สำหรับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ที่กำลังมองหาบ้านหรือคอนโดมิเนียมใหม่ เพื่อขยับขยายพื้นที่อยู่อาศัยต้อนรับเจ้าตัวเล็ก หรือแม้แต่คู่สมรสที่เพิ่งแต่งงานหมาดๆ มีเอกสารสำคัญอย่างหนึ่งที่อยากเตือนให้คุณไม่มองข้าม ซึ่งก็คือ ‘ใบ โบรชัวร์’ ที่เราได้รับแจกเมื่อไปเยี่ยมชมโครงการฯ หรือได้จากอีเวนท์ตามห้างร้าน เพราะใบโบรชัวร์เล็กๆ นั้นมีความสำคัญอาจส่งผลกระทบในระยะยาว
หลายคนที่กำลังซื้อที่อยู่อาศัย อาจคาดไม่ถึงว่า “โบรชัวร์” บ้าน-คอนโดฯ ที่เรารับมาตอนจะตัดสินใจซื้อโครงการนั้นเป็นสิ่งที่ควรเก็บไว้จนกว่าจะถึงวันที่ตรวจรับบ้าน-คอนโดฯ โอนกรรมสิทธิ์ จนถึงอยู่อาศัยไประยะหนึ่งแล้ว เพราะ “โบรชัวร์” ไม่ใช่แค่ใบโฆษณาขายที่อยู่อาศัย แต่เป็นเอกสารที่ช่วยรักษาสิทธิ์ให้กับผู้บริโภค หรือคนซื้อที่อยู่อาศัยอย่างเราๆ ด้วย
ในตอนที่เลือกซื้อโครงการที่อยู่อาศัยที่ยังก่อสร้างไม่เสร็จ และคิดว่าจะตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยในโครงการนั้นๆ แล้ว ให้เก็บเอกสารทุกอย่างไว้ ทั้งโบรชัวร์ในสำนักงานขาย การโฆษณาต่างๆ ตามหน้าหนังสือพิมพ์ หรือการโฆษณาผ่านสื่อ ณ จุดขาย รวมไปถึง การถ่ายรูปห้องตัวอย่างไว้ ยิ่งกรณีโฆษณาว่า คอนโดมิเนียมแถมเฟอร์นิเจอร์ต้องถ่ายไว้ให้ครบ เฟอร์นิเจอร์ใดบ้างที่จะแถมให้ ซึ่งปัจจุบันผู้ประกอบการส่วนใหญ่ก็ชัดเจนขึ้น มีการติดป้ายไว้ตามเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ในห้องตัวอย่างว่า สิ่งใดบ้าง ก็ถ่ายเก็บไว้เป็นหลักฐาน
โบรชัวร์ และเอกสารการขาย การโฆษณาทั้งหมด มีความสำคัญอย่างไร?
1. เวลาที่โครงการก่อสร้างไม่ตรงตามแบบ หรือดำเนินการสิ่งใดที่ไม่เป็นไปตามสัญญา โดยสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เคยประกาศไว้แล้วว่า สิ่งใดก็ตามที่ผู้ประกอบการได้เผยแพร่ให้ผู้บริโภคได้รับทราบ และแจ้งว่าเป็นสิทธิ์ที่ผู้ซื้อจะได้รับ ถือเป็นคำสัญญาที่ผู้ประกอบการจะต้องดำเนินการให้ตรงตามนั้น
ดังนั้น ผู้บริโภคที่กำลังจะซื้อที่อยู่อาศัย เมื่อตกลงจรดปากกาเขียนใบจอง เซ็นสัญญาซื้อขายแล้ว ต้องให้ละเอียดรอบคอบ เพื่อรักษาสิทธิ์ของตัวเอง ไม่ว่าโครงการนั้นจะเป็นของผู้ประกอบการรายใด รายเล็ก รายใหญ่ ก็ต้องดูแลสิทธิ์ของตัวเองก่อน เพราะว่า การพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ที่มีจำนวนที่อยู่อาศัยมากๆ มีโอกาสที่จะผิดพลาดได้เช่นกัน
นอกจากจะเก็บเอกสารเพื่อรักษาสิทธิ์ให้ตัวเองแล้ว ต้องอ่านเอกสารการขายเหล่านั้นก่อนด้วย เก็บอย่างเดียว ไม่อ่าน ก็ไม่มีความหมาย มีรายละเอียดใดบ้าง ส่วนไหนตรง หรือไม่ตรงกับที่พนักงานขายแจ้งกับเราไว้ รวมถึง ผู้บริโภครุ่นใหม่ต้องใส่ใจกับการอ่านสัญญาอย่างละเอียด เพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต จรดปากกาเซ็นแล้ว มาอ่านทีหลัง มาโต้แย้งทีหลัง อาจจะยากที่จะได้รับการแก้ไข เพราะถือว่าเราตกลงยินยอมในเงื่อนไข ข้อกำหนด รายละเอียดเหล่านั้นแล้ว
2. ใช้ดูเงื่อนไขพิเศษที่เราอาจจะได้รับ เช่น ส่วนลด แถมฟรีเฟอร์นิเจอร์ หรือค่าโอนกรรมสิทธิ์ฟรีต่างๆ ก็ต้องมีเขียนระบุอยู่ในเอกสารการขาย หรือเอกสารสัญญา จะฟังเพียงคำพูดปากเปล่าจากพนักงานขายอย่างเดียว แล้วไม่มีหลักฐานยืนยันคำพูดนั้นไม่ได้ เพราะแต่ละโครงการก็มีพนักงานขายมากหน้าหลายตา ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป พนักงานขายคนที่เคยขายเรา อาจจะลาออกไป หรือย้ายไปขายให้โครงการอื่น เราก็ต้องรอบคอบไว้ก่อน
ใครที่จองซื้อบ้านหรือคอนโดฯ ไปแล้ว และลืมหยิบโบรชัวร์หรือเอกสารการขายต่างๆ มา ถ้าสำนักงานขายยังเปิดอยู่ อย่าลืมแวะกลับไปหยิบมาเก็บไว้ก่อน ส่วนใครที่ซื้อบ้าน หรือคอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จแล้ว โบรชัวร์อาจไม่ใช่หลักฐานสำคัญ แต่ก็ต้องตรวจสอบรายละเอียดภายในห้องว่าตรงกับเอกสารสัญญาที่เรากำลังจะเซ็นหรือไม่เช่นกัน
เรียกว่า ผู้บริโภคยุค 4.0 อย่างเราต้องอัพเกรด รอบคอบ ดูโบรชัวร์ อ่านโบรชัวร์ อ่านเอกสารการขาย หนังสือสัญญาก่อนจรดปากกาเสมอ ดีที่สุด
บทความข้างต้นเผยแพร่ครั้งแรกที่ DDproperty.com เว็บไซต์สื่อกลางอสังหาริมทรัพย์ ที่รวบรวม ข่าวอสังหาฯ คู่มือซื้อขาย และรีวิวโครงการใหม่ ไว้กว่า 10,000 บทความ
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ:
เลี้ยงลูกฉบับรัดเข็มขัด งบไม่บาน งานไม่งอก
5 เรื่องความปลอดภัยของเบบี๋ที่แม่ต้องระวัง