โอ๋เป็นหญิงวัย 30 ที่การตั้งครรภ์ครั้งนี้เป็นท้องแรกเป็นว่าที่คุณแม่มือใหม่ที่ไม่มีประสบการณ์ใด ๆ เลย ตรวจเองอยู่ 2 ครั้งและไปตรวจที่รพ.อีกครั้งมั่นใจแล้วจึงไปฝากท้อง…ดีใจมาก ตื่นเต้นเป็นที่สุด แต่ก็แอบกังวลมาตลอด
ด้วยความที่โอ๋เป็นคนอ้วนน้ำหนักก่อนท้องอยู่ที่ 92 กก.คุณหมอเลยต้องขอตรวจเลือดว่าเป็นเบาหวานหรือเปล่า แต่สิ่งที่แอบกังวลก็เริ่มมา โอ๋เป็นธาลัสซีเมียชนิดแฝง คุณหมอเลยขอตรวจสามีด้วยโชคเข้าข้างสามีปกติลูกเลยเสี่ยงน้อยหน่อยระหว่างท้องเดือนที่ 1-3 อาการทุกอย่างปกติมากมีอาการท้องอืด แพ้ท้องจนน้ำหนักลงไป 3 กก. แต่ก็คอยสอบถามข้อสงสัยจากคุณแม่ท่านอื่น ๆ และแม่ของตัวเองรวมถึงหาข้อมูลจนเกือบจะแตกฉาน และติดตามการเติบโตของเจ้าตัวเล็กอย่างตื่นเต้นว่าตัวยาวเท่าไหร่แล้วจากการอัลตร้าซาวน์ทุกครั้ง
จนเข้าไตรมาสที่ 2 ท้องเริ่มขยายขึ้นบ้างแต่ไม่มากนักน้ำหนักเพิ่มขึ้นเดือนละ 0.5 กก.ในเดือนที่ 4 และ 5 เรียกได้ว่าควบคุมอยู่พอสมควร หลังจากได้รับคำแนะนำของคุณหมอจนทราบเพศของลูกที่ได้ดังหวังคือลูกชาย และไม่มีอาการใด ๆ บ่งบอกถึงความผิดปกติเลยในการตรวจครั้งล่าสุดของคุณหมอ
อาการเริ่มบ่งบอก
ก่อนจะเกิดเรื่องราวที่เลวร้ายตอนนั้น โอ๋เริ่มมีอาการปวดหลังและหน่วงท้องบ้างแต่ไม่ได้คิดอะไรมาก แล้วก็ได้แจ้งให้คุณหมอทราบ แกจึงแนะนำให้ว่ายน้ำเพื่อออกกำลังกายด้วย และตัวโอ๋เองเคยมีอาการปวดหลังเรื่อยมาก่อนที่จะตั้งครรภ์ ส่วนที่หน่วงท้องก็เข้าใจว่าอาจเป็นอาการท้องอืด หรือเป็นเพราะว่าโอ๋เดินเร็วไปและต้องขึ้น-ลงรถบัสรับ-ส่งพนักงานไปทำงานทุกวันเลยไม่ได้เอะใจ
จนช่วงวันหยุดยาวสงกรานต์ที่ผ่านมาอยากกลับไปหาแม่เพราะทำงานที่ จ.ชลบุรีแล้วสามีก็ติดงานไม่สามารถขับรถไปส่งได้และไม่อยากให้โอ๋ขับกลับเองด้วย เลยตัดสินใจนั่งรถตู้ประจำทางกลับเอง ซึ่งมันเป็นการเดินทางที่กังวลที่สุด รถตู้ขับเร็วมากทำให้โอ๋นั่งเกร็งมาตลอดทาง เพราะเป็นห่วงเจ้าตัวเล็กในท้อง แต่ก็ถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ กลับไป 2-3 วันทุกอย่างปกติเจ้าตัวเล็กยังดิ้นเหมือนเคย
จนในวันต่อมาสังเกตว่าเค้าดิ้นน้อยลงและหน่วงท้องมากขึ้น
จนเช้าวันที่เลวร้ายที่สุดในชีวิต 18 เมษายน 2557 ตื่นขึ้นมาตอนเช้าก็มีน้ำใสเหนียวเปื้อนกระโปรงชุดนอน ตอนแรกเราเข้าใจว่าเป็นตกขาวของคนท้องปกติ จึงเข้าห้องน้ำทำธุระไป แต่มันเริ่มไม่ใช่…เมื่อมีความรู้สึกว่ามีน้ำไหลอยู่ตลอดเวลาเหมือนเป็นประจำเดือนแล้วเมื่อเช็คดูมีเลือดออกและเริ่มปวดท้อง โอ๋ตกใจมากเลยรีบบอกแม่แล้วพากันไปรพ.ใกล้บ้านมากที่สุด
ระหว่างทางปวดท้องมากขึ้นเรื่อย ๆ ปวดบีบ ๆ อยู่ทุก ๆ 5 นาทีจนได้พบคุณหมอซักถามประวัติอยู่ 3 นาทีได้และเตรียมขึ้นเตียงเพื่ออัลตร้าซาวน์ เมื่อลุกขึ้นจากรถเข็นอาการปวดท้องสุดชีวิตก็เกิดขึ้นพร้อมกับน้ำคร่ำได้แตกแล้ว ทั้งหมอทั้งพยาบาลกุลีกุจอกันวุ่นวายในการตรวจ โอ๋เองก็เริ่มใจเสียและร้องไห้กลัวจะเสียเจ้าตัวเล็ก และรู้ว่ามันมีความเป็นไปได้สูงมาก เพราะเค้ายังเล็กมาก แต่ก็หวังอยากให้ปาฏิหารย์เกิดขึ้น…แต่โชคชะตาไม่ได้เข้าข้างเลย เมื่อคุณหมออัลตร้าซาวน์แล้วบอกว่าไม่เห็นหัวใจของเจ้าตัวเล็ก แล้วเมื่อเช็คปากมดลูกก็เปิดถึง 3 ซม. และขาของเค้าโผล่ออกมาแล้ว
“ตอนนั้นโอ๋ร้องอย่างสุดเสียงที่ต้องเสียเค้าไปอย่างไม่มีหวัง”
คุณหมอจึงเดินออกไปแจ้งญาติของโอ๋เพื่อทำการคลอดดูก่อนที่จะเลือกการผ่าตัด เพราะคุณหมอไม่อยากให้แม่เจ็บตัวไปมากกว่านี้เลยส่งเข้าห้องคลอดทันที ในช่วงเวลานั้นมันมีความรู้สึกหลาย ๆ อย่างประดังกันเข้ามา ความเจ็บปวดจากการคลอด ความเสียใจ ความสิ้นหวัง ความหดหู่ จนขั้นตอนทุกอย่างในการคลอดผ่านไป โอ๋คลอดครบไม่จำเป็นต้องขูดมดลูกแต่ก็ต้องนอนรพ.
โอ๋โชคดีที่ผ่านมาได้ต้องขอบคุณกำลังใจจากสามีที่ทิ้งงานทันทีที่ทราบข่าวจากแม่ของโอ๋และรีบขับรถจากชลบุรีมาหา และคนในครอบครัวที่อยู่ข้างเราตลอดมาหลังจากออกจากรพ.และได้กลับมาบ้านที่ชลบุรีผ่านไป 7 วันจึงกลับไปตรวจภายในและนำข้อมูลการแท้งไปคุยกับคุณหมอที่ฝากท้อง
ที่มาของภาพ: National Institute of Health
จึงได้ความสรุปว่า เจ้าตัวเล็กปกติดีทุกอย่างทั้งน้ำหนักและการเติบโต แต่สิ่งที่ไม่ปกติคือปากมดลูกของโอ๋เองที่สั้นมีความยาวเพียงแค่ 2 ซม.และบางมากซึ่งคนปกติทั่วไปจะมีความยาวประมาณ 3.5 ซม.หรือมากกว่านั้น เพราะเมื่อเด็กตัวโตน้ำหนักเพิ่มขึ้นแต่ถ้าปากมดลูกไม่แข็งแรงก็ไม่สามารถรองรับการเจริญเติบโตของเค้าได้จึงเกิดภาวะแท้ง ในเคสแบบนี้คุณหมอบอกว่าจะมีอัตราส่วนอยู่ที่ 1:1000 คนและจะต้องแท้งในไตรมาสที่ 2 มากกว่า 2 ครั้งขึ้นไปถึงจะวินิจฉัยได้ แต่ก็แอบนึกสงสัยว่าทำไมคุณหมอถึงบอกเราไม่ได้ล่ะว่าเราผิดปกติตรงจุดนี้ก่อนที่จะต้องเสียเจ้าตัวเล็กไป เลยต้องทำใจว่าคงเป็นเวรกรรมเก่าของเราที่ไม่มีโอกาสได้เลี้ยงดูเค้า แต่โอ๋ก็ทำทุกอย่างให้กับเค้าดีที่สุดเท่าที่พ่อแม่คู่หนึ่งจะทำให้ลูกได้
โอ๋ได้เห็นหน้าลูกได้อุ้มเค้าพร้อมกันกับสามีและทำพิธีทางศาสนาส่งเค้าไปยังภพภูมิที่ดีและหวังเสมอว่าเค้าจะกลับมาหาเราอีกครั้ง ในความโชคร้ายก็ยังพอมีโชคดี แนวทางแก้ไข เพื่อให้โอ๋มีลูกได้อีกครั้ง การท้องครั้งต่อไป โอ๋จะต้องทำการผ่าตัดผูกเย็บปากมดลูกหลังจากตั้งครรภ์แล้ว 3 เดือนเพื่อที่จะพยุงให้เด็กสามารถเติบโตจนครบอายุครรภ์ 9 เดือนซึ่งสามารถช่วยให้เด็กมีโอกาสรอดถึง 80-90% พร้อมกับต้องอยู่ในความดูแลของหมออย่างใกล้ชิดมากกว่าเคสปกติ
ตอนนี้โอ๋ก็เลยอยากหาข้อมูลเพิ่มเติมไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการดูแลตัวเอง การผ่าตัดรักษาค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่ต้องเพิ่มมากขึ้นกว่าคุณแม่ท่านอื่นทั้งในรพ.รัฐบาลและเอกชน เพื่อเปรียบเทียบ เพราะเดิมโอ๋ฝากครรภ์พิเศษซึ่งค่าผ่าตัดค่อนข้างสูงและอยากได้ประสบการณ์ที่คุณแม่ท่านอื่นเคยประสบมาในลักษณะเดียวกัน เพื่อที่จะเตรียมตัวในการตั้งท้องครั้งหน้าให้ดีและสมบูรณ์พร้อมที่สุดค่ะ คุณแม่ท่านอื่นสามารถเขียนคอมเม้นท์แนะนำต่าง ๆ ได้ที่ด้านล่างของบทความนี้เลยค่ะ
theAsianparent.com ขอขอบพระคุณคุณโอ๋อย่างยิ่งที่แชร์ประสบการณ์ส่วนตัวให้ทุกท่านได้อ่าน