แก้ไขปัญหาน้องชายมีกลิ่น จุดจบของเซ็กส์ไม่แฮปปี้ วิธีทำความสะอาดน้องชาย

วันนี้ theAsianparent Thailand ขอนำวิธี แก้ไขปัญหาน้องชายมีกลิ่น จุดจบของเซ็กส์ไม่แฮปปี้ วิธีทำความสะอาดน้องชายมาแบ่งปันกัน

ปัญหาเรื่องกิจกรรมบนเตียง นอกจากจะอาศัยลีลา ท่าทาง อารมณ์ร่วมในการทำกิจกรรม ทุกคนทราบหรือไม่ว่า กลิ่นก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่เสริมสร้างรสชาติของกิจกรรมบนเตียง คุณผู้ชายเคยกังวลกับกลิ่นไม่พึงประสงค์ของน้องชายขณะทำกิจกรรมหรือไม่ วันนี้ theAsianparent Thailand ขอนำวิธี แก้ไขปัญหาน้องชายมีกลิ่น จุดจบของเซ็กส์ไม่แฮปปี้ วิธีทำความสะอาดน้องชายมาแบ่งปันกัน

 

สาเหตุของปัญหาน้องชายมีกลิ่น

แก้ไขปัญหาน้องชายมีกลิ่น

 

1. กิจกรรมกลางแจ้ง

อย่างที่ทราบว่าประเทศไทยนั้นมีสภาพอากาศเป็นอย่างไร บางครั้งการทำกิจกรรมการแจ้ง ด้วยอาการที่ร้อนและอบอ้าว อาจทำให้อวัยวะเพศเกิดความอับชื้น ซึ่งเป็นสาเหตุของกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ได้

2. ปลายอวัยวะ

คุณผู้ชายหลาย ๆ คนคงทราบดีกว่า ปลาบหุ้มอวัยวะเพศเป็นแหลงสะสมแบคทีเรีย เพียงเพราะว่าคุณผู้ชายบางท่านที่ประสบปัญหานี้ ไม่ได้มีการขลิบน้องชาย เนื่องจากตรงปลายหุ้มดังกล่าว เป็นบริเวณที่แบคทีเรียและสิ่งสกปรกตกค้างอยู่ ไม่ว่าจะเป็นคราบน้ำปัสสาวะ

3. ใส่กางเกงในที่ไม่สะอาดหรือมีความอับชื้น

นอกจากควรซักกางเกงในให้สะอาดหมดจดทุกครั้งแล้ว ก็ควรตากให้แห้งก่อนเอามาใส่ด้วย เพราะการหยิบเอากางเกงในที่ซักไม่เกลี้ยงหรือมีความชื้นมาใส่ ไม่เพียงแค่ทำให้มีกลิ่นเหม็นได้ง่ายเท่านั้น อาจนำไปสู่อาการระคายเคืองได้เช่นกัน หากทำบ่อยเข้า รับรองว่าโรคสังคังถามหาแน่นอน

4. โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น โรคหนองในแท้ และ โรคหนองในเทียม เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้อวัยวะเพศมีกลิ่นเหม็น ทางที่ดีควรไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษาทันที หากรู้สึกแสบน้องชายขณะปัสสาวะและอัณฑะบวมโดยไม่รู้สาเหตุ เพราะถ้าปล่อยทิ้งไว้ จะทำให้รู้สึกทรมานสุด ๆ แล้วเมื่อไรที่รักษาจนหายเป็นปกติ แนะนำให้ใส่ถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเซ็กส์ด้วย

5. ทำความสะอาดไม่ถูกวิธี

บางครั้งคุณผู้ชายหลายคนอาจมองข้ามการทำความสะอาดจุดสำคัญนั้นไป อาจด้วยความเคยชินหรือความตั้งใจ แต่อย่างไรก็ตามการทำความสะอาดนอกจากจะช่วยขจัดเรื่องกลิ่น ยังช่วยให้อวัยวะเพศของเราสะอาดไม่ติดเชื้ออีกด้วย

 

แก้ไขปัญหาน้องชายมีกลิ่น

วิธีทำความสะอาด

คุณผู้ชายควรดูแลสุขอนามัยของตนเองอย่างสม่ำเสมอด้วยการทำความสะอาดอวัยวะเพศ ทั้งบริเวณรอบ ๆ และใต้หนังหุ้มปลายองคชาต เพื่อกำจัดขี้เปียก น้ำมัน เซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว เชื้อแบคทีเรีย และสิ่งสกปรกต่าง ๆ ซึ่งจะช่วยป้องกันการเกิดกลิ่นเหม็นหรือการสะสมของเชื้อโรค

การล้างทำความสะอาดอวัยวะเพศชายสามารถทำได้ ดังนี้

  • ค่อย ๆ รูดหนังหุ้มปลายองคชาตเข้าหาตัว หากขี้เปียกมีลักษณะเป็นก้อนแข็งจนไม่สามารถรูดหนังหุ้มปลายได้ อาจใช้น้ำมันถูบริเวณอวัยวะเพศ เพื่อช่วยให้สามารถรูดหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศได้ง่ายขึ้น แต่ห้ามออกแรงดึงเด็ดขาด เพราะอาจทำให้รู้สึกเจ็บ ผิวหนังฉีกขาด และอาจเกิดการติดเชื้อได้
  • ล้างอวัยวะเพศด้วยน้ำอุ่นและสบู่สูตรอ่อน ๆ โดยเฉพาะบริเวณหนังหุ้มปลายองคชาต แต่ควรหลีกเลี่ยงการขัดหรือถูอย่างแรง เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้
  • ล้างฟองสบู่ออกให้หมด จากนั้นใช้ผ้าขนหนูสะอาดซับอวัยวะเพศให้แห้ง แล้วรูดหนังหุ้มปลายองคชาตกลับลงไปเช่นเดิม

ทั้งนี้ ควรล้างทำความสะอาดอวัยวะเพศชายเป็นประจำทุกวันจนกว่าขี้เปียกจะหายไป แต่ไม่ควรใช้ของมีคมหรือสำลีก้านแคะขี้เปียกออก เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้ และหากมีขี้เปียกจับตัวกันเป็นก้อนเพิ่มมากขึ้น ยังมีขี้เปียกเกาะเป็นคราบใต้หนังหุ้มปลายองคชาตแม้จะล้างทำความสะอาดอวัยวะเพศเป็นเวลากว่า 1 สัปดาห์แล้ว หรือมีอาการแดงและอักเสบบริเวณอวัยวะเพศ ควรไปพบแพทย์ทันที เพราะอาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อหรือภาวะเจ็บป่วยอื่น ๆ ได้

 

อีกหนึ่งวิธีที่คุณผู้ชายสามารถเลือกใช้ได้ คือ การขลิบ โดยการขลิบ คือ การตัดหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศ เพื่อให้เปิดออกมาทำความสะอาดได้ง่ายขึ้น ช่วยลดโอกาสการติดเชื้อ ซึ่งถ้าหากในครอบครัวมีความเชื่อ หรือธรรมเนียมที่ปฏิบัติกันมาว่าการขลิบเป็นสิ่งที่ดี ก็สามารถให้คุณหมอทำให้ได้ตั้งแต่แรกเกิด โดยเวลาที่เหมาะสมที่สุด ก็คือช่วงประมาณ 2-3 สัปดาห์หลังคลอด คุณหมอบางท่านอาจแนะนำให้ทำการขลิบภายใน 10 วันหลังคลอด

โดยการขลิบในเด็กแรกเกิดนั้น คุณหมอจะทำการขลิบด้วยเครื่องมือที่ครอบหนังบีบเข้าไปแล้วตัดออกโดยที่ไม่ต้องเย็บแผล หลังจากขลิบภายใน 24 ชั่วโมงแรกอาจมีเลือดซึม มีอาการบวม แต่หลังจากนั้นแผลก็จะแห้ง และหายภายใน 1 สัปดาห์

 

แก้ไข ปัญหา น้องชายมีกลิ่น

ข้อดีของการขลิบ

ข้อดีของการขลิบก็คือ

  • ป้องกันการหมักหมมและติดเชื้อ
  • ดูแลรักษาความสะอาดได้ง่าย
  • หากลูกโตขึ้น แล้วเกิดมีปัญหาปัสสาวะขัด อวัยวะเพศอักเสบ หนังหุ้มปลายไม่เปิดดี สุดท้ายต้องขลิบตอนโต ซึ่งจะเจ็บกว่า ขั้นตอนการขลิบยุ่งยากกว่า ต้องผ่าตัด วางยาสลบ ค่าใช้จ่ายมากกว่า แถมลูกยังอายหมออีกด้วย

การขลิบในเด็กเล็กนั้น สามารถทำได้ง่ายกว่าเด็กโต เพราะในเด็กเล็กทนต่อความรู้สึกเจ็บปวดได้มากกว่าและยังจำเหตุการณ์ไม่ได้ เมื่อเทียบกับเด็กโต

การให้ลูกขลิบตั้งแต่แรกเกิด อาจทำให้ลูกรู้สึกเจ็บในขณะที่ทำ แต่ด้วยความที่ระบบประสาทยังพัฒนาได้ไม่เต็มที่ ก็จะทำให้เด็กจะไม่รู้ว่าเจ็บตรงไหน อีกทั้งแผลของเด็กทารกนั้นจะหายเร็ว เพราะหนังยังอ่อน เลือกออกน้อย ไม่ต้องเย็บแผล การดูแลแผลในเด็กเล็กก็ทำได้ง่ายกว่า

ข้อเสียของการขลิบ

ข้อเสียของการขลิบก็คือ

  • เมื่อเด็กโตขึ้น เวลาที่มีการยืดตัวของปลายอวัยวะเพศ อาจทำให้สูญเสียความรู้สึกที่บริเวณส่วนปลายอวัยวะไปได้บ้าง
  • หากไม่ขลิบ ก็มีโอกาสที่จะหมักหมม และอักเสบติดเชื้อได้ หากว่าเราดูแลความสะอาดได้ไม่ดีพอ

อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่ขลิบ คุณพ่อคุณแม่ควรปลูกฝังลูกเรื่องความสะอาดตั้งแต่ยังเล็ก เพราะถ้ามีการดูแลรักษาความสะอาดอย่างเหมาะสม โดยการรูดหนังหุ้มปลายขึ้นทุกครั้งที่ปัสสาวะและอาบน้ำ โอกาสที่น้ำปัสสาวะจะหมักหมมที่ส่วนหนังหุ้มปลายก็จะลดลง และไม่ควรใช้แป้งหรือสารใด ๆ ทาอวัยวะเพศส่วนปลายที่อยู่ข้างในหนังหุ้ม เพราะอาจเกิดการหมักหมม จนติดเชื้อได้

 

theAsianparent Thailand เว็บไซต์ข้อมูลคุณภาพและสังคมคุณแม่ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศและเอเชีย เรามีผู้เชี่ยวชาญด้านกุมารแพทย์ แหล่งความรู้แม่และเด็ก รวมถึงแอพพลิเคชั่น theAsianparent Thailand ที่ติดตามการตั้งครรภ์ให้คุณแม่ได้ลงทะเบียนใช้งาน เพื่อติดตามพัฒนาการทารกตั้งแต่ตั้งครรภ์ จนถึงติดตามหลังคลอดที่ครอบคลุมที่สุดและผู้ใช้งานสูงสุดในประเทศไทย นอกจากความรู้ยังมีไลฟ์สไตล์และสื่อมัลติมีเดียหลากหลาย ไม่ว่าสุขภาพแม่และเด็ก โภชนาการแม่และเด็ก กิจกรรมสำหรับครอบครัว การวางแผนครอบครัวไปจนถึง การดูแลลูก การศึกษา และจิตวิทยาเด็ก theAsianparent Thailand เราพร้อมสนับสนุนพ่อแม่ทุกท่าน ให้มีความรู้และมีสุขภาพกายใจเข้มแข็ง เพื่อเสริมสร้างครอบครัวอย่างแข็งแรง เพราะเราเชื่อว่า “พ่อแม่เข้มแข็ง ครอบครัวแข็งแรง”

 

Source : Kapook

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

อยากให้จิมิหอม ทำยังไงดี? รวม 5 ผลิตภัณฑ์ล้างจุดซ่อนเร้น ให้หอมหวานน่ากิน

วิธีทำความสะอาดอวัยวะเพศลูกสาว แม่เตือน! เช็ดอวัยวะเพศลูกสาวให้สะอาด ระวังติดเชื้อ

พฤติกรรมทางเพศในเด็ก พฤติกรรมทางเพศของเด็กในแต่ละวัย และวิธีรับมือ

บทความโดย

Khattiya Patsanan