อะไรคือสาเหตุที่ทำให้คุณ "เหนื่อยตลอดเวลา" กันนะ???

คุณรู้สึกเหนื่อยตลอดเวลารึเปล่า? การอดหลับอดนอนไม่ใช่สิ่งเดียวที่ดูดพลังงานของคุณ แต่พฤติกรรมเล็ก ๆ น้อยๆ เหล่านี้ก็อาจทำให้คุณหมดพลังและทำให้การดำเนินชีวิตประจำวันเป็นไปอย่างยากลำบากได้เช่นกัน มาดูกันว่าคุณมีนิสัยและพฤติกรรมพาเพลียเหล่านี้หรือไม่

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

อะไรคือสาเหตุที่ทำให้คุณ “เหนื่อยตลอดเวลา” กันนะ???

อะไรคือสาเหตุ ที่ทำให้คุณ “เหนื่อยตลอดเวลา” กันนะ???

#1 งดออกกำลังเวลารู้สึกเหนื่อย

อันที่จริงการงดออกกำลังเพื่อประหยัดพลังงานนั้นส่งผลเสียต่อคุณ ผลการศึกษาจากมหาวิทยาลัยจอร์เจียเปิดเผยว่าผู้ใหญ่ที่ทำงานนั่งโต๊ะวันละหลาย ๆ ชั่วโมง แต่มีร่างกายสมบูรณ์ปกติ หากได้ออกกำลังเบา ๆ สัปดาห์ละ 3 ครั้ง ครั้งละ 20 นาที จะรู้สึกเหนื่อยล้าน้อยลงหลังทำเป็นประจำต่อเนื่อง  6 สัปดาห์ การออกกำลังกายเป็นประจำจะช่วยเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง เพิ่มความอึด ระบบในร่างกายจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ออกซิเจนและสารอาหารจะถูกลำเลียงไปยังเนื้อเยื่อต่าง ๆ ได้ดีขึ้น ดังนั้นแทนที่จะทิ้งตัวลงบนโซฟาและนอนอืด ลองออกไปเดินเล่นแถวบ้านแทน แล้วคุณจะรู้สึกสดชื่นขึ้น

#2 ดื่มน้ำน้อย

อาการขาดน้ำแม้เพียงแค่ 2% ของปริมาณน้ำที่ควรได้รับ ก็อาจทำให้คุณรู้สึกอ่อนเพลียได้เช่นกัน เพราะการขาดน้ำจะทำให้ปริมาณน้ำเลือดในร่างกายลดลง เลือดข้นขึ้น หัวใจต้องทำงานหนักขึ้น และเลือดจะลำเลียงออกซิเจนและสารอาหารไปยังกล้ามเนื้อและส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้ช้าลง วิธีคำนวณหาปริมาณน้ำที่คุณควรดื่มในแต่ละวันคือ นำน้ำหนักตัว (หน่วยเป็นปอนด์) หารสอง ตัวเลขที่ได้คือปริมาณน้ำเป็นออนซ์ที่คุณควรดื่มในแต่ละวัน

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

งดออกกำลังเวลารู้สึกเหนื่อย

#3 ขาดธาตุเหล็ก

ภาวะขาดธาตุเหล็กอาจทำให้คุณรู้สึกเซื่องซึม หงุดหงิด ไม่มีแรง และไม่มีสมาธิ เพราะออกซิเจนจะถูกส่งไปยังกล้ามเนื้อและเซลล์น้อยลง การกินธาตุเหล็กเสริมจะช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง เพิ่มอาหารประเภทเนื้อแดงไม่ติดมัน ถั่ว เต้าหู้ ไข่ (รวมไข่แดง) ผักใบเขียว และเนยถั่ว กินคู่กับอาหารที่มีวิตามินซีสูง (เพราะวิตามินซีช่วยในการดูดซึมธาตุเหล็ก) บางคนอาจมีภาวะขาดธาตุเหล็กจากปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ลองปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำ

#4 คุณเป็นพวกมนุษย์รักความสมบูรณ์แบบ

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

การพยายามทำให้ทุกอย่างสมบูรณ์แบบทำให้คุณต้องทำงานหนักขึ้นและนานขึ้นเกินจำเป็น เมื่อคุณวางเป้าหมายไว้เกินความเป็นจริงจนไม่สามารถทำให้สำเร็จได้ สุดท้ายคุณก็จะไม่มีวันรู้สึกพึงพอใจในตัวเอง ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าคุณควรกำหนดเวลาในการทำงานสักชิ้น และพยายามทำงานให้เสร็จภายในกรอบเวลานั้น แล้วคุณจะรู้ว่าเวลาที่คุณเคยใช้หมดไปกับการแก้ไขงงานนั้น ไม่ได้ช่วยทำให้งานดีขึ้นเท่าไหร่

สาเหตุที่ทำให้คุณเหนื่อยตลอดเวลา

#5 ไม่กินอาหารเช้า

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

อาหารที่คุณกินเข้าไปคือแหล่งพลังงานของร่างกาย เมื่อคุณนอนหลับ ร่างกายก็ยังคงต้องใช้พลังงานจากอาหารเย็นที่คุณกินเข้าไปเพื่อสูบฉีดเลือดและออกซิเจน ดังนั้นเมื่อคุณตื่นนอน คุณจึงต้องเติมพลังงานด้วยอาหารเช้า การอดข้าวเช้าจะทำให้ร่างกายรู้สึกอ่อนเพลีย อาหารเช้าจะช่วยเพิ่มพลังให้คุณพร้อมที่จะเริ่มวันใหม่และสตาร์ทระบบเผาผลาญของคุณ อาหารเช้าที่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำประกอบด้วยธัญพืช โปรตีนไร้มัน และไขมันดี  เช่นข้าวโอ๊ต ผงโปรตีนและเนยถั่ว หรือสมูทตี้ผลไม้ ผงโปรตีน นมพร่องมันเนยกับเนยอัลมอนด์ หรืออาจจะเป็นไข่ต้ม ขนมปังโฮลวีตสองแผ่น และโยเกิร์ตไขมันต่ำก็ได้

#6 ดำรงชีวิตด้วยอาหารขยะ

อาหารที่อุดมไปด้วยน้ำตาล คาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว (แบบที่คุณมักพบในอาหารสำเร็จรูปและอาหารฟาสต์ฟู้ดทั่วไป) มีค่า ดัชนีน้ำตาลสูง  ซึ่งค่านี้เป็นตัวบ่งชี้ว่าคาร์โบไฮเดรตนั้นจะเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดได้รวดเร็วแค่ไหน การที่ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นและลดลงอย่างรวดเร็วจะทำให้ร่างกายอ่อนเพลียไปตลอดทั้งวัน คุณควรพยายามรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่โดยการกินธัญพืชควบคู่ไปกับโปรตีนทุกมื้ออาหาร เช่น เนื้อไก่ (อบ หรือต้ม) กับข้าวกล้อง ปลาแซลมอนกับมันเทศ หรือสลัดกับไก่และผลไม้

#7 ทำงานวันหยุด

การเช็คอีเมล์เวลาที่คุณควรจะพักผ่อนอาจทำให้คุณรู้สึกอ่อนล้าได้โดยไม่รู้ตัว คุณควรทิ้งเรื่องงานไปเลยเวลาที่คุณไปพักร้อน เพื่อให้ร่างกายและสมองได้พักผ่อนเต็มที่ จะได้กลับไปทำงานอย่างสดชื่น การพักผ่อนอย่างเต็มที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน กระตุ้นความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ให้คุณ

สาเหตุที่ทำให้คุณเหนื่อยตลอดเวลา

#8 เช็คอีเมล์ก่อนนอน

แสงจากแทบเบล็ต โทรศัพท์มือถือ หรือจอคอมพิวเตอร์ จะยับยั้งการสร้างเมลาโทนิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยปรับวงจรการนอนของคุณให้เป็นปกติ แม้ว่าร่างกายของแต่ละคนจะตอบสนองต่อแสงที่ว่าในระดับที่แตกต่างกัน แต่ผู้เชี่ยวชาญก็แนะนำว่าคุณควรหยุดเล่นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้ 1-2 ชั่วโมงก่อนเข้านอน หรือถ้าหลีกเลี่ยงไมได้จริง ๆ ก็พยายามถือให้อยู่ห่างจากหน้าประมาณ 14 นิ้ว เพื่อลดผลกระทบ

#9 ขาดคาเฟอีนไม่ได้

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

กาแฟเข้ม ๆ สักแก้วในตอนเช้าถือเป็นเรื่องปกติ มีงานวิจัยหลายชิ้นที่บ่งบอกว่าการดื่มกาแฟวันละ 1-3 แก้วอาจมีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่การบริโภคคาเฟอีนมากเกินไปก็อาจไปรบกวนวงจรการนอนของคุณได้เช่นกัน คาเฟอีนจะไปยับยั้งการทำงานของอะดิโนซิน ซึ่งจะสะสมขึ้นและทำให้คุณรู้สึกง่วงนอน ผลการศึกษาพบว่าการดื่มกาแฟก่อนเข้านอน 6 ชั่วโมง จะส่งผลต่อการนอนหลับ ดังนั้นคุณจึงควรหลีกเลี่ยงกาแฟหรือเครื่องดืมที่มีคาเฟอีนหลังบ่าย 3 โมง

#10 วันหยุดนอนดึก

การอดหลับอดนอนในคืนวันเสาร์และมานอนชดเชยวันอาทิตย์จะทำให้คุณนอนไม่หลับคืนวันอาทิตย์ ซึ่งจะนำไปสู่อาการง่วงซึมในเช้าวันจันทร์ หากการเข้านอนแต่หัวค่ำอาจทำลายชีวิตสังคมของคุณ คุณควรพยายามตื่นให้ใกล้เคียงเวลาเดิม และไปงีบกลางวันทดแทน การงีบกลางวันสัก 20 นาทีจะช่วยชาร์จพลังให้ร่างกายโดยไม่ต้องหลับลึก

วันหยุดนอนดึก

The Asianparent Thailand เว็บไซต์ข้อมูลคุณภาพและสังคมคุณแม่ ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ และในเอเชีย เรามีผู้เชี่ยวชาญด้านกุมารแพทย์ แหล่งความรู้แม่และเด็ก รวมถึงแอพพลิเคชั่น The Asianparent ที่ติดตามการตั้งครรภ์ ให้คุณแม่ได้ลงทะเบียนใช้งานฟรี เพื่อติดตามพัฒนาการของทารก ตั้งแต่ตั้งครรภ์ จนถึงติดตามหลังคลอดที่ครอบคลุมที่สุด และผู้ใช้งานสูงสุดในประเทศไทย นอกจากความรู้ยังมีไลฟ์สไตล์ และสื่อมัลติมีเดียหลากหลาย ไม่ว่าสุขภาพแม่และเด็ก โภชนาการแม่และเด็ก กิจกรรมสำหรับครอบครัว การวางแผนครอบครัวไปจนถึง การดูแลลูก การศึกษา และจิตวิทยาเด็ก The Asianparent เราพร้อมสนับสนุนพ่อแม่ทุกท่าน ให้มีความรู้และมีสุขภาพกายใจเข้มแข็ง เพื่อเสริมสร้างครอบครัวอย่างแข็งแรง

เพราะเราเชื่อว่า “พ่อแม่เข้มแข็ง ครอบครัวแข็งแรง”

ที่มา: Time

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :

5 พันธุ์ไม้ ปลูกได้ภายในบ้าน เพิ่มความสดชื่น ให้ทุกครอบครัว

คาถาขับรถปลอดภัย คาถาเดินทางปลอดภัยสั้น ๆ บทสวดมนต์ขับรถปลอดภัย

ทำไมคนท้องง่วงบ่อย เกิดจากอะไร มีอาหารแก้ง่วงสำหรับคนท้องไหม

บทความโดย

theAsianparent Editorial Team