เลี้ยงลูกเหนื่อยจนร้องไห้ 12 สัญญาณที่บอกว่าคุณกำลัง Burn out หมดไฟในการเลี้ยงลูก

เลี้ยงลูกเหนื่อยจนร้องไห้ เบื่อลูก เบื่อบ้าน เป็นสัญญาณของพ่อแม่ที่เหนื่อยล้า คุณกำลัง หมดไฟในการเลี้ยงลูก หรือเปล่า เช็คด่วน! พร้อมวิธีแก้

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

เลี้ยงลูกเหนื่อยจนร้องไห้ เบื่อลูก เบื่อบ้าน รู้สึกว่าตัวเองเป็นแม่ที่ไม่ดี บางทีคุณแม่อาจกำลังเผชิญกับภาวะ หมดไฟในการเลี้ยงลูก หรือ Parental Burnout

การเป็นแม่คือบทบาทที่ยิ่งใหญ่ซึ่งมาพร้อมกับความเหนื่อยล้าที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ หลายครั้งที่แม่ทุ่มเทเวลาและพลังงานทั้งหมดไปกับลูก จนลืมที่จะหันกลับมาดูแลตัวเอง ทั้งร่างกายและจิตใจ ความรู้สึกเบื่อหน่าย ไม่อยากอยู่บ้าน ไม่อยากเลี้ยงลูก ลูกดื้อไม่ฟัง ร้องไห้งอแง จนบางครั้งเราเผลอตะคอกใส่ลูกด้วยความเหนื่อยล้าและหมดความอดทน ความรู้สึกผิดที่ตามมา ทำให้เรายิ่งรู้สึกว่าตัวเองเป็น “แม่ที่ไม่ดี”

หากคุณกำลังรู้สึกแบบนี้ คุณไม่ได้อยู่คนเดียวนะคะ หลายคนต้องเผชิญกับภาวะ “หมดไฟในการเลี้ยงลูก” หรือ Parental Burnout ซึ่งไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะคุณแม่ Full-time เท่านั้น แม้แต่คุณแม่ที่ทำงานนอกบ้านก็สามารถเผชิญกับความเหนื่อยล้าและความเครียดสะสมจากการเลี้ยงลูกได้เช่นกัน การเลี้ยงลูกอย่างต่อเนื่องโดยไม่ได้พักผ่อน ไม่ได้นอนเต็มอิ่ม ไม่ได้มีเวลาส่วนตัว หรือทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ ยิ่งทำให้ความรู้สึกนี้ท่วมท้นขึ้น

บทความนี้จะพาคุณแม่ไปสำรวจสัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณกำลังเข้าสู่ภาวะหมดไฟในการเลี้ยงลูก ทำความเข้าใจถึงสาเหตุ และที่สำคัญที่สุด คือการหาทางออกเพื่อฟื้นฟูพลังใจและสร้างสมดุลในการเลี้ยงลูก เพราะการเป็นพ่อแม่ที่ดี เริ่มต้นจากการดูแลตัวเองให้ดีเสียก่อน และการแบ่งปันภาระหน้าที่ระหว่างพ่อแม่ก็เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้การเดินทางของการเป็นพ่อแม่เต็มไปด้วยความสุขและความเข้าใจ

 

12 สัญญาณที่บอกว่าคุณกำลัง หมดไฟในการเลี้ยงลูก

ภาวะ หมดไฟในการเลี้ยงลูก ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืน แต่ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นจากความเหนื่อยล้าสะสม และความรู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถรับมือกับความท้าทายในการเป็นพ่อแม่ได้อีกต่อไป เพื่อป้องกันไม่ให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปกว่าเดิม คุณแม่ควรสังเกตสัญญาณอาการที่พบบ่อยของแม่ที่กำลังเผชิญกับภาวะ Burnout ต่อไปนี้

  1. ความรู้สึกหมดพลังทั้งร่างกายและจิตใจ

ความเหนื่อยล้าไม่ใช่แค่ความรู้สึกเพลียหลังจากการทำงานบ้านหรือดูแลลูก แต่เป็นความรู้สึกหมดพลังทั้งร่างกายและจิตใจที่ต่อเนื่องยาวนาน

  • ความรู้สึกเหนื่อยล้าเรื้อรัง ไม่สดชื่นแม้ได้พักผ่อน
  • ปวดเมื่อยตามร่างกาย ปวดหัว ปวดท้อง
  • อ่อนเพลีย ไม่มีแรงทำอะไร
  • รู้สึกเหมือนแบตเตอรี่หมดตลอดเวลา

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา
  1. ความอดทนลดลงอย่างเห็นได้ชัด

ใจร้อน ความอดทนต่ำ ทำให้เกิดปฏิกิริยาทางอารมณ์ที่รุนแรงเกินกว่าเหตุ

  • หงุดหงิดง่าย ฉุนเฉียว
  • ตะคอกใส่ลูกหรือคนในครอบครัวบ่อยขึ้น
  • ควบคุมอารมณ์ได้ยาก
  • รู้สึกเหมือนตัวเองระเบิดอารมณ์ออกมาได้ทุกเมื่อ

 

  1. รู้สึกห่างเหินจากคนรอบข้าง

ความสุขและความสนุกสนานในชีวิตลดลง ความสัมพันธ์กับคนรอบข้างเริ่มจืดจาง

  • ไม่รู้สึกสนุกกับการทำกิจกรรมที่เคยชอบ
  • ไม่อยากเล่นกับลูก หรือมีปฏิสัมพันธ์กับคนในครอบครัว
  • รู้สึกโดดเดี่ยว แม้จะอยู่ท่ามกลางผู้คน
  • ไม่อยากพบปะผู้คน หรือเข้าสังคม

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา
  1. รู้สึกผิดและด้อยค่า

ความรู้สึกผิดและความสงสัยในความสามารถของตัวเองบั่นทอนความสุขในการเลี้ยงลูกและทำให้เกิดความเครียดสะสม ขาดความมั่นใจ

  • ตำหนิตัวเองอย่างรุนแรง
  • รู้สึกว่าตัวเองทำอะไรก็ไม่ดีพอ
  • คิดว่าตัวเองเป็นแม่ที่แย่ ไม่สามารถให้สิ่งที่ดีที่สุดกับลูกได้
  • มีความคิดด้านลบเกี่ยวกับตัวเองซ้ำ ๆ

 

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา
  1. วิตกกังวลมาก

ความกังวลครอบงำจิตใจ ทำให้ไม่สามารถมีความสุขกับปัจจุบันได้

  • คิดมากเกี่ยวกับอนาคต
  • กังวลเกี่ยวกับความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น
  • นอนไม่หลับเพราะความกังวล
  • รู้สึกเหมือนมีภาระหนักอึ้งอยู่ตลอดเวลา
  • ความวิตกกังวลส่งผลต่อการนอนหลับและทำให้เกิดความเครียด

 

  1. อารมณ์แปรปรวน

 อารมณ์แปรปรวนอย่างรวดเร็วและรุนแรง ควบคุมได้ยาก

  • โกรธง่ายโดยไม่มีเหตุผล
  • อารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ
  • ร้องไห้บ่อย
  • รู้สึกเหมือนอารมณ์อยู่เหนือการควบคุม

 

  1. เสียใจที่มีลูก

ความรู้สึกนี้อาจเป็นเรื่องที่น่าตกใจ แต่เป็นหนึ่งในสัญญาณของ Burnout ที่รุนแรง และควรได้รับการช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ

  • รู้สึกเสียใจที่ต้องมีภาระในการเลี้ยงลูก
  • คิดว่าชีวิตจะดีกว่านี้ถ้าไม่มีลูก
  • รู้สึกติดกับดักและไม่มีอิสระ
  • ความรู้สึกนี้ไม่ได้หมายความว่าไม่รักลูก แต่เป็นผลจากความเหนื่อยล้าสะสม

 

  1. รู้สึกว่าทำอะไรก็ไม่ดี

ความรู้สึกว่าตัวเองล้มเหลวในทุกด้านของชีวิต ทั้งงานในบ้านและนอกบ้าน

  • รู้สึกว่าไม่สามารถจัดการงานบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • รู้สึกว่าทำงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร
  • รู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถทำทุกอย่างให้สมบูรณ์แบบได้
  • มีความรู้สึกผิดที่ไม่ได้ทำทุกอย่างให้ดีที่สุด

 

  1. คิดว่าตัวเองไม่คู่ควร

ความรู้สึกว่าตัวเองไม่คู่ควรกับการเป็นแม่

  • รู้สึกว่าลูกสมควรได้รับแม่ที่ดีกว่านี้
  • คิดว่าตัวเองกำลังทำร้ายลูก
  • รู้สึกว่าตัวเองเป็นภาระของลูก
  • ความรู้สึกนี้บั่นทอนความมั่นใจในการเลี้ยงลูก

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา
  1. ความสัมพันธ์กับคู่ครองแย่ลง

ไม่มีปฏิสัมพันธ์ กับ คู่ครอง ขาดการสื่อสารและความใกล้ชิด

  • ไม่มีเวลาหรือพลังงานที่จะพูดคุยกับคู่ครอง
  • รู้สึกห่างเหินจากคู่ครอง
  • ทะเลาะกันบ่อยขึ้น

 

  1. ไม่อยากเข้าสังคม

ถอนตัวออกจากสังคม หลีกเลี่ยงการพบปะผู้คน

  • ไม่อยากออกไปไหน
  • ปฏิเสธคำเชิญจากเพื่อนฝูง
  • รู้สึกว่าการเข้าสังคมเป็นเรื่องที่เหนื่อย
  • ต้องการอยู่คนเดียวมากขึ้น

 

  1. ไม่กล้าขอความช่วยเหลือ

รู้สึกว่าตัวเองต้องรับผิดชอบทุกอย่างเพียงลำพัง ไม่กล้าขอความช่วยเหลือ

  • รู้สึกว่าการขอความช่วยเหลือเป็นเรื่องที่น่าอาย
  • กลัวว่าคนอื่นจะตัดสิน
  • รู้สึกว่าตัวเองต้องทำทุกอย่างให้ได้ด้วยตัวเอง
  • ไม่รู้ว่าจะขอความช่วยเหลือจากใคร

 

 

10 วิธีฟื้นฟูพลังใจ เอาชนะภาวะ หมดไฟในการเลี้ยงลูก ของคุณแม่

การเอาชนะภาวะ Burnout ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ด้วยการดูแลตัวเองอย่างเหมาะสมและปรับเปลี่ยนมุมมองบางอย่าง คุณแม่สามารถกลับมามีความสุขกับการเลี้ยงลูกได้อีกครั้ง ลองทำตามแนวทางต่อไปนี้

 

10 วิธีเอาชนะภาวะ หมดไฟในการเลี้ยงลูก ของคุณแม่

1. ยอมรับความรู้สึกของตัวเอง
  • ยอมรับว่าคุณกำลังรู้สึกอย่างไร อย่าปฏิเสธความรู้สึกเหนื่อยล้า ความเครียด หรือความหงุดหงิด
  • การเป็นแม่ไม่ได้หมายความว่าคุณต้องเป็นซูเปอร์ฮีโร่ที่ทำทุกอย่างได้สมบูรณ์แบบตลอดเวลา
  • การยอมรับความรู้สึกเป็นก้าวแรกสู่การดูแลตัวเองและหาทางออก
2. หยุดเปรียบเทียบ
  • โซเชียลมีเดียอาจทำให้คุณรู้สึกว่าแม่คนอื่นๆ ดูมีความสุขและจัดการทุกอย่างได้ดีกว่า
  • ทุกคนมีชีวิตและสถานการณ์ที่แตกต่างกัน การเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น ๆ จะทำให้คุณรู้สึกแย่ลง
  • โฟกัสที่ความก้าวหน้าของตัวเองและชื่นชมสิ่งที่คุณทำได้ดี
3. ให้เวลากับตัวเอง
  • การดูแลตัวเองไม่ใช่เรื่องเห็นแก่ตัว แต่เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้คุณมีพลังในการดูแลลูก
  • หาเวลาเล็กๆ น้อยๆ ในแต่ละวันเพื่อทำสิ่งที่คุณชอบ ไม่ว่าจะเป็นการนั่งจิบชา/กาแฟเงียบๆ อ่านหนังสือ ฟังเพลง หรืออาบน้ำอุ่น
  • การได้อยู่กับตัวเองบ้างจะช่วยให้คุณได้พักผ่อนและเติมพลัง
4. อยู่กับปัจจุบัน
  • การเลี้ยงลูกอาจทำให้คุณกังวลเกี่ยวกับอนาคตมากเกินไป
  • พยายามโฟกัสที่ปัจจุบันและเพลิดเพลินกับช่วงเวลาดี ๆ กับลูก
  • การฝึกสติ (Mindfulness) เช่น การทำสมาธิ หรือการหายใจลึก ๆ จะช่วยให้คุณสงบและลดความเครียด
5. พูดคุยและระบายความรู้สึก
  • การพูดคุยกับเพื่อนที่มีประสบการณ์เลี้ยงลูกเหมือนกันจะช่วยให้คุณรู้สึกว่าคุณไม่ได้อยู่คนเดียว
  • การได้เล่าและระบายความรู้สึกจะช่วยลดความเครียดและทำให้คุณได้รับคำแนะนำที่เป็นประโยชน์
  • หากไม่มีเพื่อนที่มีประสบการณ์เดียวกัน การเข้าร่วมกลุ่มสนับสนุนคุณแม่ก็เป็นทางเลือกที่ดี
6. ออกกำลังกาย
  • การออกกำลังกายช่วยลดความเครียดและเพิ่มพลังงาน
  • หากไม่มีเวลาไปออกกำลังกาย คุณสามารถหาโอกาสขยับร่างกายในชีวิตประจำวันได้ เช่น การเข็นรถลูก เดินรอบบ้าน หรือทำงานบ้าน
  • การเคลื่อนไหวร่างกายจะช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้นทั้งร่างกายและจิตใจ
7. พักผ่อนให้เพียงพอ
  • การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอเป็นสิ่งสำคัญต่อสุขภาพกายและจิตใจ
  • หลีกเลี่ยงการเล่นโซเชียลมีเดียก่อนนอน เพราะแสงสีฟ้าจากหน้าจอจะรบกวนการนอนหลับ
  • พยายามวางโทรศัพท์อย่างน้อย 1 ชั่วโมงก่อนเข้านอน และสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายในห้องนอน
8. ทำกิจกรรมที่ชอบ
  • การทำกิจกรรมที่คุณชอบจะช่วยให้คุณรู้สึกมีความสุขและเติมพลัง
  • เข้าร่วมกลุ่มที่สนใจ ไม่ว่าจะเป็นออนไลน์หรือออฟไลน์ เช่น กลุ่มปลูกผัก กลุ่มทำขนม หรือกลุ่มเลี้ยงปลา
  • การได้ทำกิจกรรมร่วมกับคนที่มีความสนใจเหมือนกันจะช่วยให้คุณรู้สึกสนุกและได้เพื่อนใหม่
9. ให้อภัยตัวเอง
  • ทุกคนทำผิดพลาดได้ การเป็นแม่ก็เช่นกัน
  • หยุดโทษตัวเองและเรียนรู้จากความผิดพลาด
  • จำไว้ว่าคุณกำลังพยายามอย่างดีที่สุดแล้ว
10. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
  • หากคุณแม่รู้สึกเครียดมาก ทุกข์มาก หรือไม่มีความสุขเลย คุณอาจกำลังเผชิญกับภาวะซึมเศร้า
  • ปรึกษาแพทย์หรือนักจิตวิทยา
  • การรักษาจะช่วยปรับสมดุลสารเคมีในสมองและทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น
  • การดูแลสุขภาพจิตเป็นสิ่งสำคัญ อย่ากลัวที่จะขอความช่วยเหลือ 


ขอให้คุณแม่สังเกตสัญญาณ หมดไฟในการเลี้ยงลูก ข้างต้นตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อที่คุณแม่จะหันมาดูแลตัวเองให้มีพลังใจและกลับมามีความสุขกับการเลี้ยงลูกอีกครั้งนะคะ

 

ที่มา : Doctor MM Family เมาท์เรื่องลูกกับหมอมะเหมี่ยว , เลี้ยงลูกตามใจหมอ

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

10 ข้อดีเมื่อพ่อช่วยเลี้ยงลูก อุ้ม กอด เล่นซน เติมเต็มพัฒนาการในสไตล์คุณพ่อ

พ่อแม่ Gen Y สายเปย์ ทุ่มเพื่อลูกชดเชยปมในใจ ให้ลูกมีชีวิตที่ดีกว่า

10 สิ่งที่พ่อแม่ไม่ควรปฏิบัติต่อกัน พ่อแม่แบบไหนที่ลูกไม่ชอบ