เมื่อสามีทิ้ง!!! เป็น "ซิงเกิลมัม" ต้องทำไงต่อ

เมื่อสามีทิ้ง!!! เป็น "ซิงเกิลมัม" ต้องทำไงต่อ หนทางแห่งการเป็นซิงเกิลมัมนั้น นอกจากความรับผิดชอบที่ใหญ่ยิ่งแล้ว การรับมือเรื่องต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาก็ต้องตั้งอยู่บนความสตรองและมีสำคัญไม่แพ้กัน

เมื่อสามีทิ้ง!!! เป็น “ซิงเกิลมัม” ต้องทำไงต่อ

เมื่อสามีทิ้ง!!! เป็น “ซิงเกิลมัม” ต้องทำไงต่อ ใครที่กำลังตัดสินใจ ทิ้งสามี หรือ สามีทิ้ง แล้วยังเคว้งๆ จะเดินต่อก็ไม่มีแรง จะถอยหลังก็ไม่ได้ วันนี้ขอแชร์ในฐานะที่เจอกับประสบการณ์ตรงค่ะ

ไม่มีใครตาย เพราะ “สามีทิ้ง”

นี่เป็นข้อเท็จจริงที่สาวๆ ผ่านมันมาได้ตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์ เหตุผลก็หลากหลายกันไป สามีเสียเพราะล่าสัตว์แล้วโดนสัตว์กิน แน่นอนภรรยาต้องเลี้ยงลูกคนเดียว สามีเสียเพราะออกรบ สามีเสีย(?)เพราะนอกใจ ฯลฯ แต่สิ่งที่หนึ่งที่แน่นอนที่สุดคือ ลูกต้องการการเลี้ยงดูจากคุณแม่นะคะ

ทำไม “สามีถึงทิ้ง” 

ช่างหัวมันค่ะ อย่าไปเอาคำตอบที่เป็นเหตุเป็นผลจากผู้ชายที่ทิ้งแม่ของลูกตัวเองลง จะด้วยภรรยามีข้อเสีย หรือจะเป็นที่สันดานส่วนตัวของผู้ชายมักมากไม่เคยพอ เหตุผลอะไรก็ตาม อย่าได้ไปสนใจ ที่สำคัญคือเขาไม่รักคุณแล้ว นี่คือเหตุผลจริงๆ ที่เขาอาจจะบอกหรือไม่ก็ตาม

แง่ดีของการเลิกกันไป

มองในแง่ดีของการเลิกกันไปในใครนี้ ไม่ว่าสามีจะทิ้งหรือคุณจะทิ้งสามี นั่นคือเขาไม่ได้เป็นของเรา ทำยังไงเขาก็ไม่อยู่กับเราค่ะ สิ่งสำคัญคือแม้คุณจะเกลียดอดีตสามีมากแค่ไหน อยากจะสาปแช่งเผาพริกเผาเกลือ หรือไล่ไปลงนรกขุมสุดท้ายแบบไม่ต้องผุดไม่ต้องเกิด แต่ลูกในท้องหรือลูกที่นอนหลับอยู่ข้างๆ เขาเกิดมาจากความรัก (อย่างน้อยก็ความรักที่คุณให้สามี ณ ตอนนั้น) ดังนั้นรักลูกอย่างหมดหัวใจและไม่ต้องมีข้อแม้ค่ะ เขาคือลูกของคุณ และคือคนที่คุณต้องยึดเป็นหลัก ณ ขณะนั้น

สิ่งแรกที่ต้องทำ 

เลิกคร่ำครวญและทำใจ ยิ่งคุณเป็นแม่คนแล้ว อย่าเสียเวลาทำใจนานค่ะ ลูกรอไม่ได้ เขาทิ้งคุณ มันคือเรื่องจริง ไม่ว่าจะทำยังไงเขาก็ไม่กลับมา ยอมรับมันซะ แล้วก้าวต่อไปค่ะ ชีวิตไม่สิ้น ก็ต้องดื้นกันต่อไป ถ้าไม่เพื่อตัวเอง อย่างน้อยก็เพื่อลูก และพ่อแม่ของคุณที่มองดูห่างๆ อย่างห่วงที่สุด

จะเดินต่อไปต้องทำยังไง

ก่อนอื่นเลยคือการตกลงกันเรื่องของลูก และทรัพย์สินทั้งหลายที่เป็นสินสมรส ถ้าจดทะเบียนค่ะ เขาต้องการมีส่วนร่วมในชีวิตของคุณและลูกไหม อาทิตย์นึงจะมาหาลูกกี่วัน ค่าเลี้ยงดูจะจ่ายเป็นรายเดือนหรือเป็นก้อน (เชียร์ให้เลือกเป็นก้อนค่ะ เพราะจ่ายรายเดือนบางทีคุณต้องตามทุกเดือน) ทรัพย์สินจะแบ่งยังไงบ้าง นี่คือเรื่องทางกฎหมายที่ต้องเคลียร์ให้ได้ก่อนเลยอันดับแรก

หากคุณกำลังตั้งครรภ์ เคลียร์กับอดีตสามีด้วยว่า จะใส่ชื่อพ่อในสูติบัตรไหม เพราะถ้าใส่คุณกับเขายังต้องเจอหน้ากันเพื่อเซนต์เอกสารให้ลูกค่ะ แต่ถ้าชาตินี้ขออย่าเจอะเจอกันอีกเลย ก็ไม่จำเป็นต้องใส่ชื่อในสูติบัตรและไม่ต้องจดทะเบียนรับรองบุตรด้วย ลาขาดแบบไม่ต้องมาเผาผีกันเลย

อ่านต่อ วิธีรับมือกับการเป็น “ซิงเกิลมัม”

วิธีรับมือกับการเป็น “ซิงเกิลมัม” 

ซิงเกิลมัม หรือ แม่เลี้ยงเดี่ยว ฟังดูเหมือนโดดเดี่ยวแต่จริงๆ แล้วก็ไม่เดียวดายนะคะ เพราะรอบตัวคุณนั้นยังมีคนที่พร้อมจะรักคุณและลูกคุณอย่างไม่มีเงื่อนไข อย่างคุณตาและคุณยาย บรรดาเพื่อนพ้องของคุณอีกมากมาย และก็มีเรื่องบางเรื่องที่คุณจะต้องรับมือตั้งแต่วันนี้ค่ะ

1.รับมือกับคำถามของลูก

เชื่อว่าเหล่าซิงเกิลมัมต้องเจอกรณีนี้แน่ๆ ค่ะ หากอดีตสามียังวนเวียนในชีวิตคุณอยู่ อย่างน้อยๆ ลูกจะต้องถามว่าทำไมพ่อไม่ค่อยอยู่บ้าน ทีนี้ก็ถึงทีของคุณแล้วที่จะต้องตัดสินใจว่าจะบอกลูกยังไง บอกความจริงไหม หรือยังไม่ดีกว่า เพราะกลัวลูกจะไม่เข้าใจ ทางออกของเรื่องนี้คือ บอกความจริงกับลูกค่ะ ใช้ภาษาที่ลูกจะเข้าใจได้ง่าย ไม่ต้องอธิบายเยอะให้ซับซ้อน เช่น พ่อไม่ค่อยอยู่บ้าน เพราะพ่อต้องกลับบ้านพ่อ พ่อต้องทำงาน หรือพ่อต้องกลับบ้านไปเลี้ยงน้อง เป็นต้นค่ะ ที่สำคัญคืออย่าปลูกฝังลูกว่าครอบครัวที่สมบูรณ์ดีต้องมีทั้งพ่อแม่และลูก เพราะในทางปฏฺิบัติและหลักความเป็นจริงในสังคม มันไม่ใช่แบบนั้น มีเด็กอีกมากที่ไม่ได้อยู่ทั้งกับพ่อและแม่ มีเด็กอีกมากที่ไม่แม้แต่จะมีครอบครัว นั่นคือเรื่องปกติในสังคม หน้าที่ของคุณแม่คือ ทำให้ลูกเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องปกติค่ะ

2.เรื่องงานและการเลี้ยงลูก

สำหรับคุณแม่ที่มีคนช่วยเลี้ยงลูก ไม่ว่าจะเป็นคุณตาคุณยายหรือพี่เลี้ยง อาจจะไม่มีปัญหามากนัก แต่กับคุณแม่ที่เลี้ยงลูกและอยู่กับลูกเพียง 2 หรือ 3 คนนั้น สิ่งที่ต้องรู้ก่อนคือ เด็กๆ ป่วยบ่อยค่ะ และแน่นอนว่าการลางานทำบ่อยๆ ก็ไม่ดีหรอก และเป็นไปได้ยากที่เด็กๆ จะหายภายในวันหรือสองวัน ถ้าโชคดีก็ 2 วัน แต่หลังจากนั้นก็อยู่ในระยะแพร่เชื้ออีกนั่นแหละ หากลูกเพิ่งหายก็ยังไม่ควรพาลูกไปโรงเรียน แต่การลางานนานๆ ก็ทำไม่ได้ คุณแม่จึงควรคุยกับหัวหน้างานให้เข้าใจ งานไหนที่สามารถทำได้ที่บ้านก็เอามาทำที่บ้านค่ะ แต่ถ้าลักษณะงานเป็นแบบที่ถ้าคุณแม่ขาดงาน ก็จะทำให้เพื่อนร่วมงานมีภาระงานเพิ่มขึ้น อาจจะต้องพิจารณาการย้ายตำแหน่งงาน เป็นงานที่รับผิดชอบของใครของมันจะดีกว่านะคะ

3.เรื่องหัวใจและความสัมพันธ์ครั้งใหม่ 

แม้จะเคยล้มเหลวในความรักมา แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณแม่จะต้องปิดกั้นเรื่องความรักไปตลอดค่ะ แต่ความรักในครั้งนี้อาจจะต้องเลือกให้มากขึ้นและพิจารณาให้นาน ให้ถี่ถ้วน ให้เข้มข้นขึ้นไปอีก แน่ละ เพราะผู้ชายที่เข้ามาในชีวิตของคุณแม่นั้น ก็ต้องเข้ามาในชีวิตของลูกด้วย นอกจากเขาจะต้องรับเรื่องลูกของคุณแม่ให้ได้แล้ว การเช็คประวัติอาชญากรรมและคดีต่างๆ ก็จำเป็นนะคะ และถ้าเป็นไปได้ จ้างนักสืบสืบประวัติและรสนิยมมาให้มากที่สุดก็ทำให้วางใจได้ระดับหนึ่ง อาจจะมองว่าเวอร์ไป แต่โรคจิตที่มีรสนิยมล่วงละเมิดเด็กหรือทารุณเด็ก ส่วนใหญ่ก็เข้ามาในคราบคนรักของคุณแม่ที่มีลูก และไม่ใช่แค่คุณแม่ที่มีลูกสาวเท่านั้น แต่ลูกชายก็น่าเป็นห่วงไม่แพ้กันเลยนะคะ ที่สำคัญคือหากลูกยังเล็กอยู่ ไม่ควรปล่อยลูกไว้ตามลำพังเด็ดขาดค่ะ ไม่ว่าคุณจะรักผู้ชายคนใหม่มากแค่ไหนก็ตาม

หรือจะเลือกเฟลิร์ทไปทั่ว แต่ยังไม่จริงจังก็ได้ แค่ให้ชีวิตมันมีอะไรกระชุ่มกระชวยสักหน่อย ที่สำคัญคือ อย่าไปหลอกใครเขาว่ายังไม่มีลูกละค่ะ ลูกคือสิ่งที่น่าภูมิใจ และไม่ใช่เรื่องที่น่าอายนะคะ

4.ปล่อยให้ตัวเองได้เศร้าบ้าง

แม้จะแนะนำให้คุณแม่ทำใจให้ได้เร็วๆ และต้องเข้มเเข็งเพื่อลูก แต่เรื่องราวเจ็บปวดที่คุณแม่เจอมา มันไม่หายไปง่ายๆ หรอกค่ะ หากจะเก็บมันไว้และไม่นึกถึงมัน ทางออกและการรับมือคือ ยอมรับให้มันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต เดือนนึงก็ดูหนังเศร้าๆ สัก 2-3 เรื่อง แล้วคุณแม่จะงอแงร้องไห้ฟูมฟายเท่าไหนก็ทำได้ค่ะ หรือการนั่งฟังเพลงอกหักรักคุดแล้วน้ำตาไหลพรากอยู๋กลางถนน จนมอเตอร์ไซค์คันข้างๆ ถึงกับผงะ ก็ไม่ได้ถือว่าคุณแม่หมกหมุ่นกับความเสียใจ แต่ถือว่าเป็นการเคลียร์อารมณ์ เคลียร์ความเครียดออกจากตัวไป ให้กลับมาตั้งหลักได้ใหม่อีกครั้งหนึ่งนั่นเองค่ะ

5.รับมือกับเสียงนินทาจากคนรอบข้าง

ต่อให้คุณแม่เป็นมนุษย์ที่เพอร์เฟ็คที่สุดในจักรวาล ก็หนีคำนินทา เสียงวิพากวิจารณ์ การกระเเนะกระแหนไปไม่พ้นค่ะ สิ่งที่ทำได้คือมองเสียงเหล่านั้นเป็นแค่ลมที่พัดเข้ามา แล้วมันจะพัดผ่านไปในไม่ช้า เรื่องไม่ดีที่ชีวิตต้องเจอ อย่าไปหาคนผิด อย่าไปดิ้นตาม แต่เก็บมันไว้ไกลๆ สายตา ให้มันเป็นบทเรียนค่ะ ใส่ใจในเรื่องที่ต้องใส่ใจอย่างเรื่องลูก เรื่องหาเงิน และเรื่องสุขภาพของตัวเองดีกว่า

6.รับมือกับเรื่องเซ็กซ์

แน่ละ การไม่มีคู่เป็นตัวเป็นตน แต่คุณแม่ก็ยังไม่ถึงวัยที่สิ้นหวังกับเรื่องนี้ การมีความต้องการและการสนองความต้องการของตัวเองไม่ใช่เรื่องที่น่าอายนะคะ เรื่องเซ็กซ์นั้นไม่จำเป็นต้องสอดใส่ แต่การสนองความต้องการของตัวเอง ย่อมจัดการได้ด้วยตัวเองค่ะ ทั้งการช่วยตัวเอง การเรียนรู้ความต้องการของตัวเอง หรือแม้แต่กระทั่ง การจินตนาการเรื่องเซ็กซ์ที่สุดยอดนั้น คือการรับมือในวันที่ต้องอยู่คนเดียว แต่ไม่เปล่าเปลี่ยวอีกต่อไปค่ะ

7.รับมือกับความเครียด

การเป็นพ่อหรือแม่และการทำงานก็มีเรื่องให้เครียด แต่การเป็นซิงเกิลมัมนั้นบางทีก็มีเรื่องให้เครียดไม่ใช่น้อยค่ะ การรับมือกับความเครียดจึงเป็นเรื่องที่จำเป็นมาก และจำเป็นสุดๆ ไปเลย บางทีการดูซีรีย์เกาหลี หรือการไปคอนเสิร์ตบ้างก็ช่วยคลายเครียดได้อย่างดีนะคะ แต่จะทำยังไงในเมื่อลูกยังเล็ก ทางออกง่ายๆ คือ ซื้อแผ่นมาดูที่บ้านค่ะ แต่ถ้าเป็นคุณแม่สายปาร์ตี้ละ เอาลูกเข้าผับเข้าบาร์ไม่ได้แน่ๆ ก็จัดปาร์ตี้มันที่ห้องซะเลย แต่ก็ไม่ควรเปิดเพลงดังเกินไป งดสูบ และดื่มได้พอประมาณนะคะ

สิ่งสำคัญคือ แม้คุณจะเหนื่อย เครียด หงุดหงิดแค่ไหน ยั้งตัวเองไว้ ระวังตัวเองให้ดี ไม่ให้ไปลงกับลูก เขายังเป็นเด็ก เขายังไม่รู้ถึงความเครียดที่คุณมีค่ะ

8.รับมือกับเรื่องการเงิน

สมัยนี้ต่อให้หาเงินทั้งพ่อแม่การเงินในครอบครัวก็ยังตึงๆ อยู่เลย แล้วถ้ามีคุณแม่แค่คนเดียวละ หนักหนากว่ากันเยอะ ซิงเกิลมัมเลยต้องมีงานพิเศษหรืองานเสริม ที่จะช่วยเพิ่มรายได้ และเข้ามาช่วยเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ ด้วยค่ะ การเลือกงานเสริมนั้นควรจะเป็นงานที่ยืดหยุ่นพอสมควร อย่างงานฟรีแลนซ์ งานขายของตลาดนัด หรือขายออนไลน์ หรืองานสอนพิเศษต่างๆ ค่ะ ซึ่งดีไม่ดีจะได้เงินมากกว่างานประจำอีกนะคะ

9.รับมือกับสารพัดความเหนื่อยและการดูแลตัวเอง

ในช่วงที่ลูกยังเล็ก งานบ้านส่วนใหญ่นั้นมีให้ทำทุกวัน กลับกัน ในช่วงที่ลูกโตขึ้นสักหน่อย การทำงานบ้านไม่จำเป็นต้องทำทุกวันค่ะ และคุณแม่ควรจะหาตัวช่วย เช่น การจ้างแม่บ้านสักอาทิตย์ละ 1-2 วัน หรือส่งซักรีดเสื้อผ้า จากคุณแม่ถึงคุณแม่นะคะ การทำงานนอกบ้านด้วย งานเสริมด้วย เลี้ยงลูกด้วย งานบ้านด้วย เป็นเรื่องที่เหนื่อยเกินไป และทำให้ร่างกายหน้าตาผิวพรรณของคุณแม่โทรมค่ะ การออกกำลังกายสม่ำเสมอและการนอนให้เพียงพอ กินให้ถูกหลักโภชนาการคือสิ่งจำเป็น สำหรับมนุษย์ซิงเกิลมัม นั่นก็เพราะคุณแม่ห้ามป่วย ห้ามตาย ห้ามทิ้งลูกยังไงละคะ ดูแลตัวเองให้แข็งแรง พร้อมจะพาลูกไปสู่จุดหมายค่ะ

ที่สำคัญคือการหาเวลาให้ตัวเอง เสริมสวย ปรนเปรอ และทำให้สิ่งที่อยากทำ ถ้าไม่มีเวลาจริงๆ พาลูกไปอยู่กับคุณตาคุณยายสักเดือนละ 2-3 วันก็ได้ค่ะ อาจจะเป็นวันเสาร์หรือวันอาทิตย์ ให้คุณแม่ได้พักเหนื่อยสักหน่อย

สุดท้ายนี้ขอเป็นกำลังใจให้ซิงเกิลมัมทุกคน ก้าวผ่านความยากลำบาก ความเสียใจ และเรื่องแย่ๆ ที่เจอมา และมองเห็นความสวยงามในชีวิตเคียงข้างลูกน้อย และก้าวเดินต่อไปยังเส้นทางของอนาคตที่สดใสนะคะ

บทความที่น่าสนใจ

เช็คลิสต์ 10 ข้อ ของซิงเกิลมัม/เเด๊ด ก่อนจะมีสามี/ภรรยาใหม่

สามีที่นอกใจภรรยา ไม่ต่างอะไรกับการทำร้ายลูกตัวเองด้วยความสะใจ