สมรสเท่าเทียมในประเทศไทย เป็นประเด็นที่ได้รับการสนับสนุนและเป็นที่ถกเถียงกันมานาน แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมามีการผลักดันให้กฎหมายสมรสเท่าเทียม (marriage equality) ผ่านในระดับรัฐสภา แต่ต้องตรวจสอบข้อมูลอัปเดตล่าสุดเพื่อยืนยันสถานะทางกฎหมายปัจจุบัน ซึ่งเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2567 วุฒิสภาลงมติให้ สมรสเท่าเทียมผ่านแล้ว
สมรสเท่าเทียมผ่านแล้ว ด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น 130 ต่อ 4
วันที่ 18 มิถุนายน 2567 ในการประชุมวุฒิสภา ที่ประชุมมีมติ เห็นชอบ ร่างพระราชบัญญัติเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. (สมรสเท่าเทียม) ด้วยคะแนนเสียง 130 เสียง ต่อ 4 เสียง งดออกเสียง 18 เสียง และไม่ลงคะแนนเสียง 0 เสียง รวมผู้ลงมติ 152 เสียง นับเป็นก้าวสำคัญ ในการผลักดันความเท่าเทียมสำหรับคู่รักเพศเดียวกันในประเทศไทย โดยการร่างกฎหมายฉบับนี้จะเปิดโอกาสให้คู่รักเพศเดียวกันสามารถจดทะเบียนสมรสและได้รับสิทธิเช่นเดียวกับคู่รักชายหญิงทั่วไป
เนื่องจากสมรสเท่าเทียมผ่านแล้ว ร่างกฎหมายจะส่งไปยังสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาต่อไป หากสภาผู้แทนราษฎรเห็นชอบ ร่างกฎหมายจะส่งต่อให้คณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาเสนอต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ลงพระปรมาภิไธย คาดว่า กฎหมายสมรสเท่าเทียมจะ มีผลบังคับใช้ ภายใน 120 วัน
หลังจากประกาศในราชกิจจานุเบกษา การผ่านร่างกฎหมายฉบับนี้ ถือเป็น ชัยชนะ ของกลุ่ม LGBTQ+ ในประเทศไทย สะท้อนให้เห็นถึง ความก้าวหน้า ของสังคมไทยในการยอมรับความหลากหลายทางเพศ อย่างไรก็ตาม ยังมีกลุ่มบุคคลที่ คัดค้าน ร่างกฎหมายฉบับนี้ โดยอ้างเหตุผลทางศาสนาและวัฒนธรรม ทั้งนี้ ยังต้องรอติดตามต่อไปว่า กฎหมายสมรสเท่าเทียมฉบับนี้ จะมีผลอย่างไรต่อสังคมไทยในระยะยาว
บทความที่น่าสนใจ: เปิดประตูสู่โลกกว้าง: บทเรียนล้ำค่าที่ลูกควรเรียนรู้เกี่ยวกับ ความหลากหลายทางเพศ
การเดินทางของ “กฎหมายสมรสเท่าเทียม”
การต่อสู้เพื่อความเท่าเทียมในการสมรสของคู่รักเพศเดียวกันในประเทศไทย กำลังใกล้ถึงจุดหมายปลายทาง เริ่มต้นจากแนวคิดเมื่อ 23 ปีก่อน ผ่านร้อนผ่านหนาว เผชิญกับอุปสรรคและความท้าทายมากมาย แต่ด้วยความมุ่งมั่นและพลังขับเคลื่อนจากภาคประชาชนและกลุ่ม LGBTQ+
- 2544 : เริ่มต้นโดย “รมว.มหาดไทย” ในยุครัฐบาลทักษิณ แต่ถูกกระแสสังคมคัดค้าน
- 2555 : คู่รักเพศหลากหลายร้องเรียน ยื่นจดทะเบียนสมรส นำไปสู่ร่าง พ.ร.บ. คู่ชีวิต ในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์
- 2556 : เริ่มผลักดัน พ.ร.บ. คู่ชีวิต แต่ไม่สำเร็จ เผชิญวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่ครอบคลุมสิทธิเท่าเทียม
- 2557 : เกิดรัฐประหาร ร่าง พ.ร.บ. ถูกยุติ
- 2563 : เริ่มมีการเคลื่อนไหวในยุครัฐบาลประยุทธ์ ทั้ง พ.ร.บ. คู่ชีวิต (ฉบับรัฐบาล) และ พ.ร.บ. สมรสเท่าเทียม (ฉบับพรรคก้าวไกล)
- มิ.ย. 2563 : พรรคก้าวไกลยื่นร่าง พ.ร.บ. สมรสเท่าเทียม สู่สภาฯ ผ่านวาระแรก
- 2563 – 2566 : ร่าง พ.ร.บ. ผ่านวาระ 1 แต่ถูกคว่ำในวาระ 3
- 21 ธ.ค. 2566 : ร่าง พ.ร.บ. สมรสเท่าเทียม กลับมาพิจารณาอีกครั้ง สภาฯ ลงมติรับหลักการวาระ 1
- 27 มี.ค. 2567 : สภาฯ ลงมติรับร่าง พ.ร.บ. วาระ 2-3 ด้วยคะแนน 400 ต่อ 10 เสียง ซึ่งเข้าสู่กระบวนการรอการพิจารณา โดยร่าง พ.ร.บ. อยู่ระหว่างการพิจารณาของวุฒิสภา (สว.) มีเวลา 3 วาระ พิจารณา ทั้งนี้ สว. ไม่อาจคว่ำร่างกฎหมายได้ แต่สามารถส่งกลับ สส. หรือ เสนอแก้ไขได้
- 31 พ.ค. 2567 : กรรมาธิการวุฒิสภา พิจารณาร่างเสร็จสิ้น เตรียมเสนอวุฒิสภา
- 18 มิ.ย. 2567 : ร่าง พ.ร.บ. สมรสเท่าเทียมผ่านแล้ว เตรียมส่งต่อให้พระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิเษกธัมนูญ และมีผลบังคับใช้ภายใน 120 วัน
สิทธิที่ควรรู้ “กฎหมายสมรสเท่าเทียม”
สิทธิที่ได้จากการที่สมรสเท่าเทียมผ่านแล้ว | |
การจดทะเบียนสมรส |
คู่รัก LGBTQ+ สามารถจดทะเบียนสมรสได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยมีสิทธิ์และหน้าที่เช่นเดียวกับคู่รักชายหญิง
|
การใช้ชื่อนามสกุลร่วมกัน |
คู่สมรสสามารถเลือกใช้นามสกุลร่วมกัน หรือนามสกุลของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง โดยไม่ต้องเปลี่ยนนามสกุลเดิม
|
การรับบุตรบุญธรรม |
คู่สมรสสามารถรับบุตรบุญธรรมร่วมกันได้
|
การเข้าถึงสิทธิประกันสุขภาพ |
คู่สมรสสามารถเพิ่มชื่อคู่สมรสเข้ากรมธรรม์ประกันสุขภาพของตนเองได้
|
การเสียภาษี |
คู่สมรสสามารถยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแบบร่วมได้
|
การรับมรดก |
คู่สมรสมีสิทธิ์รับมรดกจากคู่สมรสที่เสียชีวิต
|
การเข้าเยี่ยมในโรงพยาบาล |
คู่สมรสมีสิทธิ์เข้าเยี่ยมคู่สมรสที่ป่วยหนักหรือพักรักษาตัวในโรงพยาบาล
|
การถือกรรมสิทธิ์ร่วมกัน |
คู่สมรสสามารถถือกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินร่วมกัน เช่น บ้าน ที่ดิน หรือรถยนต์
|
การจัดการหนี้สิน |
คู่สมรสมีหน้าที่ร่วมกันในการชำระหนี้สินที่ก่อขึ้นระหว่างสมรส
|
การแบ่งปันทรัพย์สิน |
ในกรณีหย่าร้าง คู่สมรสมีสิทธิ์แบ่งปันทรัพย์สินที่ได้มาระหว่างสมรสอย่างเท่าเทียมกัน
|
การขอวีซ่า |
คู่สมรสสามารถขอวีซ่าคู่ครองเพื่อติดตามคู่สมรสไปยังต่างประเทศได้
|
การทำงาน |
คู่สมรสมีสิทธิ์ได้รับสิทธิประโยชน์จากนายจ้าง เช่น สวัสดิการรักษาพยาบาล หรือใบลาคลอด
|
การศึกษา |
คู่สมรสมีสิทธิ์สมัครเข้าศึกษาต่อในสถาบันการศึกษาต่างๆ เช่นเดียวกับคู่รักชายหญิง
|
การรับราชการ |
คู่สมรสมีสิทธิ์สมัครรับราชการได้ โดยไม่ต้องคำนึงถึงเพศสภาพของคู่สมรส
|
ที่มา: www.thaipbs.or.th, thematter.co, thestandard.co
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ:
วิธีการสนับสนุนลูกที่เป็น LGBTQ เพราะความรักไม่มีขอบเขต
พ่อแม่เป็น LGBTQ แล้วลูกจะเป็นไหม ? เลี้ยงลูกฉบับ LGBT
แนะนำ ไอเทมสีรุ้ง ต้อนรับเทศกาลไพรด์ ที่ไม่ว่าเพศไหนก็ใส่ได้!