อาการมดลูกหย่อน คืออะไร อันตรายไหม รักษาอย่างไรได้บ้าง

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

อาการมดลูกหย่อน คงจะเป็นคำที่หลาย ๆ คนไม่ค่อยได้ยินเท่าไรนัก แต่ถ้าหากพูดว่า มดลูกต่ำ หลายคนคงจะเข้าใจ เพราะอาการมดลูกหย่อนเป็นหนึ่งในปัญหาของผู้หญิง ซึ่งสามารถพบได้บ่อยกับหญิงที่เคยตั้งครรภ์มาแล้วอย่างน้อย 1 ครั้ง วันนี้เราจะมาหาคำตอบไปพร้อม ๆ กันว่า ภาวะมดลูกหย่อน คืออะไร อันตรายไหม รักษาอย่างไรได้บ้าง

 

อาการมดลูกหย่อน คืออะไร

มดลูกหย่อน หรือ หรือที่มักเรียกกันอย่างติดปากว่า มดลูกต่ำ (Uterine Prolapse) คือ ภาวะที่มดลูกซึ่งปกติอยู่ภายในอุ้งเชิงกราน เคลื่อนตัวลงมาต่ำหรือหลุดลงมาทางช่องคลอด เกิดจากกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่ออุ้งเชิงกรานอ่อนแอลง โดยส่วนมากมักจะพบได้บ่อยในหญิงที่เคยตั้งครรภ์มาแล้วอย่างน้อย 1 ครั้ง ผู้หญิงวัยทองหรือผู้หญิงสูงอายุ

สาเหตุของ อาการมดลูกหย่อน คืออะไร

มดลูกหย่อน เกิดจากกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่ออุ้งเชิงกรานอ่อนแอลง ไม่สามารถพยุงมดลูกให้อยู่ในตำแหน่งปกติได้ โดยมีสาเหตุหลัก ๆ ดังนี้

1. กล้ามเนื้อและเนื้อเยื่ออุ้งเชิงกรานอ่อนแอลงตามวัย

เมื่อผู้หญิงเข้าสู่วัยทอง ร่างกายจะผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนน้อยลง ฮอร์โมนนี้มีหน้าที่ช่วยให้กล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อในร่างกายแข็งแรง เมื่อฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลง กล้ามเนื้อและเนื้อเยื่ออุ้งเชิงกรานจึงอ่อนแอลง ส่งผลให้มดลูกหย่อนลงได้

2. การคลอดบุตรตามธรรมชาติหลายครั้ง

การคลอดบุตรตามธรรมชาติ โดยเฉพาะการคลอดทารกที่มีน้ำหนักตัวมาก คลอดทารกหลายคน หรือการคลอดแบบผ่าตัดคลอด จะส่งผลต่อกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่ออุ้งเชิงกราน ทำให้กล้ามเนื้อยืดหรือฉีกขาด กลายเป็นสาเหตุของมดลูกหย่อน

3. การยกของหนักเป็นประจำ

การยกของหนักเป็นประจำ โดยเฉพาะการยกของหนักที่ไม่ถูกวิธี จะเพิ่มแรงกดทับต่ออุ้งเชิงกราน ส่งผลให้กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานอ่อนแอลง

4. ท้องผูกเรื้อรัง

การเบ่งอุจจาระแรง ๆ เป็นเวลานาน บ่อยครั้ง จะเพิ่มแรงกดทับต่ออุ้งเชิงกราน ส่งผลให้กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานอ่อนแอลง

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

5. โรคอ้วน

น้ำหนักตัวที่มาก เพิ่มแรงกดทับต่ออุ้งเชิงกราน ส่งผลให้กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานอ่อนแอลง

6. การสูบบุหรี่

สารเคมีในบุหรี่ ส่งผลต่อคอลลาเจน ทำให้กล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อเสื่อมสภาพ อ่อนแอลง

7. เคยผ่าตัดช่องคลอดหรือมดลูก

การผ่าตัดช่องคลอดหรือมดลูก ส่งผลต่อกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อในอุ้งเชิงกราน ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแอลง

ปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ 

  • พันธุกรรม
  • โรคทางพันธุกรรมบางชนิด เช่น Marfan syndrome Ehlers-Danlos syndrome
  • โรคเรื้อรังบางชนิด เช่น โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคไอเรื้อรัง

ที่มา : bpksamutprakan.com

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

อาการมดลูกหย่อน เป็นอย่างไร

อาการมดลูกหย่อน ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค โดยทั่วไป แบ่งออกเป็น 4 ระดับ ดังนี้

ระดับที่ 1:

  • รู้สึกเหมือนมีอะไรดึงลงมาที่ช่องคลอด
  • อาจจะมีตกขาวเพิ่มขึ้น

ระดับที่ 2:

  • รู้สึกเหมือนมีก้อนเนื้อโผล่ออกมาทางช่องคลอด
  • รู้สึกอึดอัด รำคาญ หรือเจ็บเวลาเดิน
  • ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะไม่สุด ปัสสาวะเล็ด
  • อุจจาระเล็ด

ระดับที่ 3:

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา
  • มดลูกโผล่ออกมาครึ่งหนึ่งของช่องคลอด
  • อาการข้างต้นจะรุนแรงมากขึ้น

ระดับที่ 4:

  • มดลูกโผล่ออกมาทั้งหมด
  • รบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน

นอกจากนี้ ยังมีอาการอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น

  • ปวดหลังส่วนล่าง
  • ปวดท้องน้อย
  • รู้สึกเจ็บปวดขณะมีเพศสัมพันธ์

ที่มา : medparkhospital.com

จะรักษา อาการมดลูกหย่อน ได้อย่างไรบ้าง

การรักษามดลูกหย่อน ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค

1. การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม

  • ลดน้ำหนัก: กรณีที่มีน้ำหนักตัวมาก แพทย์จะแนะนำให้ลดน้ำหนัก เพราะน้ำหนักตัวที่มาก จะเป็นเพิ่มแรงกดทับต่ออุ้งเชิงกราน ส่งผลให้กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานอ่อนแอลง
  • เลิกสูบบุหรี่: สารเคมีในบุหรี่ ส่งผลต่อคอลลาเจน ทำให้กล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อเสื่อมสภาพ อ่อนแอลง การเลิกสูบบุหรี่ จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดมดลูกหย่อน
  • ออกกำลังกายแบบ: โดยจะเป็นการบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน โดยเกร็งกล้ามเนื้อเหมือนเวลาที่กลั้นปัสสาวะ ค้างไว้ 5 วินาที แล้วคลายออก ทำซ้ำ 10 ครั้ง ทำ 3 เซ็ต วันละ 3 ครั้ง การออกกำลังกายแบบนี้จะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน ให้แข็งแรง ช่วยพยุงมดลูกให้อยู่ในตำแหน่งปกติ
  • หลีกเลี่ยงการยกของหนัก: การยกของหนัก เพิ่มแรงกดทับต่ออุ้งเชิงกราน ส่งผลให้กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานอ่อนแอลง ควรหลีกเลี่ยงการยกของหนัก หรือควรยกของหนักอย่างถูกวิธี
  • เบ่งอุจจาระอย่างถูกวิธี: การเบ่งอุจจาระแรง ๆ เป็นเวลานาน บ่อยครั้ง จะเพิ่มแรงกดทับต่ออุ้งเชิงกราน ควรเบ่งอุจจาระอย่างพอเหมาะ ไม่ควรเบ่งแรงจนเกินไป
  • รักษาโรคท้องผูก: ท้องผูก ส่งผลให้ต้องเบ่งอุจจาระแรง ๆ เป็นเวลานาน บ่อยครั้ง เพิ่มแรงกดทับต่ออุ้งเชิงกราน ควรรักษาโรคท้องผูก โดยการทานอาหารที่มีกากใยสูง ดื่มน้ำให้เพียงพอ และออกกำลังกายสม่ำเสมอ

2. ใช้ยาในการรักษา

  • ยาปรับฮอร์โมน: แพทย์อาจพิจารณาให้ยาปรับฮอร์โมน เช่น ยาเอสโตรเจน ฮอร์โมนเอสโตรเจน ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อในร่างกาย รวมถึงกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน อย่างไรก็ตาม การใช้ยาสฮอร์โมน มีผลข้างเคียง เช่น ปวดหัว เจ็บเต้านม อารมณ์แปรปรวน ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยา
  • ยาแก้ปวด: แพทย์อาจให้ยาแก้ปวด เพื่อบรรเทาอาการปวดท้องน้อย ปวดหลังส่วนล่าง หรือปัสสาวะแสบขัด

3. การผ่าตัด

  • การผ่าตัด: แพทย์จะพิจารณาผ่าตัด กรณีที่มีอาการรุนแรง เช่น มดลูกโผล่ออกมาทางช่องคลอด มีอาการปัสสาวะเล็ด หรืออุจจาระเล็ด การผ่าตัดมีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค และสุขภาพของผู้ป่วย การผ่าตัด อาจเป็นการผ่าตัดผ่านช่องคลอด การผ่าตัดผ่านหน้าท้อง หรือการผ่าตัดแบบส่องกล้อง

 

จะมีวิธีป้องกันอาการมดลูกหย่อน ได้อย่างไรบ้าง

การป้องกันมดลูกหย่อนที่ดีที่สุด คือ การรักษาสุขภาพให้แข็งแรง ดังนี้

1. ออกกำลังกายแบบ Kegel เป็นประจำ

  • การออกกำลังกายแบบ Kegel เป็นการบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน โดยเกร็งกล้ามเนื้อเหมือนเวลาที่กลั้นปัสสาวะ ค้างไว้ 5 วินาที แล้วคลายออก ทำซ้ำ 10 ครั้ง ทำ 3 เซ็ต วันละ 3 ครั้ง
  • ควรเริ่มออกกำลังกายแบบ Kegel ตั้งแต่ยังสาว หรือหลังคลอดบุตร เพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน ให้แข็งแรง ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดมดลูกหย่อน

2. ควบคุมน้ำหนัก

  • น้ำหนักตัวที่มาก จะเพิ่มแรงกดทับต่ออุ้งเชิงกราน ส่งผลต่อกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน ควรควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ โดยการทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และพักผ่อนให้เพียงพอ

3. หลีกเลี่ยงการยกของหนัก

  • การยกของหนัก เป็นการเพิ่มแรงกดทับต่ออุ้งเชิงกราน ส่งผลต่อกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน ควรหลีกเลี่ยงการยกของหนัก หรือควรยกของหนักอย่างถูกวิธี โดยใช้กล้ามเนื้อขา ไม่ควรใช้กล้ามเนื้อหลัง

4. ดูแลสุขภาพโดยรวม

  • ทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ ควบคุมความเครียด ตรวจสุขภาพเป็นประจำ การดูแลสุขภาพโดยรวม จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรง กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานแข็งแรง ลดความเสี่ยงต่อการเกิดมดลูกหย่อน

หากคุณคิดว่าตัวเองอยู่ในกลุ่มเสี่ยง หรือมีอาการที่ใกล้เคียง คุณควรรีบพบแพทย์ทันที เพราะการเริ่มต้นในการดูแลตัวเองตั้งแต่วันนี้ จะเป็นสิ่งที่ช่วยให้คุณมีสุขภาพที่ดี และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ : 

การฉีดวัคซีน HPV เพียงพอที่จะป้องกันมะเร็งปากมดลูกหรือไม่?

เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ โรคร้ายที่อาจทำให้คุณแม่มีบุตรยาก

มดลูกต่ำ มีลูกได้หรือไม่ มีวิธีป้องกันและรักษามดลูกหย่อนอย่างไร?

บทความโดย

watcharin