แม่รู้ไหม หนูอ้วนไปแล้วนะ
คุณแม่อาจจะไม่ได้มองว่า ”ความอ้วน” ของลูกเป็นปัญหา นั่นไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไร เพราะในสังคมไทยเรามีทัศนคติต่อเด็กอ้วนเป็นทางบวก เด็กอ้วนบ้านเราจึงถูกมองว่าน่ารัก จ่ำม่ำ อวบน่ากอด กลายเป็นเรื่องดีๆ ที่แฝงภัยร้ายอย่างไม่น่าเชื่อ และทำให้ความอ้วนในเด็กไทยไม่ได้รับการแก้ไขอย่างทันท่วงที
อ้วนหรือไม่ ต้องหนักเท่าไหร่กัน?
อ่านมาถึงตรงนี้คุณแม่คงสงสัยว่าแล้วเกณฑ์น้ำหนักที่มาตรฐานของเด็กควรจะอยู่ที่ตรงไหน? หลักเกณฑ์การวัดนั้นเราใช้ค่าBMI และเปอร์เซ็นต์น้ำหนักตัวเทียบความสูง
- ดัชนีมวลกาย หรือบีเอมไอ (Body mass index, BMI)
โดยนำน้ำหนักเป็นกิโลกรัมหารด้วยความสูงเป็นเมตรยกกำลังสองเช่น สูง 150 เซนติเมตรก็คือ 1.5 เมตรและยกกำลังสอง นำไปหารน้ำหนักที่เป็นกิโลกรัม
ดัชนีมวลกาย = น้ำหนักตัว (กิโลกรัม)/[ความสูง (เมตร)]2
หากได้ค่าอยู่ที่ 85 ถึง 95 คือเด็กน้ำหนักเกิน และหากมากกว่า 95 คือเป็นโรคอ้วน
- หาเปอร์เซ็นต์น้ำหนักตัวเทียบความสูง (weight for height)
เปอร์เซ็นต์น้ำหนักเทียบความสูง = [น้ำหนักจริงของเด็ก (กิโลกรัม) X 100]/น้ำหนักมาตรฐานที่ความสูง (เซนติเมตร) เดียวกัน
โดยค่าอยู่ระหว่าง 120 ถึง 140 คือเด็กน้ำหนักเกิน และหากมากกว่า 140 คือเป็นโรคอ้วน
น้ำหนักเกินแล้วอันตรายอย่างไร?
เด็กที่เป็นโรคอ้วนมีโอกาสเป็นโรคเบาหวานสูง โรคที่รักษาไม่หายนี้เป็นต้นเหตุของโรคและปัญหาอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น การไหลเวียนของเลือด การตัดแขน/ขา ตาบอด โรคไต โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง ปัญหาเกี่ยวกับระบบหายใจ และระบบย่อยอาหาร
นอกจากนี้โรคอ้วนยังทำให้เด็กสูญเสียความมั่นใจ เพราะพวกเขาไม่สามารถวิ่งเล่นได้เหมือนเด็กคนอื่น ๆ ความเชื่องช้าทำให้เล่นกีฬาไม่เก่ง โดนเพื่อนล้อเรื่องรูปร่าง เสื้อผ้า การแต่งตัว การใส่ชุดว่ายน้ำ และอื่น ๆ
แต่ถ้าบ้านไหนเจ้าตัวเล็กน้ำหนักเกินแล้วล่ะก็ ไม่ต้องเครียดไปค่ะ
เพราะเรามีวิธีช่วยลดน้ำหนักเจ้าตัวเล็กมาบอกกันด้วยค่ะ คลิกอ่านหน้าถัดไปเลย
9 วิธี ช่วยหนูลดน้ำหนัก
การลดน้ำหนักในเด็กนั้นไม่เหมือนผู้ใหญ่ เพราะเด็กเป็นวัยที่กำลังเจริญเติบโต การรับประทานอาหารแบบผิดๆ หรือการใช้สูตรลดความอ้วนแบบต่างๆคงไม่เหมาะนัก เราจึงของเสนอวิธีการง่ายๆที่จะควบคุมน้ำหนักลูก ไปพร้อมๆกับการรับประทานอย่างถูกต้องตามโภชนาการด้วย
- เปลี่ยนนิสัยการกินของครอบครัว
เด็กอ้วนส่วนใหญ่เกิดจากนิสัยการกิน แน่นอนว่านิสัยนี้เกิดจากคุณพ่อคุณแม่ด้วย เพราะฉะนั้นจึงต้องปรับนิสัยการกินใหม่ ต้องลด ละ เลิกอาหารไขมันและน้ำตาลสูง ตลอดจนการกินจุบจิบด้วย
- พยายามทำอาหารกินเองที่บ้าน
จะได้ทั้งความสดและความสะอาด และจำกัดการออกไปรับประทานข้าวนอกบ้าน โดยเลือกอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากขึ้น ลดหรือเลิกอาหารที่มีแคลอรี่และน้ำตาลมาก
- ให้ลูกกินในปริมาณที่น้อยลง
นอกจาก 3 มื้อหลักแล้ว และแบ่งมื้ออาหารเป็นมื้ออาหารว่างให้เหมาะสมในแต่ละวัน
- ออกไปทำกิจกรรมบ้าง
จำกัดเวลาของการดูทีวี ขณะเดียวกัน ส่งเสริมให้ลูกทำกิจกรรมที่ร่างกายได้เคลื่อนไหว เช่น วิ่งเล่น ขี่จักรยาน เดินเล่น อย่างน้อยวันละ 1 ชั่วโมง
- ไม่ปล่อยให้ลูกหิว
อย่าพยายามให้ลูกลดน้ำหนักโดยการอดอาหาร ซึ่งไม่ดีต่อกระเพาะและระบบการย่อยอาหารของลูก รวมถึงความหิวจะทำให้ลูกกินในมื้อต่อไปมากขึ้น หรือแอบกินของที่ไม่มีประโยชน์เพื่อแก้หิว
- พยายามปรุงอาหารจากของสด
หลีกเลี่ยงอาหารกล่อง อาหารกระป๋อง อาหารสำเร็จรูป
- ไม่ควรแยกเสิร์ฟอาหารให้ลูกที่มีน้ำหนักตัวมากเกินไป
วิธีนี้จะทำให้ลูกรู้สึกแปลกแยกและรู้สึกผิดที่มีน้ำหนักเกิน ส่งผลต่อความมั่นใจของลูก แต่ควรสนับสนุนให้ทุกคนในครอบครัวกินอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และให้ลูกกินอาหารประเภทเดียวกับคนอื่นๆ ในครอบครัว
- ห้ามใช้อาหารเป็นรางวัลเด็ดขาด
จะทำให้ลูกให้คุณค่ากับอาหารว่าเป็นตัวแทนความสุข และยิ่งทำให้ลูกอยากอาหารมากขึ้น
- ปรึกษาคุณหมอหรือนักโภชนาการ
หากลูกยังมีน้ำหนักตัวเกินเกณฑ์มาตรฐาน หลังจากที่ได้ปฎิบัติตามคำแนะนำดังกล่าวแล้ว ผู้เชี่ยวชาญจะมีเทคนิควิธีการที่เป็นขั้นตอนขั้นสูงต่อไป
ที่มา
https://med.mahidol.ac.th/nursing/sites/default/files/public/journal/2555/issue_03/02.pdf
https://www.truelife.com/old/detail/700769
https://th.theasianparent.com/โรคอ้วนในเด็ก
https://haamor.com/th/เด็กอ้วน