วิธีสอนลูกเอาตัวรอดเมื่อติดอยู่ในรถ รถตู้โรงเรียน-รถยนต์ส่วนตัว
วิธีสอนลูกเอาตัวรอดเมื่อติดอยู่ในรถ เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่พ่อแม่ควรใส่ใจสนอลูกในวัยอนุบาล เพราะจากข่าวที่เราได้ยินกันบ่อยๆ ว่าพ่อแม่มักจะชอบทิ้งลูกไว้ในรถอยู่คนเดียวแล้วไปซื้อของ บางคนก็พ่อแม่ลืมลูกไว้ในรถ แล้วตัวเองก็ลงจากรถไปเลย หนักหน่อยก็ข่าวครูลืมนักเรียนในรถจนเด็กเสียชีวิต เหตุการณ์เหล่านี้ทำให้เราฉุดคิดได้ว่าถึงเวลาแล้วที่พ่อแม่ และโรงเรียนควรสอนเด็กอย่างจริงจังเสียที
จนเมื่อวานนี้ มีข่าวหนึ่งถูกแชร์กันมากมายบนโลกโซเชียล เป็นภาพน่ารักๆ ของเด็กนักเรียนชั้นอนุบาลโรงเรียนหนึ่งที่กำลังฟังคุณครูสาธิต วิธีการเอาตัวรอดเมื่ออยู่ในรถ ในคลิปคุณครูจะอธิบายในเด็กๆ ฟังถึงขั้นตอนต่างๆ ก่อน จากนั้นก็จะให้เด็กๆ ลองทำกันเอง โดยที่อยู่ภายใต้คำแนะนำของคุณครู ทำให้มีผู้ปกครองจำนวนมากมาแสดงความคิดเห็นและแชร์เอาไปสอนลูกหลานกัน
วิธีเอาตัวรอดเมื่อถูกทิ้งในรถตู้โรงเรียน
โพสต์ดังกล่าวนั้น ถูกโพสต์โดยผู้ใช้เฟซบุ๊คชื่อ Gantanat Chalong ซึ่งก็คือท่านคุณกัญฐณัฏ ฉลอง ผู้อำนวยการโรงเรียนบางพลีพัฒนศึกษาลัย ใน จ.สมุทรปราการนั่นเอง โดยมีข้อความว่า “นักเรียนอนุบาลทุกห้องหมุนเวียนกันมาเรียนรู้การเอาตัวรอดด้วยตนเองหากติดอยู่ในรถเช่นบีบแตรรถ สอนเปิดประตูและหน้าต่างรถ 21/6/61”
ในคลิปเราจะเห็นความตั้งอกตั้งฟังใจของเด็กๆ ดูแลเด็กๆ คงสนุกในการเรียนรู้จากพาหนะจริงมาก ถ้าเด็กได้ฝึกฝนบ่อยๆ และลองทำจนเคยชิน เมื่อถึงเวลาคับขันพวกเขาเรานี้คงสามารถช่วยเหลือตัวเองได้เวลาที่ติดอยู่ในรถแน่นอนค่ะ คุณพ่อคุณแม่ลองมาดูคลิปกันนะคะ
ข้างต้นเป็นวิธีสอนให้เด็กเอาตัวรอดเมื่อถูกทิ้งไว้ในรถตู้ของโรงเรียน แล้วในกรณีที่เป็นรถของผู้ปกครองเองล่ะ ควรสอนลูกแบบไหน มาดูกันเลยค่ะ
กรณีที่เป็นรถยนต์ส่วนตัว
เพจ BLJourney ได้โพสต์ถึงเหตุการณืที่เด็กอนุบาลถูกลืมไว้ในรถ จนทำให้เกิดความสูญเสียขึ้น ทำให้เจ้าของเพจได้ออกมาบอกกล่าวให้ผู้ปกครองช่วยกันสอนลูกหลาน ในการเอาตัวรอดติดอยู่ในรถมาฝาก ซึ่งมีหลายขั้นแต่ไม่ยาก หากพ่อแม่ฝึกให้น้องทำบ่อยๆ โดยมีวิธีดังนี้ค่ะ
- แตรรถ โดยปกติแล้วตำแหน่งของแตรรถจะอยู่บริเวณเดียวกันหมดแทบจะทุกคัน พ่อแม่ต้องสอนให้เด็กๆ รู้ว่ามันใช้งานอย่างไร กดตรงไหน กดแบบไหนให้คนที่ผ่านไปผ่านมาได้ยิน ถ้าให้ดีบอกลูกกดยาวๆ ย้ำๆ ไปเลย คนที่ผ่านไปมาได้ยินแน่ๆ
- ไฟฉุกเฉิน ไฟฉุกเฉินก็สามารถทำให้เป็นจุดสังเกตง่ายเช่นกัน ลักษณะหรือสัญลักษณ์ที่ของรถแต่ละคันก็มีคล้ายๆ กัน ในตำแหน่งที่ไม่ต่างกันมาก พ่อควรบอกให้ลูกจำสัญลักษณ์ไว้ แล้วกดมันซะ เพื่อรอให้คนอื่นมาช่วยเหลือ
- ตัวล็อค ตัวเปิดปิดประตูอันนี้สำคัญ เพราะถ้าลูกน้อยสามารถเรียกคนอื่นมาช่วยได้ แต่คนอื่นก็ไม่สามารถเปิดประตูออกได้ ต้องรอให้ช่างมางัดรถอีก ซึ่งคงเสียเวลา เด็กเองก็คงเสียขวัญไปอีก พ่อแม่ต้องอย่าลืมสอนว่าตัวล็อคพวกนี้ตำแหน่งอยู่ตรงไหน ล็อคอย่างไร ปลดล็อคอย่างไร ตอนไหนต้องล็อค ตอนไหนปลดล็อคได้
- วิธีเปิดประตู เด็กสามสี่ขวบมีแรงพอที่จะเปิดประตูรถได้ พ่อแม่ต้องไม่ลืมว่าควรสอนลูกทำอย่างไร สามารถเปิดได้ตอนไหน และก็อย่ามัวแต่กังวลว่า กลัวลูกอยู่ในรถขณะรถวิ่งแล้วเปิดประตูเอง อันนั้นก็เป็นอีกหน้าที่ที่พ่อแม่ควรอธิบายให้ลูกน้อยเข้าใจ ว่าตอนไหนควรเปิด ตอนไหนไม่ควรเปิด
- ลองให้ลูกทำซ้ำๆ การเรียนรู้ทุกอย่างของเด็กต้องใช้การจำลองสถานการณ์จริง แต่ต้องอยู่ในสายตาของพ่อแม่ และต้องอยู่ในความปลอดภัยทุกครั้ง เพื่อที่พ่อแม่จะได้อธิบาย แนะนำ ให้ลูกๆ ได้ จนลูกน้อยสามารถทำได้เองอย่างถูกต้อง โดยที่ฝึกซ้ำๆ จนเด็กสามารถจำทุกขั้นตอนได้ และทำมันอย่างคล่องแคล่ว
- อย่าลืมใส่ชื่อ-เบอร์โทรติดต่อในกระเป๋าลูก สิ่งพวกนี้มีความจำเป็นมาก เพราะเวลาที่มีคนมาช่วยเหลือลูก ผู้ที่ทำการช่วยเหลือจะได้ติดต่อพ่อแม่ได้ ถึงว่าลูกน้อยจะสามารถทำทุกขั้นตอนได้อย่างคล่องแคล่ว แต่บางครั้งเหตุการณ์จริงเด็กอาจอยู่ในภาวะตกใจ เสียขวัญ หรือไม่รู้ว่าตัวเองถูกลืมไว้ในรถ ทางที่ดีพ่อแม่ควรใส่ชื่อกับเบอร์โทรศัพท์ให้เค้าพกติดตัวจนเป็นนิสัยจะดีกว่าค่ะ
- โทรศัพท์รุ่นธรรมดา รุ่นเก่าๆ ไม่มีฟังก์ชั่นอะไรมากมาย เน้นให้สามารถเปิดเครื่องรอรับสายได้นานๆ วางไว้ในรถในกรณีรถของเรา หรือใส่ไว้ในกระเป๋าของเค้า แล้วสอนวิธีใช้เบื้องต้นกับเค้า เอาไว้ติดต่อเวลาฉุกเฉินค่ะ
ข้อแนะนำสำหรับพ่อแม่เพิ่มเติม
- ไม่ควรปล่อยลูกไว้ในรถคนเดียว พ่อแม่ควรพาลูกลงจากรถด้วยทุกครั้ง โดยเฉพาะเด็กเล็กมากๆ
- หากจำเป็นต้องให้ลูกอยู่ในรถคนเดียว พ่อแม่ควรลดกระจกรถทั้ง 4 ด้านลง เพื่อให้อากาศถ่ายเท แต่ไม่ควรนานเกิน 10 นาที และต้องอยู่ในสายตา เพราะสมัยนี้มิจชาชีพเยอะ ถ้าไม่ระวังรถอาจถูกขโมยไปพร้อมกับลูกได้
- ควรสอนลูกให้รู้จักบีบแตรเพื่อเรียกคนมาช่วย และให้รู้จักปลดล็อกประตูรถ ตามวิธีการข้างต้น
- เมื่อลูกช่วยเหลือตัวเองให้ลงมาจากรถแล้ว ควรสอนลูกด้วยว่าลงแล้วให้ไปไหน ถ้าไม่มีใครละแวกนั้นต้องทำยังไง จะรอตรงไหน และควรไปขอความช่วยเหลือจากใคร ควรสอนอธิบายให้ลูกได้เข้าใจค่ะ
เหตุการณ์ทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้หากทุกคนอยู่ในความประมาท บางทีเราก็ไม่ได้ประมาทแต่คนอื่นประมาท อุบัติเหตุเกิดได้เสมอ ทางเดียวที่จะป้องกันได้ คือ สอนวิธีเอาตัวรอดนั่นเอง อย่ารอให้มันสายไปแล้วค่อยมาฉุดคิด หรืออย่ารอให้เป็นหน้าที่ของใครครหรึ่ง พ่อแม่ไม่ควรคิดว่าเป็นหน้าที่ของครูที่ต้องสอน ครูก็อย่าคิดว่าเป็นหน้าที่ของพ่อแม่ ต่างฝ่ายต่างช่วยกันน่าจะดีที่สุดค่ะ
ที่มา: เพจ BLJourney, FB ดร.กัญฐณัฏ ฉลอง
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ:
3 สิ่งที่พ่อแม่ต้องรู้!! เรื่องอะไรที่ควรสอนลูกวัยอนุบาล
5 วิธีสอนลูกให้รู้จักหน้าที่ กิจกรรมฝึกความรับผิดชอบ ทำได้ตั้งแต่เด็กเล็ก
วิธีสอนลูกให้รู้จักการใช้เงิน การออมเงิน ในแต่ละช่วงอายุ