ทำความรู้จัก ! สารอาหารในนม UHT เสริมสร้างพัฒนาการที่ดี เรียนรู้ไว
นม UHT ที่หลายคนเลือกให้ลูกกิน คือแหล่งโภชนาการที่ดี มีสารอาหารมากมาย สารอาหารในนม UHT มีประโยชน์ในด้านใดบ้าง วันนี้เราจะพาไปหาคำตอบกัน
นม UHT หรือ นมที่ผ่านกระบวนการความร้อนที่อุณหภูมิสูงเพื่อฆ่าเชื้อโรคและแบคทีเรียต่างๆ และมีการเติมสารอาหารเข้าไปในน้ำนมเพื่อให้คงคุณค่าและมีโภชนาการที่ดีในการเสริมสร้างพัฒนาการที่สำคัญสำหรับการเจริญเติบโต ทั้งยังได้รับความนิยมอย่างมากสำหรับหลายๆ ครอบครัว เนื่องจากความสะดวกในการเก็บรักษาและพกพา นอกจากนั้น นม UHT ยังเพียบพร้อมไปด้วยส่วนประกอบสารอาหารสำคัญที่จำเป็นต่อร่างกาย ในบทความนี้ เราจะมาเจาะลึกถึง สารอาหารในนม UHT และประโยชน์ที่เราจะได้รับจากการกินนม UHT กันค่ะ
หลักเกณฑ์พิจารณาในการเลือกนม UHT มีอะไรบ้าง ?
เนื่องจากนมกล่อง UHT ที่วางจำหน่ายอยู่ในตลาดมีมากมายหลายสูตรและหลายยี่ห้อ หลักๆ พื้นฐานในการเลือกคือ
1.วัยและความต้องการทางโภชนาการ
ควรเลือกนมกล่อง UHT สำหรับเด็กที่มีอายุ 1 ขวบปีขึ้นไป เพราะนมสูตรนี้จะมีปริมาณสารอาหารที่เหมาะสมกับความต้องการของเด็กในช่วงวัยนี้
2.สารอาหารจำเป็น
เลือกที่มีสารอาหารหลักๆ ที่จำเป็นต่อร่างกาย เช่น DHA โอเมก้า 3, 6, 9 โปรตีน แคลเซียม วิตามินดี ไขมัน เป็นต้น
3.ส่วนผสมสารอาหารเพิ่มเติม
นมแต่ละสูตรแต่ละยี่ห้อก็จะมีการเติมสารอาหารอื่นๆ เพื่อให้ร่างกายได้รับ สารอาหารในนม UHT อย่างเต็มที่และส่งเสริมพัฒนาการในด้านต่างๆ ให้มากขึ้น เช่น สฟิงโกไมอีลิน MFGM ใยอาหาร พรีไบโอติกและโปรไบโอติก รวมถึงวิตามินและแร่ธาตุอื่นๆ เช่น วิตามินเอ วิตามินซี เหล็ก เป็นต้น
4.รสชาติ
สำหรับเด็กในวัย 1 ขวบปีขึ้นไปที่เริ่มจะกินนมกล่อง ให้เลือกเป็นรสจืดเท่านั้นค่ะ หากเลือกแบบมีรสชาติ อาจจะทำให้เด็กติดรสชาติและมีความเสี่ยงที่อาจจะก่อให้เกิดฟันผุ และโรคอ้วนในเด็กได้
5.วันหมดอายุ
ก่อนซื้อควรตรวจสอบวันหมดอายุให้ชัดเจน รวมถึงคุณภาพของกล่องบรรจุภัณฑ์ด้วยว่ามี บุบหรือแตก ตรงไหนบ้างหรือเปล่า หากกล่องไม่อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ไม่ควรซื้อมาค่ะ
6.ราคา
เปรียบเทียบราคาในแต่ละยี่ห้อและเลือกนม UHT ที่มีราคาเหมาะสมกับคุณภาพและปริมาณ
สารอาหารในนม UHT มีอะไรบ้าง ส่งเสริมพัฒนาการด้านใด ?
โภชนาการในแต่ละมื้อสารอาหารในแต่ละชนิดก็มีความแตกต่างกันไป ที่จะช่วยส่งเสริมพัฒนาการต่างๆ ให้ร่างกายได้เจริญเติบโต เรามาดูกันว่า สารอาหารในนม UHT มีอะไรบ้าง และแบ่งเป็นพัฒนาการด้านไหนกันบ้าง
สารอาหารที่ช่วยพัฒนาด้านสมอง
- DHA/ARA ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรับส่งข้อมูลระหว่างเซลล์ประสาท เพิ่มการเชื่อมต่อของเซลล์สมอง ช่วยให้เด็ก ๆ ความจำดี มีสมาธิ และเรียนรู้ได้ดียิ่งขึ้น
- โอเมก้า 3, 6, 9 ช่วยเสริมสร้างการทำงางานของระบบต่าง ๆ ในร่างกายให้มีประสิทธิภาพ
- สฟิงโกไมอีลิน มีส่วนสำคัญในการช่วยสร้างปลอกไมอีลินที่หุ้มเส้นใยประสาท ช่วยให้สมองสามารถส่งสัญญาณสื่อสารกันได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ
- MFGM สารอาหารสมองสำคัญที่มีอยู่ในนมแม่ มีส่วนช่วยให้เด็กฉลาดและมีพัฒนาการที่ดี
- วิตามินบี 12 มีส่วนช่วยในการท่างานตามปกติของระบบประสาท และสมอง กระต้นลกเป็นเด็กช่างคิดช่างจดจำ
- โคลีน จำเป็นต่อการท่างานของระบประสาท และสมอง ช่วยการเรียนรู้ไว ความจ่าดี และเสริมสร้างพัฒนาการสมอง
- ลูทีน เพิ่มความจำ บำรุงสมอง และบำรุงสายตา
- แอลฟา-แล็คตัลบูมิน ช่วยสร้างสารสื่อประสาท ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของสมอง
- ธาตุเหล็ก ช่วยให้เรียนรู้ได้ดี มีสมาธิ มีพัฒนาการสมองที่ดีสมวัย
- โฟลิก ช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดง ช่วยควบคุมการทำงานของสมอง
- ไอโอดีน ช่วยพัฒนาสมอง ควบคุมระบบประสาท ความจำ ช่วยเรื่องการอ่านเขียน และเรียนรู้ได้ไวขึ้น
- สังกะสี มีบทบาทสำคัญในการทำงานของสมองและระบบประสาท ช่วยในการเรียนรู้และความจำ ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายแข็งแรง ต้านทานโรคได้ดีขึ้น
- ทอรีน มีบทบาทสำคัญในการเจริญเติบโตและช่วยในการทำงานของสมองและระบบประสาท
สารอาหารที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
- วิตามินซี ช่วยในการสร้างคอลลาเจน ซึ่งเป็นโปรตีนที่จำเป็นสำหรับการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ และยังช่วยเพิ่มการผลิตเซลล์เม็ดเลือดขาวอีกด้วย
- วิตามินดี ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโดยตรง และช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้ดีขึ้น
- วิตามินอี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหาย และช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
- สังกะสี จำเป็นสำหรับการทำงานของเซลล์ภูมิคุ้มกัน ช่วยในการสร้างและทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาว
- โปรตีน เป็นส่วนประกอบสำคัญของเซลล์ภูมิคุ้มกัน ช่วยในการซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่เสียหาย
- วิตามินเอ เป็นสารอาหารที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันในร่างกาย
- โพรไบโอติกส์ (Probiotics) เป็นจุลินทรีย์มีประโยชน์ ซึ่งร่างกายของเรามีโพรไบโอติกส์อาศัยอยู่จำนวนมาก โดยเฉพาะในลำไส้ ซึ่งมีส่วนช่วยในการทำงานของระบบทางเดินอาหาร ช่วยดูดซึมอาหาร ป้องกันโรค สังเคราะห์วิตามินที่จำเป็นต่อร่างกาย เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ทั้งยังช่วยป้องกันไม่ให้จุลินทรีย์ชนิดก่อโรคเกิดขึ้นในร่างกาย
- ใยอาหาร เป็นอาหารของแบคทีเรียดีในลำไส้ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย แบคทีเรียดีเหล่านี้จะผลิตสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดการอักเสบ และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง
สารอาหารที่ช่วยพัฒนาด้านสายตา
- วิตามินเอ เป็นสารอาหารที่จำเป็นสำหรับการมองเห็นในที่มืด ช่วยรักษาความชุ่มชื้นให้กับกระจกตา และป้องกันการติดเชื้อที่ตา
- ลูทีน เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่พบมากในจอประสาทตา ช่วยป้องกันการเสื่อมของจอประสาทตา และลดความเสี่ยงจากโรคต้อกระจก
- โอเมก้า 3 ช่วยลดการอักเสบในดวงตา และช่วยป้องกันการเสื่อมของจอประสาทตา
- วิตามินซี ช่วยป้องกันเลนส์ในตาให้ใส และช่วยเสริมสร้างหลอดเลือดฝอยที่เลี้ยงจอประสาทตา
- วิตามินอี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องเซลล์ในดวงตาจากความเสียหาย
- สังกะสี ช่วยในการทำงานของวิตามินเอ และช่วยป้องกันการเสื่อมของจอประสาทตา
สารอาหารที่ช่วยพัฒนาด้านร่างกาย
- แคลเซียม สร้างและเสริมความแข็งแรงให้กระดูกและฟัน ช่วยในการทำงานของกล้ามเนื้อและระบบประสาท หากขาดแคลเซียมอาจทำให้กระดูกพรุน เกิดโรคกระดูกอ่อน และกล้ามเนื้อเกร็ง
- ฟอสฟอรัส ทำงานร่วมกับแคลเซียมในการสร้างกระดูกและฟัน ช่วยในการทำงานของกล้ามเนื้อและระบบประสาท หากขาดฟอสฟอรัสอาจทำให้กระดูกอ่อนแอ และมีปัญหาเกี่ยวกับไต
- วิตามินดี ช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัสได้ดีขึ้น ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน หากขาดวิตามินดีอาจทำให้กระดูกอ่อนแอ และเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุน
- พลังงาน เป็นส่วนสำคัญที่ร่างกายใช้ในการทำงานทุกอย่าง เช่น การเคลื่อนไหว การหายใจ การเจริญเติบโต ช่วยให้ร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ไขมัน ให้พลังงาน ช่วยดูดซึมวิตามินที่ละลายในไขมัน (วิตามิน A, D, E, K) เป็นส่วนประกอบของเยื่อหุ้มเซลล์ จำเป็นต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของร่างกาย
- โปรตีน เป็นส่วนประกอบหลักของกล้ามเนื้อ เอนไซม์ และฮอร์โมน ช่วยในการซ่อมแซมและสร้างเซลล์ใหม่ จำเป็นต่อการเจริญเติบโตและการทำงานของร่างกาย
- คาร์โบไฮเดรต ให้พลังงานหลักแก่ร่างกาย ช่วยในการทำงานของสมองและระบบประสาท เป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญสำหรับกิจกรรมต่างๆ ของร่างกาย
จะเห็นได้ว่า สารอาหารบางชนิด ไม่ได้ส่งเสริมพัฒนาการเพียงอย่างเดียว ยังครอบคลุมในพัฒนาการด้านอื่นๆ ด้วย ทั้งนี้แล้วการที่ลูกได้กินนมอย่างเหมาะสมตามช่วงวัยและได้รับในปริมาณที่เพียงพอ ก็จะช่วยให้ลูกน้อยมีความแข็งแรงและเจริญเติมโตได้อย่างสมวัยจริงๆ ค่ะ
เด็ก 1 ขวบควรกินนมกล่องวันละเท่าไหร่ ?
สำหรับเด็กวัย 1 ขวบ จะกินข้าวเป็นอาหารหลัก 3 มื้อและนมกล่อง UHT คืออาหารเสริมที่เป็นตัวเลือกสำคัญ เพราะมีปริมาณโปรตีน แคลเซียม และวิตามินที่เหมาะสมกับความต้องการของร่างกาย ดังนั้นควรให้ลูกน้อยได้กินนมวันละประมาณ 2-3 กล่อง เพื่อเสริมสร้างพัฒนาการทั้งด้านร่างกายและสมอง ควบคู่ไปกับการกินอาหาร 3 มื้อหลักที่หลากหลายค่ะ
หากเก็บไว้นาน สารอาหารในนม UHT จะหายไปมั้ย ?
นมกล่อง UHT ที่เก็บไว้อย่างถูกวิธี สารอาหารจะไม่หายไปง่ายๆ ค่ะ เพราะกระบวนการผลิต UHT นั้นเป็นการฆ่าเชื้อด้วยความร้อนสูง ทำให้แบคทีเรียและจุลินทรีย์ต่างๆ ตายหมด จึงช่วยยืดอายุการเก็บรักษาได้นานโดยไม่ต้องใส่สารกันบูด แต่ปัจจัยที่ทำให้นมเสียคือ การเปิดแล้วกินไม่หมดและไม่เก็บเข้าตู้เย็น รวมถึงหากเก็บไว้ในที่แสงแดดส่องถึงโดยตรง อาจจะทำให้วิตามินบางชนิดเสื่อมได้ เช่น วิตามินดี หรือเก็บในที่อุณหภูมิสูงไป ก็ทำให้ไขมันในนมเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
จากที่กล่าวมา นมกล่อง UHT เป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพสูงและสารอาหารสำคัญอื่นๆ ที่ร่างกายต้องการ อุดมไปด้วยสารอาหารสำคัญสำหรับการเจริญเติบโต ดังนั้นเด็กๆ ควรกินนมกล่องควบคู่อาหารอื่นๆ ให้ครบ 5 หมู่อย่างหลากหลายในปริมาณที่เหมาะสม
ที่มา : โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ , momandbaby.net
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
6 นมกล่องสูตรยอดฮิต สำหรับเด็กๆ ยี่ห้อไหนดี มีประโยชน์ เสริมพัฒนาการแข็งแรงสมวัย
ให้ลูกดื่มนมกล่อง UHT ยี่ห้อไหนดี ให้ลูกดื่มนมแบบไหนถึงจะฉลาดที่สุด
7 นม UHT เด็ก แม่เลือกง่าย ได้สารอาหารครบ สำหรับลูกวัยเรียนรู้