แม่โพสต์เตือน ลูกป่วยหนัก “โรคไข้ดิน” หลังเล่นน้ำในสวน นอนรพ.ครึ่งเดือน

คุณแม่ Wichuda Kuppunno ได้โพสต์เล่าประสบการณ์ที่อยากฝากเตือนพ่อแม่ หลังลูกชายติดเชื้อ “โรคเมลิออยโดสิส” หรือที่รู้จักกันในชื่อ โรคไข้ดิน ซึ่งเป็นโรคติดเชื้อแบคทีเรีย Burkholderia pseudomallei พบมากในดินและน้ำ โดยเฉพาะช่วงฤดูฝน และพบได้บ่อยในภาคอีสาน

คุณแม่เล่าว่าวันที่ 29 มิถุนายน ลูกชายไปเล่นน้ำที่บ้านสวนของคุณยาย ไม่นานหลังจากนั้น วันที่ 3 กรกฎาคม ลูกเริ่มมีอาการไข้สูง ตัวร้อนตอนกลางคืน แม่ให้ยาพาราแล้วไข้ลด แต่พอช่วงบ่ายกลับมีไข้สูงอีก คราวนี้เช็ดตัวไม่ลง หนาวสั่น ปวดหัวมาก และอ่อนเพลียจนเดินไม่ไหว

คุณแม่ตัดสินใจรีบพาไปลูกคลินิกเด็กใกล้บ้าน แต่ระหว่างทางลูกมีอาการอาเจียน พอถึงมือหมอ อาการหนักจนต้อง Admit ทันที หลังตรวจและเพาะเชื้อ 1 วัน ผลออกมาว่าติดเชื้อเมลิออยโดสิส

การรักษาต้องให้ยาฆ่าเชื้อทางเส้นเลือดติดต่อกัน 14 วัน ระหว่างนี้เด็กต้องนอนโรงพยาบาลรวม 15 วัน 15 คืน และหลังออกจากโรงพยาบาล ยังต้องกินยาฆ่าเชื้อต่ออีก 20 สัปดาห์ (150 วัน) พร้อมตรวจติดตามอาการอย่างต่อเนื่อง

ได้แต่โทษตัวเอง คิดวนๆซ้ำ น้องมีหลายโรคมาก กว่าจะโต #ไทรอยด์ต่ำ #หอบหืด #ต่อมทอนซิลโต #ภูมิแพ้ #เด็กg6pd 

คุณแม่ฝากเตือนว่า โรคไข้ดินถ้าไม่ได้พามาหาหมอทันเวลา อาจรุนแรงถึงขั้นติดเชื้อในกระแสเลือดและเสียชีวิตได้ค่ะ

นับเป็นอุทาหรณ์สำหรับคุณแม่ที่อยากเปิดประสบการณ์เลี้ยงลูกให้โตกับธรรมชาติ เล่นน้ำ เล่นดิน เล่นทราย อาจไม่ปลอดภัยอย่างที่คิด เพราะเราไม่อาจรู้เลยว่า น้ำหรือดินที่ลูกเล่นนั้น มีการปนเปื้อนเชื้อโรคอันตรายใดๆ หรือไม่ ยิ่งถ้าลูกไม่ค่อยแข็งแรง มีหลายโรคอยู่แล้ว ก็มีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อได้ง่าย 

ไข้ดิน หรือ โรคเมลิออยโดสิส คืออะไร?

เรามาทำความรู้จัก โรคไข้ดิน หรือโรคเมลิออยโดสิส กันค่ะ โรคนี้อาจไม่คุ้นหู แต่ไม่ใช่โรคใหม่ เกิดจากแบคทีเรีย Burkholderia pseudomallei พบมากในดิน น้ำ และฝุ่น โดยเฉพาะช่วงฝนตกชุก พบมากในภาคอีสานของไทย แต่สามารถเกิดได้ทุกพื้นที่ เข้าสู่ร่างกายผ่านแผลที่ผิวหนัง การดื่มน้ำปนเปื้อน หรือการสูดหายใจเอาฝุ่นละอองที่มีเชื้อ รวมถึงเด็กที่เล่น หรือสัมผัสดินและน้ำ

กรมควบคุมโรคเปิดเผยข้อมูลว่า ปี 2568  มีเคสป่วยด้วย โรคเมลิออยโดสิส หรือโรคไข้ดิน จำนวน 2,036 ราย และมีผู้เสียชีวิต 92 ราย คิดเป็นอัตราการเสียชีวิต 4.52% ผู้ป่วยส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรและรับจ้างทั่วไป

โดยพบมากที่สุดในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กลุ่มผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นเพศชาย อายุเฉลี่ยประมาณ 58 ปี สำหรับผู้เสียชีวิต มักมีโรคประจำตัวร่วมด้วย เช่น เบาหวาน ไตวาย หรือดื่มสุราเรื้อรัง ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้ภูมิคุ้มกันอ่อนแอและเสี่ยงต่อการเสียชีวิตมากขึ้นเมื่อได้รับเชื้อ

อาการของ โรคไข้ดิน

ผู้ที่เป็นโรคไข้ดิน จะมีอาการไข้สูง หนาวสั่น ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ อ่อนเพลียมาก เบื่ออาหาร ในรายที่รุนแรง อาจเกิดภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิต โดยอาจเริ่มแสดงอาการตั้งแต่ 1-21 วัน หลังสัมผัสเชื้อ หรือในบางกรณีใช้ระยะฟักตัวนานถึง 1 ปี

ทำไมช่วงหน้าฝนถึงต้องระวังเป็นพิเศษ

ฤดูฝนทำให้เชื้อในดินและน้ำฟุ้งกระจายมากขึ้น ดินเปียก น้ำขัง และฝุ่นละอองในอากาศสามารถพาเชื้อเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย โดยเฉพาะเด็ก ๆ ที่ชอบเล่นน้ำและเล่นดิน ความเสี่ยงจะสูงขึ้นหากมีแผลที่ผิวหนัง หรือภูมิคุ้มกันอ่อนแอ

วิธีป้องกันลูกจาก โรคไข้ดิน

1. หลีกเลี่ยงการเล่นน้ำหรือดินในพื้นที่เสี่ยง โดยเฉพาะในฤดูฝน
2. ปิดบาดแผลให้มิดชิด ก่อนให้ลูกลงเล่นน้ำหรือสัมผัสดิน
3. สวมรองเท้าบูทหรือรองเท้ากันน้ำ เมื่อต้องเดินในพื้นที่เฉอะแฉะ
4. สอนลูกล้างมือบ่อย ๆ โดยเฉพาะก่อนกินอาหาร
5. ดื่มน้ำสะอาด และหลีกเลี่ยงน้ำที่อาจปนเปื้อน บางครั้งเด็กก็อาจเผลกลืนน้ำไม่สะอาดเข้าไปจากการเล่นน้ำได้

เมื่อสงสัยลูกติดเชื้อไข้ดิน ควรทำอย่างไร

หลังลูกลุยน้ำย่ำโคลน หรือเล่นดิน เล่นน้ำ หากมีอาการไข้สูง ติดต่อกันเกิน 5 วัน ไอ หรือเกิดแผลฝีหนองตามร่างกาย อย่าซื้อยากินเอง ควรรีบพบแพทย์ ไม่ควรรอดูอาการ ที่สำคัญควรแจ้งประวัติการเล่นน้ำ เล่นดิน หรือการอยู่ในพื้นที่เสี่ยงให้แพทย์ทราบ รวมถึงปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด หากต้องกินยาฆ่าเชื้อต่อเนื่อง

เคสนี้เตือนใจคุณพ่อคุณแม่ว่า โรคไข้ดิน หรือโรคเมลิออยโดสิส ไม่ใช่เรื่องไกลตัว พ่อแม่ควรเฝ้าระวังโดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน เพราะการติดเชื้ออาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ 

ขอบคุณเรื่องราวและภาพจากคุณแม่ : Wichuda Kuppunno

ที่มา : มติชนออนไลน์

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ปล่อยลูกเล่นดิน เล่นทราย ระวัง! พยาธิไชมือลูก เห็นภาพแล้วน่ากลัวมาก

โรคเมลิออยโดสิส คืออะไร ทำไมเด็ก 7 ขวบ แค่เล่นน้ำในคลอง ถึงเสียชีวิตได้

ชิคุนกุนยาระบาด! เตือนระวังยุงลาย เสี่ยงลูกป่วยไข้สูง ปวดข้อเรื้อรัง