การเลี้ยงเด็กสักคนหนึ่ง ให้เติบโตขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ ดูจะไม่ใช่เรื่องง่ายเลย สำหรับคุณพ่อ คุณแม่หลาย ๆ คน รวมถึงวิวัฒนาการ การคิดค้นสารพัดของเล่น และของเสริมสร้างพัฒนาการเด็ก ที่ถูกคิดค้นและผลิตออกมาอย่างมากมาย แต่แล้วหลายคนกลับมีคำถามเกี่ยวกับเจ้า จัมเปอร์สำหรับเด็ก (Jumper Kids) ว่าเจ้าสิ่งนี้ มีประโยชน์กับลูกน้อยจริงหรือไม่ แล้วพ่อแม่อย่างเรา ควรซื้อมาใช้หรือเปล่า เรามาหาคำตอบกันค่ะ
จัมเปอร์สำหรับเด็ก คืออะไร?
ก่อนอื่นเราต้องมารู้กันก่อนว่า จัมเปอร์สำหรับเด็ก (Jumper Kids) คืออะไร และใช้งานอย่างไรบ้าง จัมเปอร์สำหรับเด็ก ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างความสนุกสนาน เพลิดเพลิน ให้เด็กรู้จักการพยุงตัว การช่วยหัดเดิน ฝึกการใช้เท้าสัมผัสกับพื้น โดยจัมเปอร์ จะมีความยืดหยุ่นของสายพยุงตัว ทำให้สามารถกระโดด ดึ๋ง ๆ เพื่อสร้างความเพลิดเพลินให้กับเด็ก
จัมเปอร์เด็ก เป็นอุปกรณ์ที่มีลักษณะคล้าย ๆ กับรถเข็นเด็ก แต่จะมีความพิเศษมากกว่า ตรงที่ว่าสามารถทำให้เด็ก ๆ สนุกเพลิดเพลินไปกับการโยกตัวขึ้น-ลง ซึ่งจะทำให้ตัวเด็ก รู้สึกถึงความมีอิสระ เพราะหากจะให้เด็ก นั่ง หรือนอน อยู่กับที่ตลอดเวลาก็จะไม่ยอมแน่ ๆ ดังนั้นจัมเปอร์จึงถือว่า เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยให้เด็ก ๆ ได้เคลื่อนไหวด้วยตนเองในระดับหนึ่ง
วิธีง่าย ๆ ของการใช้งานจัมเปอร์ โดยการเข้าไปนั่งอยู่ในจัมเปอร์ และก้าวขาเดินไปทางใดทางหนึ่ง เป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับช่วยฝึกเด็กในช่วงหัดเดิน ให้กล้ามเนื้อขาให้ทำงานได้ดีมากขึ้น และแข็งแรงมากขึ้น
การออกแบบของจัมเปอร์ จะมีลูกเล่นที่แตกต่างกันออกไป แต่ส่วนมากจะเน้นการพยุงตัวเด็ก และรองรับน้ำหนักของตัวเด็กเพื่อความปลอดภัย เมื่อเด็กกระโดดขึ้น-ลง บางยี่ห้อ จะมีโต๊ะติดกับตัวพยุง เพื่อให้เด็กเพลิดเพลินกับของเล่น ในขณะที่ตัวเด็กยังอยู่ในตัวจัมเปอร์ที่ถูกจำกัดบริเวณเอาไว้ ทำให้เกิดความอุ่นใจกับคนดูแลได้เป็นอย่างดี
ฐานด้านล่างออกแบบมาเป็นวงล้อกลมที่มีล้อเลื่อนอยู่โดยรอบ เพื่อรองรับน้ำหนักและช่วยให้เคลื่อนไหวได้ง่ายขึ้น ที่ตัวจัมเปอร์ออกแบบมาเป็นรูปตัวการ์ตูน ตุ๊กตาหรือสัตว์ต่าง ๆ พร้อมเสียงเพลงเพื่อเรียกร้องความสนใจของเด็ก ๆ
จัมเปอร์ ช่วยเสริมสร้างการทรงตัว สำหรับเด็กได้จริงหรือ?
หลังจากที่มีการผลิตเจ้าจัมเปอร์ออกมาจำหน่ายกันอย่างแพร่หลาย เพราะเชื่อว่า ของเล่นชนิดนี้ จะสามารถเสริมสร้างพัฒนาการที่ดีให้กับเด็กได้ โดยเฉพาะการเดิน การยืน การทรงตัว แต่เพียงไม่นาน ก็มีผลวิจัยตามออกมาบอกว่า จัมเปอร์นั้นส่งผลเสียให้กับตัวเด็กมากกว่าผลดี
นั่นเป็นเพราะการพัฒนาที่เราต้องการสำหรับเด็กนั้น คือการทรงตัว และการเดิน แต่จัมเปอร์ กลับกระตุ้นให้เด็กมักจะใช้ปลายเท้าแตะพื้น เพื่อดีดตัวเองให้กระโดดขึ้น และการเคลื่อนไหวตัวที่คาดหวังจะได้จากของเล่นนี้ แทนที่เด็กจะทรงตัวตั้งตรง กลับกลายเป็นการโน้มตัวไปด้านหน้า ซึ่งผิดหลักสรีระ นั่นเอง
แต่หากจะให้บอกว่า จัมเปอร์ ไม่มีประโยชน์อย่างนั้นหรือ ก็ต้องบอกว่าไม่ใช่ซะทีเดียวค่ะ แน่นอนค่ะว่า ของทุกชิ้นที่ถูกคิดค้นออกมา แม้ว่าจะมีข้อเสีย แต่มันก็มีข้อดีไม่แพ้กัน ทั้งนี้ ก็ต้องไปชั่งน้ำหนักเอาเองว่า ระหว่างข้อดี กับข้อเสีย สำหรับอุปกรณ์ชิ้นนี้ กับราคาที่จะต้องจ่ายออกไป มันคุ้มค่ากับคุณหรือไม่ นั่นเองค่ะ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ : 5 คาร์ซีทที่ดีที่สุดสำหรับลูกน้อย พร้อมวิธีเลือกซื้อ
จัมเปอร์ เหมาะสำหรับเด็กอายุเท่าไหร่?
จริง ๆ แล้วก็ไม่ได้มีกฎตายตัวเลยซะทีเดียว ว่าลูกของคุณจะสามารถกระโดดได้ในจัมเปอร์ตั้งแต่อายุเท่าไหร่ หรือเวลาที่แน่ชัดว่าลูกน้อยของคุณพ่อคุณแม่จะสามารถใช้จัมเปอร์ได้ เพราะเด็กแต่ละคน มีความแตกต่างกัน และมีพัฒนาการที่ต่างกัน
โดยทั่วไปแล้ว ลูกน้อยของคุณจะสามารถเริ่มใช้จัมเปอร์ได้เมื่อพวกเขายกศีรษะขึ้นได้เองอย่างมั่นคง ไม่โยกไปข้างใดข้างหนึ่งตลอดเวลา หรือเรียกว่า “คอแข็ง” ส่วนจะเลิกเล่นเมื่อไหร่ ก็ต้องขึ้นอยู่กับเด็กแล้วล่ะค่ะ ว่าหมดความสนใจ กับของเล่นชิ้นนี้ตอนวัยไหน ซึ่งแอดก็ไม่สามารถตอบได้เช่นกัน เอาเป็นว่า ตามใจคนเล่นดีที่สุดค่ะ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ : เรื่องน่ารู้ ของเล่นดนตรี มีประโยชน์อย่างไร ควรเริ่มให้ลูกเล่นได้ตั้งแต่เมื่อไหร่
ข้อดี – ข้อเสีย จัมเปอร์เด็ก
| ข้อดี | ข้อเสีย |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ข้อดี
- สร้างความเพลิดเพลินให้เด็ก และได้ออกกำลังกายอีกด้วย
แน่นอนว่าของเล่นทุกประเภท ประโยชน์ที่มักจะได้รับนั่นก็คือความสนุกสนานเพลิดเพลินสำหรับเด็ก ไม่ว่าของเล่นชิ้นนั้น ๆ จะมีลักษณะใด จะมีประโยชน์หรือไม่ แต่เมื่อเป็นของแปลกใหม่ ก็มักจะได้รับความสนใจจากเด็กอย่างแน่นอน (แต่ไม่ใช่สำหรับเด็กทุกคนนะคะ)
- มีความปลอดภัยไร้กังวล
เนื่องจากลักษณะของจัมเปอร์จะเป็นของเล่นที่ล็อกตัวเด็ก และมีการออกแบบที่ซัพพอร์ตตัว ไม่ให้เกิดการล้ม เอียง หรือเคลื่อนที่ เคลื่อนตำแหน่งไปไหนมาไหนเองได้ นอกจากพื้นที่ที่ถูกกำหนดเอาไว้ จึงสามารถมั่นใจได้ถึงความปลอดภัยที่จะเกิดขึ้นกับตัวเด็ก เมื่อเล่นของเล่นชิ้นนี้
- เด็กสามารถฝึกการใช้เท้าสัมผัสกับพื้นได้โดยตรง
การที่มีจัมเปอร์คอยพยุงตัวเด็ก ทำให้ฝ่าเท้าของเด็กได้ฝึกการสัมผัสโดยตรงกับพื้น ซึ่งเป็นการสร้างความคุ้นเคย เมื่อตัวเด็กเติบโตขึ้น และพร้อมที่จะหัดเดินด้วยตัวเขาเอง
- สร้างความแปลกใหม่ และการเรียนรู้ให้กับเด็ก
เมื่อเปลี่ยนตำแหน่งจากการนอน มาสู่การยืน จะทำให้เด็ก ได้เห็นมุมมองใหม่ ๆ ส่งเสริมให้เด็กมีความกระตือรือร้น อยากที่จะเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ รอบตัว และจัมเปอร์บางรุ่น จะมีโต๊ะกิจกรรม มีตุ๊กตาห้อย มีของเล่นที่มีผิวสัมผัสต่าง ๆ รวมถึงเสียงดนตรี เพื่อสร้างการเรียนรู้ และการพัฒนาร่างกายให้กับตัวเด็ก
บางบ้านนำจัมเปอร์ไปตามสนามหญ้า แล้วให้ลูกไปฝึกกระโดด ฝึกเดิน ในขณะเดียวกัน อาจจะป้อนข้าวนอกสถานที่ด้วยก็ได้ ก็จะทำให้เด็กได้เปลี่ยนบรรยากาศ คุณพ่อคุณแม่ก็ยังได้ผ่อนคลายอีกด้วย
- เป็นการซื้อเวลาให้กับคุณพ่อคุณแม่ในการดูแลลูกน้อย
เนื่องจากเป็นอุปกรณ์ที่มีความปลอดภัยค่อนข้างสูง และถูกจำกัดพื้นที่อย่างชัดเจน ทำให้ช่วงเวลาที่เด็กเล่นอยู่นั้น จะเป็นช่วงเวลาที่คุณพ่อหรือคุณแม่ สามารถไปทำกิจกรรมอื่น ๆ ได้ (แต่ยังคงต้องให้เด็กอยู่ในระยะสายตา) โดยไม่ต้องกังวล
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ : 9 ของเล่นเด็กอันตราย เสี่ยงอุบัติเหตุ พ่อแม่ควรระวัง ป้องกันลูกให้ปลอดภัย
ข้อเสีย
- เด็กจะชินกับการใช้ปลายเท้าสัมผัสพื้นมากกว่ายืนเต็มเท้า
เป็นเรื่องที่มีการถกเถียงกันอย่างมาก เพราะเมื่อเด็กได้เริ่มเล่นจัมเปอร์ สิ่งที่ปรากฏให้เห็นคือ เด็กมักจะใช้เพียงปลายเท้าในการเขย่ง และดีดตัว เพื่อให้เกิดการกระโดด หรือที่เราเรียกว่าจัมเปอร์นั่นเอง ทำให้เป็นสิ่งที่ผู้ปกครองมักจะเป็นกังวลว่า ลูกจะเรียนรู้การเดินจากปลายเท้าหรือไม่ ซึ่งในความเป็นจริงนั้น หากจะเทียบกับลักษณะการกระโดดของผู้ใหญ่ เราเองก็มักจะดีดตัวกระโดด ด้วยการใช้ปลายเท้าเช่นกัน หากไม่ได้มองว่าเป็นการฝึกยืน ฝึกเดิน บางทีข้อเสียนี้ ก็อาจจะกลายเป็นข้อดีก็ได้นะคะ
- ส่งผลต่อพัฒนาการ ด้านการเดิน และทรงตัว
เนื่องจากของเล่นชนิดนี้มีลักษณะของการพยุงตัว การขยับเดินของเด็ก จึงจะเป็นในลักษณะของการโน้มตัวไปด้านหน้า ซึ่งผิดหลักสรีรวิทยาที่จะต้องตั้งตัวตรง ซึ่งอาจจะส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการในการเดินได้ช้ากว่าปกติ
- การกระโดดบ่อยครั้ง และนาน จะมีผลต่อระบบภายในร่างกาย
แน่นอนว่า การกระโดดบ่อยครั้ง และทำต่อเนื่องเป็นเวลานาน อาจจะส่งผลต่อระบบภายในร่างกาย เนื่องจากสภาพร่างกายเด็กนั้น ยังไม่แข็งแรงมากพอ ดังนั้นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่จะต้องคำนึงมากเป็นพิเศษ นั่นก็คือ ระยะเวลาการใช้งาน หรือการเล่น เจ้าเครื่องเล่นนี้ ให้อยู่ในเวลาที่เหมาะสม ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป
- เชื่อว่าจะส่งผลถึงสรีระของเด็ก เช่น ขาโก่ง เป็นต้น
เป็นอีกหนึ่งเรื่องความกังวลใจของผู้ปกครองจำนวนมาก ว่าการเล่นจัมเปอร์อาจจะส่งผลเสียกับสรีระร่างกายของเด็ก เนื่องจากที่นั่งเพื่อการพยุงตัวเด็ก จะบังคับให้ขาของเด็กมีลักษณะโก่ง หากเล่นบ่อย ๆ อาจจะทำให้เด็กคนนั้นมีลักษณะขาโก่งได้ ซึ่งในความเป็นจริง หากเราจัดสรรเวลาในการเล่นให้กับเด็กได้อย่างพอเหมาะ การเล่นจะไม่ส่งผลถึงสรีระของเด็กแต่อย่างใด
- สิ้นเปลืองเงินจากการซื้อ
บางครอบครัวเกิดปัญหาของการซื้อจัมเปอร์มาแล้ว ปรากฏว่าลูกไม่กล้าเล่น หรือกลัวจนไม่ยอมนั่ง สุดท้ายต้องพับเก็บไป โดยไม่เคยได้ใช้งานเลย นับว่าเป็นการสิ้นเปลืองเงิน ที่น่าเจ็บช้ำที่สุด ดังนั้น เมื่อได้เจ้าของเล่นชิ้นใหม่นี้มาแล้ว หลังจากประกอบเสร็จสมบูรณ์ ลองให้ลูกของคุณมอง และสัมผัสภายนอกไปก่อน ให้เขารู้สึกว่าอยากเรียนรู้ด้วยตัวของเขาเอง แล้วค่อยพาเขาเล่น เรียกได้ว่าค่อยเป็นค่อยไป อย่ารีบร้อนจะดีที่สุดค่ะ
ข้อแนะนำ
- การใช้จัมเปอร์นับเป็นการซื้อเวลาอย่างหนึ่งด้วยของเล่น แต่การโอบกอด สัมผัสไออุ่น ก็ยังคงสำคัญกับตัวเด็กค่ะ ดังนั้นอย่าละเลยการกอด การอุ้ม การหอม เพราะของเล่นไม่สามารถแบ่งปันความรู้สึกแบบนี้ให้กับตัวเด็กได้ค่ะ
- ในขณะที่เด็กเล่นจัมเปอร์ คุณอาจจะหาลูกบอล ตุ๊กตา ที่มีเสียง มีผิวสัมผัสที่แตกต่าง มีสีสัน ให้เขาได้จับ ได้เขย่า เพื่อฝึกกล้ามเนื้อมือ และสายตา
- ช่วงเวลาที่เด็กกระโดดเล่นจัมเปอร์ คุณพ่อคุณแม่ อาจจะคอยส่งเสียง พูดคุย โต้ตอบกับเด็ก เมื่อพูดไปก็ควรจะรอเขาโต้ตอบกลับมาด้วยนะคะ
- แม้ว่าของเล่นชิ้นนี้จะมีความปลอดภัยมากแค่ไหนก็ตาม แต่การไม่ละเลยจากตัวเด็ก การดูแลอย่างใกล้ชิด การคอยระมัดระวังภัยจากสิ่งรอบด้าน ก็ยังคงเป็นสิ่งสำคัญอยู่นั่นเอง
เป็นยังไงกันบ้างคะกับเจ้า จัมเปอร์ คุณพ่อคุณแม่คิดว่า ของเล่นชิ้นนี้จะคุ้มค่ากับลูกของคุณหรือไม่ ของเล่นทุกชิ้น ต่างมีข้อดี และข้อเสีย ขึ้นอยู่กับการใช้งาน และการจัดสรรเวลาในการเล่นให้กับลูกน้อยของคุณ หากแต่ความรัก ความห่วงใย การสัมผัส ของคุณพ่อคุณแม่ และคุณลูก นั่นคือของเล่นชิ้นเดียวที่มีแต่ข้อดี แถมยังประหยัดอีกด้วยนะคะ