การเลี้ยงดูอย่างไรให้ได้ใจลูกวัยรุ่น เทคนิคดีๆ ที่พ่อแม่ต้องรู้

วัยรุ่นเป็นช่วงวัยหัวเลี้ยวหัวต่อ ก้ำกึ่งระหว่างความเป็นเด็กและความเป็นผู้ใหญ่ การเปลี่ยนแปลงในช่วงวัยรุ่นมีทั้งเปลี่ยนทางด้านร่างกายและจิตใจ ดังนั้น การเลี้ยงดูของคุณพ่อคุณแม่จำเป็นต้องปรับไปด้วยนะคะ แต่จะปรับอย่างไร ติดตามอ่าน เทคนิค การเลี้ยงดูอย่างไรให้ได้ใจลูกวัยรุ่น กันค่ะ

การเลี้ยงดูอย่างไรให้ได้ใจลูกวัยรุ่น เทคนิคดีๆ ที่พ่อแม่ต้องรู้ วัยรุ่นเป็นช่วงวัยหัวเลี้ยวหัวต่อ ก้ำกึ่งระหว่างความเป็นเด็กและความเป็นผู้ใหญ่

 

วัยรุ่น เด็กวัยรุ่น

องค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนดไว้คือ เด็กที่มีอายุในช่วงระหว่าง 10 -19 ปี วัยรุ่น แบ่งออกได้เป็น 3 ช่วง ได้แก่

วัยรุ่นตอนต้น  ช่วงอายุ 10 -13 ปี

วัยรุ่นตอนกลาง  ช่วงอายุ 14 - 16 ปี

วัยรุ่นตอนปลาย  ช่วงอายุ  17 -19 ปี

แต่ปัจจุบันนี้ตัวเลขที่กล่าวมาอาจจะคลาดเคลื่อนไปในทางปฏิบัติเพราะเดี๋ยวนี้เราจะรู้สึกว่าแม้ต่ลูกอายุ 8 - 9 ปีก็เริ่มโต (กว่าวัย)

จนดูเหมือนจะเริ่มเข้าสู่วัยรุ่นแล้วสำหรับบางบ้าน เพราะทุกวันนี้พฤติกรรมเลียนแบบดารา นักร้อง เข้าถึงได้ง่าบแทบทุกบ้าน อินเอตร์

เน็ตเชื่อมโยงไปทุกที่ ทำให้เกิดการเลียนแบบ  แบบว่าหนู / ผมชอบ แต่เด็กจะยังไม่สามารถแยกแยะได้ว่าสิ่งใดดี / ไม่ดี  ถูกต้อง/

ไม่ถูกต้อง

เด็กวัยรุ่นหรือเริ่มเข้าสู่วัยรุ่นเกิดการเปลี่ยนแปลงหลายด้านพร้อม ๆ กัน อยู่ในช่วงก้ำกึ่งระหว่างความเป็นเด็กกับผู้ใหญ่ ต้องการ

ค้นหาตนเอง เริ่มมีกลุ่มเพื่อนที่รักและชอบ  สนใจในสิ่งที่เหมือน ๆ กับตน  และช่วงนี้ทำให้ลูกเริ่มออกห่างพ่อแม่  โดยเฉพาะหากพ่อ

แม่เลี้ยงดูแบบผลักไสลูกให้ห่างอก  แบบนี้ยิ่งก่อให้เกิดปัญหา  มาดูกันค่ะว่า การเลี้ยงดูอย่างไรให้ได้ใจลูกวัยรุ่น

 

เทคนิค การเลี้ยงดูอย่างไรให้ได้ใจลูกวัยรุ่น

เมื่อลูกย่างเข้าสู่วัยรุ่น เด็กวัยรุ่น อายุประมาณ 10 ปีขึ้นไป  พ่อแม่ต้องยอมรับนะคะว่าลูกไม่ใช่เด็กน้อยที่เราจะต้องดูแลแบบประคบประหงมใกล้ชิดแบบลูกยังเป็นเด็กเล็กอีกแล้ว  แต่ไม่ได้หมายถึงให้เลี้ยงดูแบบปล่อยปละละเลยลูกนะคะ

การเลี้ยงลูกวัยรุ่น คุณพ่อคุณแม่ต้องเริ่มปรับตัวนะคะ  เพราะลูกที่เคยเป็นเด็กน่ารักช่างเอาอกเอาใจ  กอดหอมเล่นกันกับพ่อแม่แบบช่วงวัยเด็ก  แต่ลูกจะเริ่มมีพฤติกรรมดื้อรั้น  เริ่มเอาแต่ใจตัวเอง  ไม่ใช่ลูกเป็นเด็กไม่ดีนะคะแต่เป็นพัฒนาการของช่วงวัย  เริ่มอยากเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น แน่นอนว่าทำให้พ่อแม่อดห่วงไม่ได้ว่าลูกจะเติบโตไปอย่างไร

ความห่วงใย  ผสมผสานกับความกังวลใจด้วยความรัก และความหวังดีที่พ่อแม่มีต่อลูกนั้นยิ่งทำให้พยายามเข้าไปสอดส่องลูก

และพยายามออกกฎเกณฑ์บังคับลูกที่กำลังเป็นวัยรุ่นเรื่องเลยยิ่งแย่กันไปใหญ่  หากทำแบบนี้อาจทำให้เกิดช่องว่างระหว่างพ่อแม่กับลูกให้ห่างไกล ปัญหาเล็ก ๆ อาจกลายเป็นเรื่องใหญ่  แล้วจะเลี้ยงอย่างไรเป็นคำถามที่เกิดขึ้นในใจแล้วใช่ไหมคะ  มาดูกันค่ะว่า  มีเทคนิคในการเลี้ยงลูกอย่างไรให้ชนะใจลูกวัยรุ่น

บทความที่เกี่ยวข้อง : วิธีแก้ลูกเอาแต่ใจตัวเอง เลี้ยงลูกยังไงให้พอดีในยุคโซเชียล ก่อนจะสายเกินแก้

 

เทคนิคลี้ยงลูกวัยรุ่น

1.อย่าแทรกแซง

คณพ่อคุณแม่ลองเช็คตนเองดูนะคะเรากำลังเลี้ยงลูกแบบเราเป็นพ่อแม่หรือเลี้ยงแบบเราต้อง QC ดูแลตรวจเช็คลูกไปทุกเรื่องอยู่หรือเปล่า  หากเรากำลังพยายามควบคุม (หรือ “สั่ง”) ลูกวัยรุ่นมากเกินไปหรือไม่  พยายามเข้าไปรับรู้เรื่องต่างๆ ของลูกมากเกินไปหรือไม่  เราพยายามมีบทบาทในการตัดสินใจในเรื่องต่างๆ ของลูกวัยรุ่นมากเกินไปหรือไม่

เราสามารถยอมรับ และยอมให้มีความเห็นหรือการตัดสินใจที่แตกต่างไปจากมุมมองของพ่อแม่ได้หรือไม่ เพราะสิ่งเหล่านี้จะเป็นสิ่งสำคัญที่ลูกวัยรุ่นของคุณกำลังเผชิญอยู่ในการเรียนรู้ ที่จะเป็นตัวของตัวเองและเริ่ม “เป็นผู้ใหญ่”

 

2.เวลาคุณภาพ

คำว่า  เวลาคุณภาพ  Quality time ขอบอกว่าเป็นสิ่งสำคัญสำหรับครอบครัวจริง ๆนะคะ เพราะเวลาคณภาพแม้ช่วงเวลาน้อยนิดแต่สามารถสร้างความั่นทางจิตใจให้กับลูกได้ ช่วยเสริมสร้างความความสัมพันธ์อันดีระหว่างพ่อ แม่ และลูก   เวลาคุณภาพไม่ได้จำกัดว่าจะต้องมีกี่ชั่วโมงต่อวัน หรือกี่วันต่อสัปดาห์ แต่ยิ่งมีมากเท่าไหร่ โอกาสที่ครอบครัวจะได้แบ่งปันสิ่งดีๆร่วมกันก็มีมากขึ้นเท่านั้น

เวลาคุณภาพเราสร้างได้อย่างไร

1.ง่ายที่สุด คือ รับประทานอาหารร่วมกัน  ช่วยกันจัดเตรียมพุดคุย หยอกล้อ แบ่งปันสิ่งดี ๆ เป็นช่วงเวลาสั้นๆที่มีค่าทั้งสุขใจ สุขกายและอิ่มท้อง

2.โทรหากันแสดงความห่วงใยกัน  แต่ไม่ใช่การโทรเช็คนะคะ  แม้ว่าคุณพ่อคุณแม่อาจจะแอบห่วงก็ตาม แต่อย่าโทรบ่อยจนทำให้ลูกรู้สึกอึดอัดใจ  น้ำเสียงแสดงความห่วงใย  ถามไถ่  ใช้คำพูดที่ฟังแล้วคนผู้พูดผู้ฟังสบายใจทั้งสองฝ่าย   ดูแลตัวเองดีๆนะลูก  พ่อแม่รักลูกนะ   เดี๋ยวเจอกันนะลูก

3.วางแผนทำกิจกรรมสนุก ๆ ร่วมกันให้ลูกได้แสดงความคิดเห้นไม่ใช่เกิดจากความต้องการของพ่แม่เท่านั้น  คือ  ทุกคนในครอบครัวมีส่วนร่วมในตัดสินใจและลงมือทำด้วยกัน เช่น

ลูก ๆ เป็นคนเลือกสถานที่ ๆ จะไป คุณพ่อคุณแม่ช่วยคิดหาที่พัก   คุณแม่เลือกร้านอาหาร คุณพ่อเป็นคนจองตั๋วสำหรับเดินทาง  เพียงแค่คิดก็สนุกแล้วค่ะ

4.หางานอดิเรกทำร่วมกัน  เช่น  ช่วยกันทำปลูกต้นไม้  ตัดแต่งกิ่งไม้ในสวน  ช่วยกันทำอาหาร ทำขนม เริ่มตั้งแต่การไปเลือกซื้อวัตถุดิบที่ตลาดหรือห้างสรรพสินค้า เ่อมาทำอาาหรทำขนมอร่อยๆ รับประทานกัน

 

3.เอาใจ “ลูก” มาใส่ใจ “เรา"

บางครั้งวัยรุ่น ก็จะยังทำท่าฮึดฮัดไม่ยอมฟังพ่อแม่  ขอให้ใช้ความใจเย็น และดูจังหวะ ที่จะพูดเรื่องเหล่านี้กับเขา ซึ่งถ้าคุณพ่อคุณแม่หนักแน่นพอและไม่ได้ไปชวนทะเลาะด้วย  ก็จะทำให้ลูกได้ เรียนรู้พฤตกรรมใจเย็น  รู้จักข่มใจจากคณพ่อคุณแม่ไปในตัว   ไม่ปะทะกันด้วยอารมณ์  เรียกว่าสอนลูกด้วยการกระทำของพ่อแม่เอง   ในทางกลับกัน คุณเองก็ควรรับฟัง มุมมอง และแง่คิดของเขาดูบ้าง  พยายามเปิดใจให้กว้าง  จะทำให้คุณพ่อคุณแม่ได้รู้จักลูกของคุณเองได้ดีขึ้น

 

4. ทำความรู้จักเพื่อน ๆ ของลูก

ถ้าเป็นไปได้ ควรรู้จักกับคุณพ่อคุณแม่ของเพื่อนลูกด้วย จะช่วยให้คุณแลกเปลี่ยนความเห็น และช่วยเหลือกันได้

 

5.ให้ความเคารพ

ความหมายในที่ดี  คือ  ให้ความเป็นส่วนตัว และสิทธิของลูกวัยรุ่นอย่าอ้างเพราะความเป็น “พ่อแม่” นะคะ ควรจะให้เขามีความเป็น

ส่วนตัว และไม่เข้าไปก้าวก่ายลูกในทุกเรื่อง  เช่น   ไม่ควรจะไปค้นห้องนอนหรือโต๊ะส่วนตัวของลูก   หรือแอบอ่านบันทึก อ่านไลน์

ของลูก   เพราะถ้าลู็กรู้จะทำให้ลูกโกรธและรู้สึกไม่ไว้ใจพ่อแม่ จนอาจจะไม่ยอมรับฟังอะไรจากเราอีก   ดังนั้นถ้าคุณพ่อคุณแม่จะ

คอยสอดส่องลูก ก็ทำได้แต่ควรให้ความเคารพในความเป็นส่วนตัวของเขาด้วย  ควรบอกลูกเพื่อขออนุญาต  แม้ว่าเราจะเป็นพ่อแม่

แต่การกระทำเช่นนี้เท่ากับการปลูกฝังให้ลูกรู้จักเคารพสิทธิของคนอื่นต่อไปนะคะ  เป้นผลดีต่อลูกจริง ๆ ค่ะ

 

6.กฎเกณฑ์  ที่ไม่ดูเหมือน กฎหมาย

บางครั้งกฎเกณฑ์หากมีมากเกินไปก็จะทำให้อึดอัดใจ สิ่งสำคัญการตั้งกฎเกณฑ์ควรเห้นพร้อมกันทั้งพ่อแม่และล฿กนะคะไม่ใช่เกิด

จากพ่อแม่แต่ลูกไม่ได้ยอมรับหรือเห็นด้วย แน่นอนว่า หากเป็นเช่นนี้เกิดการต่อต้านแน่นอน  กฎเกณฑ์ต้องยืดหยุ่นปรับให้เหมาะสม

กับลูกและสามารถปฏิบัติได้ไม่เข้มงวดจนเกินไป   เช่น จะให้ลูกวัยรุ่นเข้านอนแต่หัวค่ำ หรือ จะห้ามไม่ให้ดูทีวีเลย หรือ

ห้ามใช้โทรศัพท์คุยกับเพื่อนนั้น แน่นอนว่า ลูกจะไม่รับฟังหรือไม่ยอมปฏิบัติตาม แบบนี้ต้องผ่อนปรนบ้างนะคะ

 

ข้อคิดสะกิดใจ

เด็กในช่วงวัยรุ่นเป็นวัยที่กำลังฝึกคิดและมองปัญหาต่างๆ อย่างซับซ้อนขึ้น  เริ่มใช้เหตุผลในการวิเคราะห์เรื่องต่างๆ

ด้วยตัวของเขาเอง จึงอาจทำให้ดูเหมือนเขา  “ไม่ฟังคุณพ่อคุณแม่อีกต่อไป”  แต่ในความเป็นจริงแล้ว ลูกยังรับฟังคุณพ่อคุณแม่อยู่

อยู่นะคะ  เพียงแต่ต้องการได้มีโอกาสแสดงความคิดและความเห็นของเขาให้พ่อแม่อย่างเราได้ทราบบ้าง

ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรมีวิธีที่จะพูดคุยกับลูกวัยรุ่นของอย่างสร้างสรรค์ด้วย อย่าใช้วิธี “สั่งให้ทำ”อย่างเดียวคงไม่ได้  ในบางครั้ง ถ้า

เป็นเรื่องที่ไม่มีความสำคัญมากนักและคุณพอยอมรับได้ เช่น  การทำผม การแต่งตัว ซึ่งบางครั้งจะดูเป็นวัยรุ่นมากไป  ถ้ามองผ่านไป

ได้ ก็ควรจะปล่อยไปบ้าง

สิ่งสำคัญ  คุณพ่อคุณแม่ควรจะพิจารณาเลือกเรื่องที่สำคัญที่ควรพูดก่อนมาพูดคุยกับลูก  อย่าพยายามพูดบ่นไปทุกเรื่อง จะทำให้

เขาไม่ยอมรับฟังพ่อแม่อย่างเรานะคะ   ขอให้พยายามเข้าใจลูกวัยรุ่นให้มากให้เวลากับเขาเท่าที่เราทำได้ เพื่อให้ลูกสามารถเติบโต

เป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพและมีความสุขนะคะ

 

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

เคล็ดลับ เลี้ยงลูกวัยรุ่น ให้ฉลาด สมองดี มีภูมิต้านทานสูง

เพิ่ม MQ ปลูกฝังจริยธรรม วัคซีนป้องกันปัญหาอาชญากรเด็กและวัยรุ่น

10 นิสัยดีๆ ที่แม่ควรปลูกฝังก่อนลูกโตเป็นวัยรุ่น