเวลานาน นอกจากนี้ ยังมีส่วนผสมของตะกั่วออกซีเตตซึ่งเป็นสารพิษที่ทำให้เกิดการระคายเคือง หากเข้าตาก็อาจทำให้ตาบอดได้ เพราะฉะนั้นแล้ว แนะนำให้หันมาใช้น้ำยาย้อมผมแบบสมุนไพรจะดีกว่า หรือจะใช้น้ำยาย้อมผมทั่วไปก็ได้นะคะ แต่ไม่ควรทิ้งไว้บนศีรษะนานเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดอันตรายได้
5. สีทาบ้าน
สีทาบ้านล้วนประกอบไปด้วยสารเคมีหลายชนิด โดยเฉพาะสารตะกั่ว โครเมียม และโทลูอีน ซึ่งเป็นอันตรายอย่างมาก เพราะอาจส่งผลต่อระบบประสาท ผิวหนัง และการทำงานของตับ ไต และปอด นอกจากนี้ ยังเป็นสารไวไฟซึ่งอาจทำให้เกิดอาการเวียนหัว คลื่นไส้ได้ หากต้องสูดดมเป็นเวลานาน ดังนั้น หากคุณพ่อคุณแม่พึ่งสร้างบ้านเสร็จ อาจต้องหลีกเลี่ยงการเดินเข้าไปบริเวณที่มีกลิ่นฉุน และนำลูกออกมาให้ห่างจากบริเวณนั้น ก็จะช่วยเรื่องความปลอดภัยค่ะ
6. ยาทาเล็บ
หากคุณแม่เป็นคนที่ชอบการทาเล็บนั้น อาจจำเป็นต้องทาตอนที่ลูกไม่อยู่ใกล้ ๆ นะคะ เพราะยาทาเล็บมักมีสารเคมีที่เป็นอันตรายอยู่ โดยเฉพาะไดบิวทิลและพาทาเลต ซึ่งเป็นอันตรายแก่เด็กเป็นอย่างมาก อาจเป็นสารก่อมะเร็ง และทำให้ลูกในครรภ์พิการแต่กำเนิดได้ นอกจากนี้ หากสูดดมไปนาน ๆ ก็อาจทำให้เกิดการเวียนหัวเช่นกันค่ะ เพราะฉะนั้นแล้ว แนะนำให้งดทำไปก่อนนะคะ หรือจะหันมาใช้ยาทาเล็บไร้สารเคมีก็ได้ค่ะ
บทความที่เกี่ยวข้อง : ป้องกันลูกน้อยจากโรงรถ ห้องน้ำ ห้องครัว ห้องซักรีด ป้องกันอย่างไรจึงปลอดภัย
7. ลูกเหม็น
รู้หรือไม่ว่าลูกเหม็นในห้องน้ำก็เป็นสารเคมีที่เป็นอันตรายเช่นกัน เพราะมีสารเคมีแนฟทาลีนที่หากสูดดมเข้าไปมาก ๆ ก็ส่งผลให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน และปวดศีรษะได้ สำหรับบ้านไหนที่วางลูกเหม็นไว้ตามจุดต่าง ๆ แนะนำให้หลีกเลี่ยงไปก่อนนะคะ เพราะลูกอาจเผลอไปหยิบเล่นแล้วกลืนเข้าไป หรือหากจำเป็นต้องใช้จริง ๆ ก็แนะนำให้เก็บไว้ในตู้จะดีกว่า และไม่ควรใช้ในตู้เสื้อผ้า เพราะอาจทำให้กลิ่นติดเสื้อผ้านั่นเอง
8. น้ำยาซักผ้า
น้ำยาซักผ้าเรียกได้ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทุกบ้านต้องใช้ตลอดเวลา ซึ่งหากลูกเผลอไปสัมผัสกับสารชนิดนี้ ก็อาจทำให้เกิดผื่นแดง และทำให้เกิดอาการระคายเคืองได้ หรือถ้าสูดดมนาน ๆ ก็ส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจเช่นกัน ดังนั้น หากบ้านไหนมีลูกที่ยังเล็กอยู่ก็ควรเก็บให้มิดชิด หรือจะเก็บไว้ที่สูงก็ได้เพื่อป้องกันลูกเผลอไปหยิบได้นะคะ
ข้อควรระวังในการใช้สารเคมี
บ่อยครั้งที่เรามักจะเห็นข่าวอุบัติเหตุเด็กเล็กจากสารเคมี ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมักเกิดจากการเก็บผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ หรือการใช้งานโดยไม่ระมัดระวัง ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่จึงควรตรวจสอบผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ทุกครั้งก่อนใช้งาน และควรศึกษาวิธีการใช้งานที่ถูกต้อง เพื่อป้องกันอันตรายสู่ลูก
นอกจากนี้ หากจำเป็นต้องมีผลิตภัณฑ์ที่เป็นสารเคมี ต้องเก็บให้พ้นมือเด็กอย่างมิดชิด โดยอาจเก็บไว้ในตู้แล้วล็อกกุญแจ หรือเก็บไว้บนที่สูงที่ลูกไม่สามารถเอื้อมถึงได้ เพียงเท่านี้ก็จะช่วยเรื่องความปลอดภัยจากสารพิษได้เป็นอย่างดี
บทความที่เกี่ยวข้อง : วิธีป้องกันลูกจากสารพิษ เมื่อห้ามลูกวัยซนไม่ได้ พ่อแม่ก็ต้องหาวิธีดูแลลูก!
วิธีป้องกันอันตรายจากสารเคมี
สำหรับวิธีป้องกันอันตรายจากสารเคมี คุณพ่อคุณแม่อาจต้องอ่านฉลากบนผลิตภัณฑ์ให้ครบถ้วน เพื่อความถูกต้องในการใช้และจัดเก็บผลิตภัณฑ์ โดยวิธีป้องกันเบื้องต้นนั้น มีดังนี้
- เปิดห้องให้อากาศถ่ายเทเมื่อใช้ยาฆ่าแมลง หรือน้ำยาล้างห้องน้ำ
- เก็บในห้องที่มีอุณหภูมิแห้งสนิท ห่างจากเปลวไฟ และเครื่องใช้ไฟฟ้า
- สวมถุงมือยาง หน้ากากอนามัย และแว่นตาตามความเหมาะสมของผลิตภัณฑ์
- ล้างมือให้สะอาดและเปลี่ยนเสื้อผ้าทุกครั้งหลังจากใช้งานผลิตภัณฑ์ที่มีสารพิษ
- เก็บผลิตภัณฑ์ในตู้อย่างมิดชิด หากบ้านไหนมีเด็กก็ควรล็อกกุญแจและเก็บไว้บนที่สูง
- เก็บบรรจุภัณฑ์ไว้ในฝาปิดสนิท ไม่เทใส่ขวดน้ำอื่นหรือขวดชนิดอื่น ๆ เพื่อป้องกันการเข้าใจผิด
- หากสัมผัสดวงตาหรือผิวหนัง ควรล้างน้ำให้สะอาดอย่างน้อย 15 นาที และต้องไปพบแพทย์ทันที
- หากสูดดมสารเคมีที่อันตรายเข้าไป ควรรีบไปที่อากาศถ่ายเท ถ้าสังเกตว่ามีอาการผิดปกติ ต้องรีบไปพบแพทย์ทันที
- หากรับประทานสารเคมีเข้าไป ต้องรีบไปโรงพยาบาลทันที ห้ามล้วงคอ เพราะอาจทำให้อาเจียนอย่างรุนแรง โดยแนะนำให้ดื่มน้ำหรือนมเพื่อชะลอสารพิษ
สารพิษที่ควรเก็บให้พ้นมือเด็ก ล้วนพบได้ในชีวิตประจำวันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะฉะนั้นคุณพ่อคุณแม่จึงควรเก็บให้มิดชิดเพื่อความปลอดภัยของลูกน้อยและคนในครอบครัว นอกจากนี้ ควรอ่านฉลากให้ครบถ้วนก่อนใช้ผลิตภัณฑ์สารเคมี เพื่อความถูกต้องในการใช้งานค่ะ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
ทำอย่างไรเมื่อลูกหยิบสารเคมีหรือสารพิษเข้าปาก!
สารเคมีอันตรายกับคนท้อง สารเคมีแบบไหนที่คุณแม่ต้องเลี่ยง
9 ของเล่นเด็กอันตราย เสี่ยงอุบัติเหตุ พ่อแม่ควรระวัง ป้องกันลูกให้ปลอดภัย