หนูทำได้แล้วนะ! 11 พัฒนาการสุดว้าว! ลูกน้อยทำได้ตั้งแต่ในครรภ์

ถึงแม่จะยังไม่ลืมตาดูโลก แต่ลูกน้อยในท้องแม่เก่งกว่าที่คิด แม่รู้ไหม หนูทำสิ่งนี้ได้แล้วนะ พบกับพัฒนาการน่าทึ่งที่ ลูกน้อยทำได้ตั้งแต่ในครรภ์
โลกใบแรกของลูกน้อยในท้องคุณแม่นั้นเต็มไปด้วยเรื่องราวมหัศจรรย์ มาดูกันว่านอกจากที่เรารู้กันแล้ว ลูกน้อยทำอะไรได้อีกบ้างตั้งแต่ยังอยู่ในท้องแม่ กับ 11 พัฒนาการน่าทึ่ง ลูกน้อยทำได้ตั้งแต่ในครรภ์
11 พัฒนาการลูกสุดว้าว! ลูกน้อยทำได้ตั้งแต่ในครรภ์
-
ลืมตา กะพริบตา และมองเห็นแสง
ดวงตาของลูกเริ่มพัฒนาตั้งแต่ 6 สัปดาห์ และในช่วงไตรมาสที่ 2 ก็สามารถลืมตาหลับตาได้แล้ว พอถึงช่วงไตรมาสที่ 3 ลูกจะเริ่มไวต่อแสง ถ้ามีแสงสว่างจ้าๆ ส่องมาที่หน้าท้อง ลูกอาจจะหันหน้าหนีแสงด้วยนะคะ
ช่วงเวลา: เปลือกตาของลูกจะปิดและเชื่อมติดกันในช่วงสัปดาห์ที่ 10 และจะกลับมาเปิดอีกครั้งราวสัปดาห์ที่ 26-28 และเริ่มกะพริบตาได้
ข้อมูลน่ารู้: ตั้งแต่สัปดาห์ที่ 16 ลูกก็เริ่มรับรู้แสงได้แล้ว มีงานวิจัยพบว่าหากใช้ไฟฉายส่องที่หน้าท้อง อัตราการเต้นของหัวใจและการเคลื่อนไหวของลูกอาจเปลี่ยนแปลงไป เป็นการบอกว่า “หนูรับรู้ถึงแสงนะ!”
-
สะอึกในท้อง
อาการกระตุกเบาๆ เป็นจังหวะที่คุณแม่รู้สึกได้ คือตอนที่ลูกสะอึกในท้องนั่นเองค่ะ เป็นเรื่องปกติที่ ลูกน้อยทำได้ตั้งแต่ในครรภ์ และเป็นการฝึกกล้ามเนื้อกระบังลมไปในตัว
ช่วงเวลา: การสะอึกสามารถเกิดขึ้นได้เร็วสุดตั้งแต่ไตรมาสแรก (ประมาณสัปดาห์ที่ 9) แต่คุณแม่ส่วนใหญ่มักจะเริ่มรู้สึกได้ชัดเจนในช่วงไตรมาสที่สองเป็นต้นไป
ข้อมูลน่ารู้: การสะอึกเป็นการฝึกกล้ามเนื้อกระบังลมและปอดให้แข็งแรง และเป็นสัญญาณที่ดีว่าระบบประสาทที่ควบคุมการหายใจของลูกกำลังพัฒนาไปได้ด้วยดีค่ะ
-
เดินเล่น และ ยืดเส้นยืดสาย
ลูกจะใช้เท้าเล็กๆ ยันผนังมดลูกไปมาเหมือนกำลังเดินเล่น เพื่อฝึกพัฒนากล้ามเนื้อและทักษะการเคลื่อนไหว เตรียมพร้อมสำหรับชีวิตหลังคลอด
ช่วงเวลา: ลูกเริ่มขยับตัวได้ตั้งแต่ไตรมาสแรก แต่คุณแม่จะเริ่มรู้สึกถึงการเคลื่อนไหว หรือที่เรียกว่า “ลูกดิ้น” ครั้งแรกในช่วงสัปดาห์ที่ 18-22
ข้อมูลน่ารู้: ในช่วงไตรมาสที่สาม ลูกอาจขยับตัวมากถึง 30 ครั้งในหนึ่งชั่วโมง! การเคลื่อนไหวนี้สำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนากล้ามเนื้อ กระดูก และข้อต่อให้แข็งแรง
-
ดูดนิ้วโป้งเล่น
ตั้งแต่สัปดาห์ที่ 18 ลูกจะเริ่มดูดนิ้วโป้ง เป็นการซ้อมดูดนมและช่วยให้ลูกรู้สึกสบายใจและปลอดภัย
ช่วงเวลา: สามารถพบเห็นได้จากการอัลตราซาวด์เร็วสุดตั้งแต่สัปดาห์ที่ 12-14 ซึ่งเป็นช่วงปลายไตรมาสแรก
ข้อมูลน่ารู้: การดูดนิ้วเป็นหนึ่งในปฏิกิริยารีเฟล็กซ์ (reflex) แรกๆ ของทารกที่ ลูกน้อยทำได้ตั้งแต่ในครรภ์ เป็นการฝึกการประสานงานของกล้ามเนื้อปากและลิ้นเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการดูดนม และยังช่วยให้ลูกรู้สึกสงบและปลอดภัย
-
ฟังเสียงคุณแม่และเสียงต่างๆ
ลูกเริ่มได้ยินเสียงต่างๆ ตั้งแต่ประมาณสัปดาห์ที่ 18 โดยเฉพาะเสียงของคุณแม่ที่ลูกจะจดจำได้ดีที่สุด การพูดคุยหรือร้องเพลงให้ลูกฟังบ่อยๆ จะช่วยสร้างความผูกพันได้ดีมาก
ช่วงเวลา: โครงสร้างหูของลูกจะพัฒนาสมบูรณ์ในสัปดาห์ที่ 24 และเริ่มตอบสนองต่อเสียงได้ตั้งแต่ราวสัปดาห์ที่ 18
ข้อมูลน่ารู้: เสียงที่ดังที่สุดและชัดที่สุดสำหรับลูกคือเสียงของคุณแม่ ซึ่งดังประมาณ 24 เดซิเบล (เท่าเสียงกระซิบ) เพราะเสียงจะเดินทางผ่านร่างกายและน้ำคร่ำไปถึงลูกโดยตรง มีงานวิจัยพบว่าทารกแรกเกิดจะตอบสนองต่อเสียงของแม่ได้ดีกว่าเสียงของผู้หญิงคนอื่น
-
ชิมรสมือคุณแม่
ลูกสามารถรับรู้รสชาติอาหารที่คุณแม่ทานผ่านทางน้ำคร่ำได้ตั้งแต่อยู่ในท้อง และยังเริ่มจดจำกลิ่นของคุณแม่ได้อีกด้วย
ช่วงเวลา: ปุ่มรับรสของลูกเริ่มพัฒนาตั้งแต่สัปดาห์ที่ 8 และในสัปดาห์ที่ 15 ลูกก็สามารถแยกแยะรสชาติต่างๆ เช่น หวาน เปรี้ยว เค็ม ขม ที่อยู่ในน้ำคร่ำได้แล้ว
ข้อมูลน่ารู้: รสชาติอาหารที่คุณแม่ทานจะส่งผ่านไปยังน้ำคร่ำภายใน 2-3 ชั่วโมง การทานอาหารที่หลากหลายของคุณแม่จึงเป็นการเปิดประสบการณ์รสชาติแรกให้แก่ลูก
-
ดื่มน้ำคร่ำ (ซึ่งมีปัสสาวะของตัวเองอยู่ด้วย)
ลูกจะกลืนน้ำคร่ำอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเป็นวงจรตามธรรมชาติที่สำคัญมาก เพราะช่วยให้ลูกได้ฝึกการกลืน การหายใจ และรักษาสมดุลของเหลวในร่างกาย
ช่วงเวลา: ลูกเริ่มฝึกกลืนน้ำคร่ำได้ตั้งแต่สัปดาห์ที่ 12
ข้อมูลน่ารู้: ในช่วงท้ายของการตั้งครรภ์ ลูกอาจกลืนน้ำคร่ำได้มากถึง 500-700 มิลลิลิตรต่อวัน นี่คือกระบวนการตามธรรมชาติที่สำคัญเพื่อฝึกระบบย่อยอาหารและช่วยรักษาสมดุลของปริมาณน้ำคร่ำ
-
ยิ้มและทำหน้าตาบึ้งตึงได้แล้ว
จากการสแกนอัลตราซาวด์ 4 มิติ ทำให้เราเห็นว่าลูกน้อยสามารถยิ้มหรือทำหน้าบึ้งได้ตั้งแต่อยู่ในท้อง เป็นการแสดงออกถึงบุคลิกที่กำลังพัฒนาของเขาค่ะ
ช่วงเวลา: พบได้จากการอัลตราซาวด์ 4 มิติ ตั้งแต่สัปดาห์ที่ 24-32
ข้อมูลน่ารู้: ในช่วงแรกนี้ การยิ้มหรือทำหน้าบึ้งยังเป็นเพียงการทำงานของกล้ามเนื้อใบหน้า ไม่ได้เกิดจากอารมณ์โดยตรง แต่นี่คือก้าวแรกที่สำคัญซึ่งเป็นพื้นฐานของการแสดงอารมณ์ในอนาคต
-
แอบร้องไห้แบบไม่มีเสียง
นักวิจัยพบว่าทารกสามารถร้องไห้แบบเงียบๆ ในครรภ์ได้ด้วย บางครั้งอาจเห็นริมฝีปากล่างสั่นๆ ผ่านการอัลตราซาวด์ เป็นการตอบสนองต่อสิ่งต่างๆ รอบตัว
ช่วงเวลา: มีการบันทึกภาพลูกร้องไห้ในครรภ์ได้ในช่วงไตรมาสที่สาม หรือประมาณสัปดาห์ที่ 28 เป็นต้นไป
ข้อมูลน่ารู้: นักวิจัยพบว่าลูกสามารถแสดงพฤติกรรมร้องไห้ได้ เช่น อ้าปาก ริมฝีปากสั่น ลิ้นม้วนขึ้น เพื่อตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้น เป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการร้องไห้ครั้งแรกเมื่อลืมตาดูโลก
-
ฝึกหายใจ
ประมาณช่วงกลางของการตั้งครรภ์ ลูกจะเริ่มฝึกหายใจโดยการสูดและปล่อยน้ำคร่ำเข้าออกจากปอด เพื่อเตรียมความพร้อมของปอดให้ทำงานได้ทันทีหลังคลอด
ช่วงเวลา: ลูกเริ่มฝึกหายใจเป็นจังหวะได้ตั้งแต่สัปดาห์ที่ 24-28
ข้อมูลน่ารู้: แม้จะยังอยู่ในน้ำคร่ำ แต่ลูกจะฝึกหายใจโดยการสูดและปล่อยน้ำคร่ำเข้าออกจากปอด ซึ่งเป็นการออกกำลังกายให้ปอดแข็งแรงและพร้อมทำงานได้ทันทีหลังคลอด
-
ฝันได้ด้วยนะ
มีการตรวจพบว่าทารกในครรภ์มีช่วงหลับที่เรียกว่า REM (Rapid Eye Movement) ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่ผู้ใหญ่เราฝันกัน จึงเป็นไปได้ว่าเจ้าตัวเล็กอาจกำลังฝันถึงอะไรบางอย่างอยู่ก็ได้ค่ะ
ช่วงเวลา: ตรวจพบการหลับแบบ REM (Rapid Eye Movement) หรือช่วงหลับฝันได้ตั้งแต่สัปดาห์ที่ 30 เป็นต้นไป
ข้อมูลน่ารู้: ทารกในครรภ์ใช้เวลาเกือบ 90-95% ไปกับการนอน และเกือบครึ่งหนึ่งของการนอนนั้นเป็นช่วงหลับฝัน (REM) ซึ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาสมอง การเรียนรู้ และการสร้างการเชื่อมต่อของเซลล์ประสาทนับล้านเซลล์
6 เคล็ดลับง่ายๆ สร้างลูกฉลาด พัฒนาสมองได้ตั้งแต่ในครรภ์
คุณแม่ทุกคนย่อมอยากให้ลูกน้อยเกิดมาแข็งแรงและฉลาดที่สุด ซึ่งเราสามารถช่วยกระตุ้นพัฒนาการทางสมองให้ลูกได้ตั้งแต่อยู่ในท้อง ด้วยวิธีง่ายๆ ที่คุณแม่ทำได้ทุกวัน มาดูกันเลยค่ะ
1. อ่านนิทานให้ลูกฟังเป็นประจำ
หนูจำเสียงแม่ได้! ลูกน้อยเริ่มได้ยินและจดจำเสียงได้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ การที่คุณแม่อ่านนิทานให้ฟัง ไม่เพียงแต่จะช่วยกระตุ้นพัฒนาการทางสมองและการเรียนรู้ด้านภาษาของลูก แต่ยังเป็นช่วงเวลาที่ช่วยสร้างความผูกพันอันแสนอบอุ่นระหว่างแม่กับลูกอีกด้วย พอเข้าสู่ช่วงไตรมาสที่สาม ลูกสามารถจดจำเสียงที่ได้ยินบ่อยๆ ได้แล้ว
2. ทานอาหารที่มีประโยชน์
อาหารที่คุณแม่ทาน คืออาหารสมองของลูกน้อยโดยตรง พยายามทานอาหารให้ครบ 5 หมู่และหลากหลายตามคำแนะนำของคุณหมอ โดยเฉพาะสารอาหารสำคัญอย่าง กรดโฟลิก และวิตามินต่างๆ ซึ่งมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างเซลล์สมองของลูก อย่างไรก็ตาม ก่อนทานวิตามินเสริมใดๆ ควรปรึกษาคุณหมอหรือผู้เชี่ยวชาญก่อนเสมอค่ะ
3. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
คนท้องออกกำลังกายเบาๆ ไม่เพียงแต่ดีต่อสุขภาพของคุณแม่และช่วยให้คลอดง่ายขึ้น แต่ยังส่งผลดีต่อสมองของลูกโดยตรงด้วย เพราะเวลาที่คุณแม่มีความสุขจากการออกกำลังกาย ร่างกายจะหลั่งสารแห่งความสุข ซึ่งจะส่งผ่านไปยังลูกผ่านทางรก ทำให้ลูกรู้สึกผ่อนคลายไปด้วย นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด นำออกซิเจนและสารอาหารไปสู่ลูกได้ดีขึ้น ทำให้ลูกเติบโตอย่างเต็มที่ หากไม่เคยออกกำลังกายมาก่อน ควรปรึกษาคุณหมอถึงรูปแบบการออกกำลังกายที่เหมาะสมกับคุณแม่ท้องแต่ละคนก่อนะคะ
4. ฟังเพลงผ่อนคลาย
เสียงเพลงเบาๆ สบายๆ ช่วยให้คุณแม่ผ่อนคลายและอารมณ์ดี ซึ่งอารมณ์ของคุณแม่ส่งผลโดยตรงต่อลูกน้อยในครรภ์นะคะ เสียงเพลงเพราะๆ ช่วยกระตุ้นการหลั่งสารเซโรโทนิน (Serotonin) ที่ทำให้มีความสุข ซึ่งช่วยให้ลูกสงบและมีสมาธิที่ดีขึ้น ลองร้องเพลงกล่อมเด็กเพลงเดิมซ้ำๆ เมื่อลูกคลอดออกมาแล้วได้ยินเพลงนี้อีกครั้ง เขาจะจดจำความรู้สึกดีๆ และสงบลงได้ง่ายขึ้นค่ะ
5. ออกไปรับแดดยามเช้า
วิตามินดีจากแสงแดดเป็นสิ่งจำเป็นมาก! แค่คุณแม่ออกไปเดินรับแดดอ่อนๆ ยามเช้าวันละประมาณ 20 นาที ก็จะช่วยให้ร่างกายสร้างวิตามินดีได้ ซึ่งสำคัญต่อการพัฒนาหัวใจและกระดูกที่แข็งแรงของลูก และยังช่วยให้คุณแม่อารมณ์สดใสเบิกบานอีกด้วย
นวดหน้าท้องเบาๆ สัมผัสรักจากแม่ ลูกรับรู้ได้! ตั้งแต่สัปดาห์ที่ 20 เป็นต้นไป ลูกน้อยจะเริ่มรับรู้สัมผัสจากภายนอกได้แล้ว การที่คุณแม่ลูบหรือนวดหน้าท้องเบาๆ ด้วยออยล์ธรรมชาติ จะช่วยให้ลูกรู้สึกผ่อนคลายและปลอดภัย มีงานวิจัยบอกด้วยว่าลูกสามารถแยกแยะสัมผัสของคุณพ่อคุณแม่ได้ด้วยนะคะ
คำถามที่คุณแม่สงสัย (FAQ)
-
อะไรที่ช่วยให้ลูกฉลาดตั้งแต่ในท้อง?
กรดโฟลิก (Folic Acid) มีส่วนสำคัญที่สุดในการสร้างเซลล์สมองที่แข็งแรงของทารกค่ะ การได้รับกรดโฟลิกอย่างเพียงพอจึงจำเป็นต่อพัฒนาการของลูกน้อยมาก
-
ลูกน้อยทำอะไรแปลกๆ ในท้องบ้าง?
พวกเขาไม่ได้อยู่นิ่งๆ เลยค่ะ! บางครั้งลูกอาจจะเลียผนังมดลูกเล่น หรือใช้เท้าเล็กๆ ดันไปมาเหมือนพยายามจะเคลื่อนไหว และที่สำคัญคือลูกรับรู้อารมณ์ของคุณพ่อคุณแม่และตอบสนองได้ด้วยนะ
- จะทำยังไงให้ลูกในท้องมีความสุข?
เสียงของคุณแม่คือสิ่งที่ทำให้ลูกสงบและมีความสุขที่สุดค่ะ เพราะเป็นเสียงเดียวที่เขาคุ้นเคยมาตั้งแต่ต้น ลองพูดคุยกับลูกในท้องบ่อยๆ หรือร้องเพลงโปรดให้เขาฟัง ไม่ว่าจะเป็นเพลงอะไรก็ตาม ลูกจะจดจำและรู้สึกผูกพันได้อย่างน่ามหัศจรรย์
ร่างกายของคุณแม่คือสถานที่ที่แสนวิเศษ การดูแลครรภ์อย่างเหมาะสมตลอดช่วงเวลาตั้งครรภ์ จะช่วยให้ลูกน้อยได้เรียนรู้และพัฒนาทักษะต่างๆ เพื่อเตรียมพร้อมออกมาเจอโลกกว้างอย่างแข็งแรงค่ะ
ที่มา : Amandeep Hospital
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
วิจัยเผย อยากให้ลูกกินง่าย ? เริ่มตั้งแต่อยู่ในท้องแม่!
อยากให้ลูกเลี้ยงง่าย ไม่เครียดในท้อง ต้องทำแบบนี้! วิธีลดอาการเครียด ทำให้ลูกร่าเริงตั้งแต่ในท้องแม่
อยากรู้ไหม ตอนอยู่ในท้องแม่ ลูกจำอะไรได้บ้าง แล้วสิ่งแรกที่ลูกจำได้คืออะไร