10 ความเชื่อเรื่องอาหารคนท้อง ที่แม่ควรเลิกเชื่อได้แล้ว! เลี้ยงลูกด้วยข้อมูล ไม่ใช่ความกลัว

ความเชื่อเรื่องอาหารคนท้อง หลายอย่างที่แม่เคยได้ยิน อาจไม่ถูกต้องอย่างที่คิด มาดูกันว่า แม่ท้องควรกินอะไร ให้ได้ประโยชน์ทั้งแม่และลูก
นอกจากอาการแพ้ท้องแล้ว อีกสิ่งที่แม่หลายคนเผชิญคือ “เสียงรอบข้าง” ที่มากับความหวังดี เช่น “ห้ามกินของเย็นนะ ลูกจะไม่แข็งแรง” หรือ “กินแตงโมเยอะ ๆ ลูกจะผิวขาวตัวโต” ความเชื่อเรื่องอาหารคนท้อง ที่ถูกส่งต่อกันมาหลายรุ่น จนแม่ยุคใหม่บางครั้งก็สับสนว่า “แล้วอะไรคือสิ่งที่ถูกต้องจริง ๆ?”
10 ความเชื่อเรื่องอาหารคนท้อง ที่แม่ควรเลิกเชื่อได้แล้ว!
รวมความเชื่อยอดฮิต เกี่ยวกับอาหารขณะตั้งครรภ์ พร้อมคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ และโภชนาการ เพื่อให้แม่วางใจ และตัดสินใจเรื่องอาหารได้อย่างอย่างถูกต้อง ด้วยข้อมูลจริง ไม่ใช่ด้วยความกลัว หรือความเชื่อที่บอกต่อ ๆ กันมา
1. “กินเผื่อลูก” = ต้องกินสองเท่า จริงเหรอ?
ความเชื่อยอดฮิตอันดับหนึ่ง ที่แม่แทบทุกคนเคยได้ยินก็คือ “กินเผื่อลูก” หรือบางคนอาจได้ยินว่า “ต้องกินเยอะ ๆ ลูกจะได้โต” คำพูดนี้ แม้ฟังดูสมเหตุสมผลในความรู้สึก แต่ทางโภชนาการกลับไม่เป็นเช่นนั้นเลย
ในช่วงตั้งครรภ์ ร่างกายแม่ต้องการพลังงานเพิ่มจริง แต่ไม่ได้มากถึงขั้นต้องกินสองเท่า! จากข้อมูลของ American Pregnancy Association ระบุว่า:
- ไตรมาสแรก: ไม่ต้องเพิ่มแคลอรีเลย
- ไตรมาสที่สอง: เพิ่มประมาณ 300-350 แคลอรีต่อวัน
- ไตรมาสที่สาม: เพิ่มประมาณ 450-500 แคลอรีต่อวัน
เทียบง่าย ๆ คือแค่เพิ่มเป็น ขนมปังโฮลวีต 1 แผ่น + ไข่ต้ม 1 ฟอง ก็พอแล้ว ไม่ใช่ข้าวเพิ่มอีกจานนะคะ หากแม่กินมากเกินโดยไม่ระวัง อาจทำให้มีน้ำหนักตัวเพิ่มเร็วเกินไป เสี่ยงเบาหวานขณะตั้งครรภ์ ความดันโลหิตสูง หรือภาวะครรภ์เป็นพิษ แถมลูกอาจมีน้ำหนักตัวมากเกิน ทำให้คลอดยากขึ้นอีกด้วย
2. ห้ามกินของเย็น เดี๋ยวลูกไม่แข็งแรง?
อีกหนึ่งความเชื่อคลาสสิก ที่ทำให้แม่หลายคนต้องละลายน้ำแข็งก่อนดื่ม หรือเลี่ยงไอศกรีมทั้งที่อยากกินมาก นั่นคือ “ของเย็น ทำให้ลูกไม่แข็งแรง” หรือ “ลูกจะเป็นหวัด”
ความจริงแล้ว ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ใด ๆ ที่ระบุว่า อุณหภูมิของอาหาร หรือเครื่องดื่ม ส่งผลต่อสุขภาพของทารกในครรภ์ ร่างกายของแม่สามารถควบคุมอุณหภูมิอาหารได้เองอยู่แล้ว ก่อนจะผ่านไปยังทารก ที่น่ากังวลจริง ๆ กลับเป็นเรื่อง ความสะอาดของน้ำแข็ง หรือของเย็นที่อาจมีเชื้อโรค เช่น น้ำแข็งที่ตักด้วยมือเปล่า หรือไอศกรีมที่ละลายแล้วแช่แข็งซ้ำ จึงไม่ใช่ความเย็นที่น่ากลัว แต่คือความสะอาดของแหล่งอาหารมากกว่าค่ะ
3. กินแตงโม = ลูกผิวขาว ตัวโต จริงเหรอ?
“แตงโม ทำให้ลูกผิวขาวนะ กินไว้เยอะ ๆ” เป็นอีกหนึ่งความเชื่อที่บอกต่อกันมาเยอะมาก แต่กลับไม่มีข้อมูลวิทยาศาสตร์รองรับ แตงโมมีน้ำเยอะ ช่วยให้สดชื่นก็จริง แต่ก็มี น้ำตาลฟรุกโตสสูง หากกินมาก อาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่ง ส่งผลต่อภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์ และไม่ช่วยให้ลูกผิวขาว หรือตัวโตแต่อย่างใด เพราะ พัฒนาการของผิว และน้ำหนักลูก ขึ้นอยู่กับพันธุกรรม และโภชนาการโดยรวม ไม่ใช่แค่ผลไม้ชนิดเดียว หากแม่ชอบแตงโม ก็กินได้ค่ะ แต่ให้ “กินพอดี” และเสริมด้วยผลไม้หลากสีอื่น ๆ เพื่อให้ได้วิตามิน และแร่ธาตุครบถ้วนด้วยนะคะ
4. ห้ามกินของดำ ของหมักดอง ของแสลง
หลายคนยังเข้าใจว่า “ของดำ” = ของไม่ดี เช่น ข้าวกล้อง งาดำ ถั่วดำ ทั้งที่ของเหล่านี้ ล้วนมีคุณค่าทางโภชนาการสูงมาก เช่น งาดำ มีแคลเซียม และธาตุเหล็กสูง ช่วยเสริมกระดูกแม่ และพัฒนาการลูก
ส่วน ของหมักดอง เช่น มะม่วงดอง ปลาร้า ปูเค็ม ควรระวัง เพราะมักมีโซเดียมสูง และหากไม่สะอาด อาจเสี่ยงท้องร่วงหรือติดเชื้อ แต่ไม่ได้หมายความว่าต้องห้ามเด็ดขาด ทางที่ดีคือ แม่ควรเลือกของดองที่สะอาด ทำเอง หรือแช่น้ำลดเค็ม และไม่กินเกินพอดี จะปลอดภัยกว่า
5. แม่มังสวิรัติ กินโปรตีนไม่พอ ลูกจะขาดสารอาหาร?
อีกหนึ่งความเชื่อ ที่ทำให้แม่มังสวิรัติกังวลคือ “ไม่กินเนื้อ ลูกจะขาดโปรตีน” หรือ “ลูกจะไม่แข็งแรง” ความจริงคือ หากวางแผนการกินให้เหมาะสม มังสวิรัติก็ได้สารอาหารครบได้ เช่น โปรตีนจากถั่วเลนทิล เต้าหู้ ควินัว ธัญพืช ถั่วเหลือง
สิ่งที่ต้องเสริมเพิ่มเติม อาจเป็น วิตามิน B12, ธาตุเหล็ก และกรดไขมันโอเมกา-3 ซึ่งอาจมีน้อยในอาหารจากพืช การปรึกษานักโภชนาการ เพื่อวางแผนเสริมอาหารอย่างเหมาะสม จะช่วยให้แม่สาย plant-based เลี้ยงลูกได้อย่างปลอดภัยแน่นอนค่ะ
6. ของเผ็ด ของเปรี้ยว ของมัน ห้ามกินจริงไหม?
หลายคนเชื่อว่า อาหารรสจัด ทำให้ลูกดื้อ ลูกผิวไม่ดี หรือแม้แต่เกิดอาการกรดไหลย้อนในทารก ความจริงคือ รสเผ็ด เปรี้ยว หรือมัน ไม่ได้เป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์โดยตรง ถ้าร่างกายแม่รับไหว และไม่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร เช่น แพ้อาหาร หรือกรดไหลย้อน ก็สามารถกินได้ในปริมาณที่เหมาะสม
สิ่งที่ควรระวังจริง ๆ คือ ไขมันทรานส์ จากอาหารทอดซ้ำ อาหารฟาสต์ฟู้ด และของหวานจัด ซึ่งส่งผลต่อระดับน้ำตาล และไขมันในเลือด หากหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้ได้ จะดีต่อสุขภาพแม่และลูกมากกว่าค่ะ
7. แม่ต้องกินปลาเยอะ ๆ ลูกถึงจะฉลาด?
ปลาทะเล เช่น แซลมอน ปลาทู ปลาซาบะ มี DHA และ Omega-3 ที่ดีต่อพัฒนาการสมองของลูกจริง แต่การ “ต้องกินทุกวัน” นั้นไม่จำเป็นค่ะ และควรระวัง ปลาที่มีสารปรอทสูง อย่างปลาน้ำลึกบางชนิด เพราะอาจส่งผลต่อระบบประสาทของทารก แนวทางที่ดีคือ กินปลาทะเล สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง เลือกชนิดปลาที่ปลอดภัย และสลับกับไข่ เต้าหู้ หรือถั่ว จะได้รับสารอาหารครบถ้วนแบบไม่เสี่ยง
8. ลูกจะไม่ร้องดึก ถ้าแม่กินเยอะ ๆ?
บางคนบอกว่า “กินให้อิ่มตอนท้อง ลูกจะได้เลี้ยงง่าย ไม่ตื่นบ่อยตอนเกิด” ฟังดูน่าเชื่อ แต่ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มารองรับนะคะ พฤติกรรมการนอนของทารก ไม่เกี่ยวกับว่าแม่กินเยอะหรือน้อย แต่เป็นเรื่องของการพัฒนาระบบประสาท และวงจรการนอนที่ยังไม่สมบูรณ์ สิ่งสำคัญคือ ต้องเข้าใจธรรมชาติของเด็ก และฝึกการนอนอย่างค่อยเป็นค่อยไปหลังคลอด มากกว่ากังวลเรื่องการกินระหว่างท้อง
9. กินไข่ = ลูกตัวเหม็น?
ไข่ เคยถูกเข้าใจผิดว่า “ทำให้ตัวลูกเหม็น” หรือ “ทำให้เกิดผดผื่น” ความเชื่อนี้อาจมาจากสมัยก่อนที่ไข่เป็นของหายาก หรืออาจมีกลิ่นคาว หากไม่ปรุงให้ดี แต่ปัจจุบัน ไข่ คือ สุดยอดอาหารที่มีโปรตีนคุณภาพสูง ไขมันดี และโคลีน ที่ช่วยพัฒนาสมองและระบบประสาทของลูก โดยเฉพาะไข่แดง ถ้าหากแม่ไม่แพ้ไข่ การกินไข่วันละฟอง ถือเป็นสิ่งที่แนะนำในคู่มือของกรมอนามัยและ WHO ด้วยนะคะ
10. ห้ามกินทุเรียนตอนท้อง เดี๋ยวคลอดยาก?
ทุเรียนมักถูกโยงว่า “ของร้อน” “ทำให้เด็กคลอดยาก” หรือ “ลูกดื้อตั้งแต่ในท้อง” ซึ่งเป็นเพียงความเชื่อ ที่บอกต่อ ๆ กันมาเท่านั้น สิ่งที่ควรระวังคือ ปริมาณน้ำตาล และไขมันของทุเรียนที่สูงมาก ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดเบาหวานขณะตั้งครรภ์ หรือท้องอืดได้ ถ้ากินในปริมาณมาก ดังนั้นแม่สามารถกินทุเรียนได้ค่ะ แต่ควรจำกัดให้อยู่ในระดับที่พอดี เช่น ไม่เกิน 2-3 เม็ด และไม่กินหลายวันติดต่อกัน ห้ามกินทุกวันนะคะแม่
แล้วแม่ควรกินอะไร? หลีกเลี่ยงอะไร?
หากจะสรุปแนวทางง่าย ๆ ในการเลือกอาหารสำหรับแม่ตั้งครรภ์ คือ:
- ควรกิน: อาหารปรุงสดใหม่ ผักผลไม้หลากสี ธัญพืชไม่ขัดสี ไข่ ปลา เต้าหู้ นม ถั่วชนิดต่าง ๆ น้ำเปล่า และอาหารที่มี DHA และแคลเซียมสูง
- ควรหลีกเลี่ยง: อาหารดิบ (ปลาดิบ ไข่ดิบ), อาหารหมักดองเค็มจัด, อาหารไขมันทรานส์, น้ำหวาน น้ำอัดลม และกาแฟเกินวันละ 1 แก้ว
สิ่งสำคัญกว่าคือ “ความสมดุล” ไม่ต้องงดทุกอย่าง เพียงแค่ควบคุมปริมาณ ไม่ให้ทานมากเกินไป
ความเชื่อเรื่องอาหารคนท้อง มีทั้งที่มีพื้นฐานทางวัฒนธรรม และที่ส่งต่อกันด้วยเจตนาดี แต่ไม่ใช่ทุกความเชื่อจะถูกต้องตามหลักโภชนาการในยุคปัจจุบัน แม่ที่เข้าใจ และกล้าตั้งคำถามกับความเชื่อเดิม ๆ จะสามารถดูแลตัวเองและลูกได้อย่างมั่นใจมากขึ้น เพราะพัฒนาการที่ดีที่สุดของลูก เริ่มจากการที่แม่กินดีอย่างมีความรู้ ไม่ใช่กินตามความกลัวที่ไม่มีที่มา หรือหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มายืนยัน
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
คนท้องกินกระเทียม ดีไหม? กินได้หรือเปล่า แม่ท้องกินกระเทียมมีผลยังไงต่อครรภ์
โฟลิก ห้ามกินพร้อมอะไร ? วิตามินบำรุงครรภ์ที่แม่ท้องต้อง “กินเป็น”
ท้องลูกชายชอบกินอะไร ? ความเชื่อ VS ความจริงเรื่องอาหารแม่ท้อง