เวลาคุณภาพระหว่างพ่อ-ลูก
หากคุณไม่เคยวางใจ แล้วปล่อยให้สามีเข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลลูกน้อย ทำให้คุณต้องเหน็ดเหนื่อยแสนสาหัส ไหนจะงานบ้าน ไหนจะเลี้ยงลูก ไหนจะต้องดูแลสามี เหนื่อยสุดๆไปเลยใช่ไหมล่ะคะ บอกเลยว่า ได้เวลาที่คุณแม่ควรถอยและปล่อยให้สามีได้รับมือและมีส่วนร่วมในการดูแลลูกอ่อนบ้างแล้ว ลองให้คุณพ่อได้ใช้ เวลาคุณภาพระหว่างพ่อ-ลูก ดูบ้างนะคะ
การปล่อยให้สามีดูแลลูกอ่อนบ้างจะช่วยสร้างความรู้สึก ความทรงจำและความสัมพันธ์อันดี ระหว่างพ่อ ลูกและคุณแม่ได้มากกว่าที่คิด ที่สำคัญคุณแม่จะเหนื่อยน้อยลง และได้เห็นภาพน่ารักๆระหว่างพ่อลูกที่อาจทำให้ใจละลายเป็นของแถม มาดูกันว่า 6 ช่วงเวลาที่คุณแม่ควรถอยและปล่อยให้คุณพ่อได้จัดการกับลูกน้อยตามลำพังมีอะไรบ้าง
1.ดึงสามีให้มีส่วนร่วมช่วงให้นมลูก
ช่วงเวลาที่คุณแม่นำลูกเข้าเต้า ให้ลูกได้ดูดนมจากอกแม่เป็นช่วงเวลาสุดพิเศษที่ทำให้คุณแม่และลูกน้อยได้ใกล้ชิดกันมากขึ้นในแบบที่คุณพ่อทำไม่ได้ การดึงคุณพ่อเข้ามามีส่วนร่วมจะเป็นการแบ่งปันช่วงเวลาสุดพิเศษให้คุณพ่อได้มีความรู้สึกร่วมไปกับคุณด้วย อาจชวนคุณพ่อเป็นคนให้นมที่ปั๊มจากเต้าใส่ขวดให้ลูกบ้างสลับกับการนำลูกเข้าเต้า และให้คุณพ่อเป็นคนอุ้มเรอหลังลูกอิ่มนม อาจต้องเจอกับประสบการณ์ลูกแหวะเลอะบ้าง ลูกเรอไม่ออกบ้าง ก็ถือเป็นเหตุการณ์ประทับใจให้คุณพ่อและคุณแม่ช่วยกันคิดหาทางแก้ปัญหา สร้างสัมพันธ์อันดีในครอบครัวได้ทางหนึ่งค่ะ
2.ปล่อยให้คุณพ่อใช้เวลากับลูกตามลำพังให้มากขึ้น
การเลี้ยงลูกอ่อนเป็นงานที่หนักหนาสาหัส ทำให้คุณต้องวุ่นวายจนหัวปั่นไปกับเรื่องจุกๆต่างๆนานา ไหนจะต้องให้นม เปลี่ยนผ้าอ้อม ไหนจะงานบ้าน ซักผ้า ทำกับข้าว การวางมือและปล่อยให้สามีใช้เวลาตามลำพังกับลูกจะช่วยแบ่งเบาภาระคุณแม่ได้มากขึ้น จะมีใครที่ดูแลลูกให้เราได้ดีพอๆกับตัวเรา ก็ต้องเป็นพ่อของลูกนี่แหละ มีคนดูลูกที่วางใจได้ งานบ้านเสร็จเรียบร้อย กับข้าวพร้อมรับประทาน ลูกก็ได้เล่นกับพ่อมากขึ้น ใกล้ชิดกันมากขึ้น มีแต่ได้กับได้ สบายไป 8 อย่าง
3.ใช้เวลาอาบน้ำเป็นเวลาคุณภาพของครอบครัว
จะอาบน้ำพร้อมกัน 3 คนพ่อแม่ลูก หรือดึงให้สามีมาช่วยอาบน้ำให้ลูกก็ได้ คุณแม่สระผมให้ลูก คุณพ่อถูสบู่ เป็นช่วงเวลาที่ได้เล่นสนุกพร้อมกันทั้งครอบครัวก็มีความสุขไปอีกแบบ ช่วยสร้างช่วงเวลาและความทรงจำดีๆของทุกคนในครอบครัวได้อีกทางหนึ่ง
4.ให้คุณพ่อมีส่วนร่วมกับกิจวัตรยามเช้า
แบ่งหน้าที่กับสามี ให้คุณพ่อเปลี่ยนผ้าอ้อม และเปลี่ยนเสื้อผ้าแต่งตัวให้ลูกขณะที่คุณอาบน้ำแต่งตัว หรือทำอาหารเช้า คุณพ่อจะได้มีเวลาดีๆกับลูกในตอนเช้า ช่วยปรับอารมณ์คุณพ่อให้แจ่มใส ร่าเริง มีความสุขพร้อมออกไปทำงานนอกบ้าน ไม่จำเป็นต้องทำตามนี่เป๊ะๆนะคะ คุณแม่สามารถปรับเปลี่ยนการแบ่งหน้าที่ระหว่างคุณพ่อคุณแม่ตามกิจวัตรยามเช้าได้ในสไตล์ของครอบครัวคุณเองได้ แค่จำไว้ว่า ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ ไม่ต้องจำจี้จำไช ทุกคนในบ้านจะมีความสุขขึ้น พร้อมเริ่มต้นวันใหม่ที่สดใสทั้งครอบครัว
5.ยกหน้าอ่านนิทานก่อนนอนให้คุณพ่อ
นิทานก่อนนอนช่วยกระตุ้นการเกิดจินตนาการและช่วยให้ลูกนอนหลับฝันดี หากมีโอกาสควรให้คุณพ่ออ่านนิทานก่อนนอนให้ลูกฟัง หรือยกหน้าที่นี้ให้คุณพ่อไปเลยได้ก็ยิ่งดี และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือให้คุณพ่อเลือกนิทานให้ลูกด้วยตัวเอง โดยที่คุณแม่ไม่ต้องให้คำแนะนำใดๆ เพื่อให้คุณพ่อได้ทำความรู้จักถึงตัวตน และรสนิยมของลูกผ่านทางการเลือกแนวนิทานที่ชอบ ได้เห็นปฏิกริยาตอบสนองของลูกที่มีต่อนิทานที่พ่อเล่าเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดี และยังช่วยให้คุณพ่อได้รู้สึกผ่อนคลายจากการทำงานหนักมาทั้งวันได้อีกทางหนึ่งด้วย
6.ปล่อยให้พ่อ ลูกพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างกันด้วยตัวเอง
เป็นเรื่องธรรมดาที่ความเป็นมนุษย์แม่ในตัวคุณ อาจทำให้คุณอยากเข้าไปบงการ และควบคุมทุกคน แต่ในความเป็นจริงก็ทำไม่ได้หรอกใช่ไหมคะ เครียดไปก็เปล่าประโยชน์ ทางออกที่ดีคือคุณแม่ต้องไว้ใจ และวางใจถอยออกมาแล้วมองคุณพ่อและคุณลูกค่อยๆพัฒนาความสัมพันธ์และเรียนรู้ซึ่งกันและกันโดยไม่ต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากคุณแม่ ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาให้พ่อเกาพุง หรือฟังนิทานของคุณพ่อ โดยมีคุณแม่อมยิ้มแอบมองอยู่ห่างๆก็พอ แล้วคุณจะได้รู้ว่าเมื่อลูกได้ใช้เวลากับพ่อ ก็พิเศษไม่ต่างจากที่มีกับแม่เลยทีเดียว ที่สำคัญคุณแม่จะได้มีเวลาให้ตัวเองได้มากขึ้นด้วย
ดีใช่ไหมล่ะ รู้อย่างนี้แล้วก็ปล่อยให้พ่อได้เลี้ยงลูกบ้างนะคะอาจทำให้สามีกลับบ้านเร็วขึ้นทุกวัน เพราะคิดถึงลูก โดยไม่ต้องโทรฯจิกอีกเลยก็ได้ ใครจะรู้
ขอบคุณข้อมูลจาก www.thebump.com
5 ความทรงจำในวัยเด็กที่ลูกจะจดจำ เกี่ยวกับพ่อแม่ อย่าคิดว่าลูกไม่รู้เรื่องนะ!
6 พฤติกรรมสุดยี้ ที่ทำให้คู่รักส่วนใหญ่มักทนกันไม่ได้