ไซมอน ฮอบเปอร์ คุณพ่อหนุ่มสุดหล่อได้แชร์ ประสบการณ์พ่อลูก การเลี้ยงดูแลลูกสาวทั้ง 4 คน ผ่านทางอินสตาแกรมส่วนตัวของเขา
ไซมอนและภรรยา มีลูกสาวด้วยกันทั้งหมด 4 คน ในวัย 9 ขวบ, 6 ขวบ และคู่แฝดวัย 10 เดือน ซึ่งทั้งหมดนั้นอายุยังไม่ถึง 10 ขวบกันเลย ประสบการณ์พ่อ ลูก
ประสบการณ์พ่อ ลูก คุณพ่อลูก 4 ได้บันทึกชีวิตประจำวันและถ่ายทอดความรู้สึกจากการเลี้ยงลูกในแต่ละวัน ไปจนถึงภาระอันหนักอึ้งของการเป็นหัวหน้าครอบครัวผ่านอินสตาแกรมที่มีชื่อว่า father_of_daughters ที่ได้มีคนติดตามความน่ารักในการเลี้ยงลูกของครอบครัวนี้กว่า 3 แสนคนแล้ว
ฮอปเปอร์บอกว่า การเป็นพ่อนั้นทำให้เขาได้เป็นทั้งช่างซ่อม, คนขับรถ, ครูสอนว่ายน้ำ, ติวเตอร์, กลายเป็นภูเขาจำลอง และอีกมากมาย
โดยคุณพ่อลูก 4 หวังว่าการแชร์ประสบการณ์เลี้ยงลูกผ่านโซเชียลมีเดียจะเป็นกำลังใจและแรงบันดาลใจให้กับพ่อแม่มือใหม่อีกหลายคู่ และอยากจะบอกว่าไม่มีพ่อแม่คู่ไหนเหนื่อยอยู่เพียงคนเดียวแน่นอน พวกเรามันหัวอกเดียวกัน ^^
อยากให้คุณพ่อแชร์ ประสบการณ์พ่อลูก เลี้ยงลูกสุดสนุกมาให้ดูกันบ้าง โพสต์บอกเราในคอมเม้นท์กันนะคะ
เด็กๆ ในช่วงวัย 3-6 ขวบนั้นกำลังเป็นช่วงของการเรียนรู้ เข้าสังคม และเริ่มต้นเข้าสู่การเรียนในระดับอนุบาล ซึ่งการเรียนรู้ของเด็กๆ ในวัยนี้ ไม่ได้หยุดอยู่แค่ที่การเรียนในโรงเรียนเท่านั้น เพราะแม้แต่การอยู่ที่บ้านช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ คุณพ่อคุณแม่เองก็สามารถที่จะหากิจกรรมพ่อแม่ลูกทำร่วมกัน เพื่อเสริมพัฒนาการให้กับลูกเพิ่มขึ้นได้ด้วย โดยการเสริมพัฒนาการดังกล่าวก็ยังช่วยทั้งในด้าน ร่างกาย, อารมณ์, จิตใจ, และสังคมอีกด้วย ลองมาดูกิจกรรมพ่อแม่ลูกที่ช่วยเสริมพัฒนาการสำหรับเด็กๆ ในวัยเรียนรู้ที่เราคัดมาฝากกันเลย
1. กิจกรรมสร้างสรรค์ในด้านศิลปะ
เป็นกิจกรรมพ่อแม่ลูกง่ายๆ ที่สามารถทำได้ โดยการให้ลูกนั้นได้สนุกกับการสร้างผลงานศิลปะ ไม่ว่าจะเป็นการปั้นดินน้ำมัน, การวาดภาพระบายสี ซึ่งคุณพ่อคุณแม่สามารถเลือกให้เด็กๆ เลือกการวาดภาพระบายสีได้ตามความเหมาะสม และความชอบเช่นการใช้สีไม้, สีน้ำ หรือการใช้นิ้วมือในการรังสรรค์ภาพวาดระบายสีก็เป็นการเสริมพัฒนาการเช่นเดียวกัน สำหรับกิจกรรมพ่อแม่ลูกนั้นนจะช่วยเสริมพัฒนาการทางด้านอารมณ์, จิตใจ ให้กับเด็กได้เป็นอย่างดี
2. กิจกรรมกลางแจ้ง
กิจกรรมกลางแจ้งนั้นโดยทั่วไปแล้วควรเป็นกิจกรรมที่เด็กๆ จะได้เล่นกับคุณพ่อคุณแม่และควรจะมาในรูปแบบของการขยับเคลื่อนไหว ออกกำลังกายไปในตัวเช่น การเล่นโยนลูกบอลให้ลงตะกร้า, การใช้ตะเกียบคีบลูกปิงปอง หรือการละเล่นแบบพื้นบ้านของไทยเราเองก็เป็นกิจกรรมพ่อแม่ลูกที่ช่วยเสิรมพัฒนาการได้เช่นเดียวกัน หากบ้านไหนที่สนามทรายก็ให้เด็กๆ เล่นขีดเขียนบนทราย ขุดอุโมงค์หรือก่อปราสาททรายได้ กิจกรรมกลางแจ้งจะช่วยเสริมพัฒนาการด้านร่างกายและจิตใจของเด็กได้
3. กิจกรรมที่ช่วยสร้างประสบการณ์
ปิดท้ายกันที่กิจกรรมพ่อแม่ลูกที่ช่วยสร้างพัฒนาการได้ภายในบ้าน โดยกิจกรรมที่ช่วยสร้างประสบการณ์นั้นได้แก่ การจำลองการประกอบอาหาร เช่นการใช้ทัพพีตักข้าวใส่จาน, การกวนแป้งในกระทะ, การใช้จำลองหั่นผักผลไม้ต่างๆ รวมทั้งการล้างผักเพื่อเตรียมประกอบอาหาร หรือจะเป็นกิจกรรมเสริมประสบการณ์ด้านการทดลองวิทยาศาสตร์เช่นการเป่าฟองสบู่, การกรองน้ำให้กลายเป็นน้ำสะอาด หรือการสังเกตสิ่งของที่ลอยน้ำและจมน้ำได้ ซึ่งกิจกรรมพ่อแม่ลูกในด้านเสริมประสบการณ์นี้จะช่วยสร้างพัฒนาการด้านสังคมได้ดีทีเดียว
ทั้งสามกิจกรรมนี้ก็เป็นกิจกรรมพ่อแม่ลูก ที่สามารถนำไปลองให้เด็กๆ ช่วงวัย 3-6 ขวบลองทำกันดูในช่วงวันหยุดหรือช่วงเวลากลับจากโรงเรียนได้ เพราะนอกจากความสนุกที่ได้แล้ว ยังเป็นการสร้างพัฒนาการที่ดีให้เด็กๆ ได้อีกด้วย
สิ่งที่พ่อแม่สามารถร่วมทำกับลูกได้เมื่อลูกปิดเทอมอยู่บ้าน ยกตัวอยางมา 2 ข้อเช่น
1. ทำบ้านให้กลายเป็นโรงเรียนแห่งความสนุกสนาน
งานวิจัยกล่าวว่า เด็กๆ จะสูญเสียทักษะทางด้านคณิตศาสตร์มากกว่าการอ่านหนังสือในช่วงปิดเทอม เพราะพ่อแม่ (ที่ใส่ใจลูก) มักจะสนใจในเรื่องการฝึกทักษะการอ่านมากกว่าการคำนวน แต่เชื่อหรือไม่ว่า การเพิ่มพูนทักษะคณิตศาสตร์ไม่ใช่เรื่องเคร่งเครียดเลยสักนิด และมีหลายวิธีการมากด้วย อาทิ
- ชวนเด็กๆ ทำอาหาร การชั่ง ตวง วัด ปริมาณของส่วนผสมในอาหาร เบเกอรี่ ของคาว ของหวาน ต่างๆ นั้น ล้วนเป็นการเรียนรู้ที่สนุกสนานได้ทั้งสิ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ใช้ได้กับทุกหลายช่วงวัย เช่น เป็นจำนวนธรรมดา อย่าง 2 ช้อนชา 3 ช้อนโต๊ะ อาจจะเหมาะกับลูกคนเล็ก แต่เมื่อไรที่เราต้องการส่วนผสมเป็น เศษ 1 ส่วน 4 ช้อนชา ลูกคนเล็กอาจจะต้องพึ่งพาพี่คนโตก็เป็นได้ ดังนั้น นอกจากจะได้ทักษะคณิตศาสตร์แบบสนุกสนานแล้ว ยังได้กระชับความสัมพันธ์ในครอบครัวอีกด้วย
2. ระดมพลสร้างสิ่งประดิษฐ์อันเกิดจากความคิดสร้างสรรค์ เสริมสร้างพัฒนาการทางกายให้เด็กๆ
งานศิลปะ งานประดิษฐ์ วาดรูป ระบายสี งานปั้น และอีกหลายรูปแบบ ล้วนแล้วแต่เป็นการละเล่นที่นอกจากจะนำความเพลิดเพลินมาให้กับเด็กๆแล้ว ยังมีส่วนช่วยในการพัฒนาการเรียนรู้ สติปัญญา และกายภาพของเด็กๆ ด้วย
ถ้าคิดอะไรไม่ออกก็ระบายสีมาก่อน แต่ว่าเราจะมีโจทย์ว่าเราจะไม่ทำเหมือนเดิม คืออาจจะต้องหาหลอด หาใบไม้มาประดิษฐ์แต่งเติม คือหาของเหลือใช้ต่างๆมาให้เขาทำ เขาก็จะมีเทคเจอร์ต่างๆในการวาด เช่น วาดบนกล่อง บนกระถาง เขาก็จะทำไปเรื่อยๆ ของเขา พอเบื่อวาดรูปก็ไปทำอย่างอื่น เช่น อ่านหนังสือ กินขนม แต่ทุกอันที่พูดมาเราต้องทำกับเขาหมด โดยเราอาจจะเป็นคนตั้งต้น เช่น การปั้นแป้งโด เราก็ต้องเริ่มทำตั้งแต่นวดแป้ง เพื่อให้กล้ามเนื้อมัดเล็กของเขาได้รับการบริหาร คนเล็กอาจจะปั้นได้ไม่ดีเท่าคนโตเพราะกล้ามเนื้อยังไม่ดีเท่า จากนั้นก็ให้เขาเป็นคนเลือกสีเอง ผสมสีเอง จากนั้นก็มาเล่นกัน ปั้นเล่น บางอันเราก็มีบล็อกให้เขา เป็นรูปต่างๆ กิจกรรมนี้ก็ใช้เวลาประมาณครึ่งวัน แล้วก็ไปทำอย่างอื่นต่อ
กิจกรรมที่ทำมาทั้งหมดมันส่งผลตอนโตได้หมด อย่างแป้งโดก็ช่วยเรื่องกล้ามเนื้อมัดเล็ก ส่วนเรื่องมัดใหญ่ ก็จะต้องไปวิ่งไปออกกำลังกาย ซึ่งตรงนี้จะส่งผลต่อการดำเนินชีวิตด้วย เช่น กล้ามเนื้อมัดเล็กดีก็จะเขียนหนังสือได้ดี หรือหากตอนเล็กๆ เขาจับช้อนกินเองได้เร็ว เขาก็จะทำอย่างอื่นได้ดี เช่นผูกเชือกร้องเท้าได้เอง ก็ตามสเต็ปของเขา”
Credit content: www.posttoday.com
Credit Photo: www.boredpanda.com
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
พ่อก็คือพ่อ 20+ พฤติกรรมที่บ่งบอกว่า “พ่อลูกอ่อน” ชนะเลิศ!!
แบบทดสอบ 10 ข้อของคุณพ่อมือใหม่
วันพ่อ พาพ่อทานข้าวที่ไหนดี แนะนำร้านอาหาร ที่น่าพาพ่อไปทานมื้อเย็น