เร่งคลอด เจ็บไหม ต่างจากคลอดธรรมชาติไหม

undefined

การเร่งคลอด หมายถึง การกระตุ้นให้มดลูกหดรัดตัวเพื่อเร่งให้เกิดการคลอด โดยแพทย์จะพิจารณาเร่งคลอดในกรณีที่เกินกำหนดคลอด หรือมีภาวะแทรกซ้อนที่จำเป็นต้องคลอดก่อนกำหนด

เร่งคลอด เจ็บไหม !? การเร่งคลอด เป็นกระบวนการที่แพทย์ใช้ในการกระตุ้นให้มดลูกบีบตัวเพื่อให้เกิดการคลอด โดยอาจมีการใช้ยา หรือวิธีการทางการแพทย์อื่นๆ เข้ามาช่วย ซึ่งคุณแม่ตั้งครรภ์หลายคนสงสัยว่า การเร่งคลอดจะเจ็บมากกว่าการคลอดธรรมชาติหรือไม่ และมีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง theAsianparent มีข้อมูลเบื้องต้นมาให้ทราบกันค่ะ

เร่งคลอด เจ็บไหม การเร่งคลอด คืออะไร  

การเร่งคลอด หรือ การกระตุ้นคลอด (Induction of labor) คือการทำให้เกิดการเจ็บครรภ์คลอด โดยทำให้มดลูกเกิดการหดรัดตัวหรือทำให้ปากมดลูกนุ่ม ซึ่งการเร่งคลอดจะทำในขณะที่คุณแม่ยังไม่มีอาการการเจ็บครรภ์คลอดเกิดขึ้นตามธรรมชาติ ส่วนใหญ่การเร่งคลอดจะทำในกรณีมีข้อบ่งชี้ และต้องอยู่ในดุลพินิจจากสูตินรีแพทย์เท่านั้น

เร่งคลอด เจ็บไหม การเร่งคลอด เมื่อใดที่จำเป็นต้องทำ

การเร่งคลอด หรือการกระตุ้นให้เกิดการคลอดตามธรรมชาติ โดยทั่วไปจะทำภายใต้การดูแลของแพทย์เฉพาะทาง คุณแม่ตั้งครรภ์หลายท่านอาจสงสัยว่าเหตุใดจึงต้องมีการเร่งคลอด สำหรับการกระตุ้นการคลอดแพทย์จะพิจารณาการเร่งคลอดเมื่อมีปัจจัยเสี่ยงหรือภาวะแทรกซ้อนบางอย่างที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของคุณแม่หรือทารกในครรภ์ ดังนี้

  • อายุครรภ์เกินกำหนด: หากครรภ์เลยกำหนดคลอดมาเกิน 41 สัปดาห์แล้ว แต่ยังไม่มีสัญญาณของการคลอด แพทย์อาจพิจารณาเร่งคลอดเพื่อลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นกับทารก เช่น น้ำหนักตัวน้อยเกินไป หรือรกเสื่อม
  • รกทำงานผิดปกติ: หากรกไม่สามารถส่งผ่านสารอาหารและออกซิเจนไปยังทารกได้อย่างเพียงพอ อาจทำให้ทารกเจริญเติบโตช้า หรือมีน้ำหนักตัวน้อยกว่าเกณฑ์ การเร่งคลอดจึงเป็นทางเลือกหนึ่งเพื่อให้ทารกได้ออกมาสู่สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกว่า
  • ภาวะสุขภาพของมารดา: หากคุณแม่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง หรือภาวะครรภ์เป็นพิษ แพทย์อาจแนะนำให้เร่งคลอดเพื่อควบคุมภาวะแทรกซ้อนและป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับทั้งแม่และลูก
  • ถุงน้ำคร่ำแตกแต่ไม่เจ็บท้อง: หากถุงน้ำคร่ำแตกแล้ว แต่มดลูกยังไม่หดรัดตัวเพื่อเริ่มการคลอด อาจมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อในช่องคลอดได้ การเร่งคลอดจึงเป็นวิธีการหนึ่งในการป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น
  • ตั้งครรภ์แฝด: การตั้งครรภ์แฝดมักมีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนมากกว่าการตั้งครรภ์เดี่ยว การเร่งคลอดจึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่แพทย์อาจพิจารณาเพื่อความปลอดภัยของทั้งแม่และลูก
  • ทารกเสียชีวิตในครรภ์: หากทารกเสียชีวิตในครรภ์ แพทย์จะต้องทำการคลอดเพื่อนำทารกออกมา

เร่งคลอด เจ็บไหม ต่างจากคลอดธรรมไหม

เร่งคลอด เจ็บไหม ต่างจากคลอดธรรมชาติไหม

ความเจ็บปวดจากการเร่งคลอดนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น วิธีการเร่งคลอดที่ใช้ สภาพร่างกายของคุณแม่ และความทนต่อความเจ็บปวดของแต่ละบุคคล โดยทั่วไปแล้ว การเร่งคลอดอาจทำให้รู้สึกเจ็บปวดมากกว่าการคลอดธรรมชาติที่เริ่มต้นเองตามธรรมชาติ เนื่องจากมดลูกจะบีบตัวแรงขึ้นและถี่ขึ้นกว่าปกติ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีวิธีการบรรเทาความเจ็บปวดระหว่างการเร่งคลอดหลายวิธี เช่น การใช้ยาชาเฉพาะที่ การบล็อกหลัง หรือการใช้วิธีผ่อนคลายต่างๆ ซึ่งแพทย์จะพิจารณาเลือกวิธีที่เหมาะสมกับคุณแม่ตั้งครรภ์แต่ละท่าน

ข้อแตกต่าง การเร่งคลอด การคลอดธรรมขาติ­­­­
การเริ่มต้น เริ่มต้นโดยการกระตุ้นของแพทย์ เริ่มต้นเองตามธรรมชาติ
ความถี่ของการหดตัวของมดลูก บีบตัวแรงและถี่ขึ้น บีบตัวค่อยเป็นค่อยไป
ความเจ็บปวด อาจเจ็บปวดมากกว่า ความเจ็บปวดอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล
การแทรกแซง มีการใช้ยาหรือวิธีการทางการแพทย์ ไม่จำเป็นต้องมีการแทรกแซงทางการแพทย์

 

ผลข้างเคียงที่คุณแม่ควรรู้ เมื่อต้องใช้ยาเร่งคลอด

การใช้ยาเร่งคลอดเป็นวิธีการหนึ่งที่แพทย์ใช้ในการกระตุ้นให้เกิดการคลอดในกรณีที่จำเป็น แต่เช่นเดียวกับยาชนิดอื่นๆ การใช้ยาเร่งคลอดก็อาจมีผลข้างเคียงตามมาได้ ซึ่งคุณแม่ตั้งครรภ์ควรทำความเข้าใจเพื่อเตรียมตัวพร้อมรับมือค่ะ

  1. อาการปวดท้อง: เป็นผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยที่สุด เนื่องจากยาเร่งคลอดจะไปกระตุ้นให้มดลูกบีบตัวมากขึ้นเพื่อให้เกิดการคลอด คุณแม่หลายท่านอาจรู้สึกปวดท้องมากขึ้นกว่าการเจ็บครรภ์ตามธรรมชาติ แต่แพทย์มักจะให้ยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการ
  2. คลื่นไส้: อาการคลื่นไส้เป็นผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้จากการใช้ยาบางชนิด
  3. อาเจียน: อาการอาเจียนอาจตามมาหลังจากคลื่นไส้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากร่างกายไม่สามารถปรับตัวกับยาได้ดี
  4. หัวใจเต้นเร็วหรือเต้นช้า: ยาบางชนิดอาจส่งผลต่ออัตราการเต้นของหัวใจ
  5. ความดันโลหิตสูงหรือต่ำ: การเปลี่ยนแปลงของความดันโลหิตอาจเกิดขึ้นได้
  6. ภาวะมดลูกบีบตัวมากเกินไป: อาจส่งผลกระทบต่อการไหลเวียนเลือดของทารก
  7. อาการแพ้ยา: อาการแพ้ยาอาจเกิดขึ้นได้ในบางราย ซึ่งอาจแสดงอาการได้หลากหลาย เช่น ผื่นคัน หายใจลำบาก บวม

สิ่งที่คุณแม่ควรทำ หากมีการพิจารณาให้ใช้ยาเร่งคลอด

  1. แจ้งประวัติอาการแพ้ยา: บอกให้แพทย์ทราบถึงประวัติการแพ้ยาต่างๆ ที่เคยมีมาก่อน
  2. สังเกตอาการตนเอง: หลังจากได้รับยาเร่งคลอด คุณแม่ควรสังเกตอาการของตนเองอย่างใกล้ชิด หากมีอาการผิดปกติใดๆ ควรรีบแจ้งให้แพทย์หรือพยาบาลทราบทันที

เร่งคลอด เจ็บไหม ต่างจากคลอดธรรมไหม

การดูแลตัวเองหลังคลอดเบื้องต้น

หลังคลอดเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายของคุณแม่ต้องฟื้นฟูตัวเองหลังจากผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ การดูแลตัวเองอย่างถูกวิธีหลังคลอดจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้คุณแม่สามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วและมีสุขภาพที่ดี พร้อมที่จะดูแลลูกน้อยได้อย่างเต็มที่

  • พักผ่อนให้เพียงพอ: การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะร่างกายต้องการเวลาในการฟื้นตัว
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์: ควรรับประทานอาหารที่มีโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุครบถ้วน เพื่อบำรุงร่างกายและเพิ่มการผลิตน้ำนม
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ: การดื่มน้ำช่วยให้ร่างกายขับของเสียและช่วยในการผลิตน้ำนม
  • ดูแลแผล: หากมีแผลจากการคลอดทั้งคลอดธรรมชาติ หรือแผลผ่าคลอด ควรทำความสะอาดและดูแลแผลตามคำแนะนำของแพทย์
  • ออกกำลังกายเบาๆ: หลังจากได้รับอนุญาตจากแพทย์แล้ว ควรออกกำลังกายเบาๆ เช่น เดิน หรือทำโยคะ เพื่อช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต

การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ทันทีหลังคลอด

คุณแม่หลายท่านคงเคยได้ยินคำแนะนำให้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ทันทีภายใน 1 ชั่วโมงแรกหลังคลอด แต่ทำไมต้องรีบขนาดนั้น? และการเริ่มต้นให้นมลูกเร็วขนาดนี้ มีประโยชน์อย่างไรบ้าง?

  1. กระตุ้นการผลิตน้ำนม: การดูดนมของลูกน้อยจะกระตุ้นให้ร่างกายแม่ผลิตฮอร์โมนโปรแลคติน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยในการสร้างน้ำนม ทำให้น้ำนมมีปริมาณมากขึ้น
  2. สร้างสายสัมพันธ์แม่ลูก: การสัมผัสผิวหนังแนบชิดระหว่างแม่และลูกในขณะให้นมแม่ ช่วยสร้างความผูกพันและความไว้วางใจระหว่างแม่และลูกน้อยตั้งแต่แรกเกิด
  3. ป้องกันการติดเชื้อ: โรคติดเชื้อต่างๆ เช่น ท้องเสีย ปอดอักเสบ และการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ เป็นภัยคุกคามต่อทารกแรกเกิด การให้นมแม่จะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้กับลูกน้อย ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเหล่านี้ได้
  4. ส่งเสริมพัฒนาการของสมอง: น้ำนมแม่มีสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของสมอง ช่วยให้ลูกน้อยมีพัฒนาการทางด้านสติปัญญาที่ดี
  5. ง่ายต่อการย่อย: น้ำนมแม่มีส่วนประกอบที่ย่อยง่าย เหมาะสำหรับระบบย่อยอาหารของทารกแรกเกิด ช่วยลดปัญหาท้องอืด ท้องเฟ้อ และอาการท้องผูก

เคล็ดลับสู่ความสำเร็จในการให้นมลูก

การให้นมลูกเป็นช่วงเวลาพิเศษที่สร้างความผูกพันระหว่างแม่และลูก แต่ก็อาจเป็นช่วงเวลาที่ท้าทายสำหรับคุณแม่มือใหม่หลายคนเช่นกัน หากคุณต้องการให้นมลูกอย่างราบรื่นและประสบความสำเร็จ ลองนำเคล็ดลับเหล่านี้ไปปรับใช้ดูนะคะ

  1. ดูดเร็ว ดูดบ่อย ดูดถูกวิธี

  • ดูดเร็ว: หลังคลอดให้ลูกดูดนมแม่โดยเร็วที่สุดภายใน 1 ชั่วโมงแรก จะช่วยกระตุ้นการผลิตน้ำนมได้ดี
  • ดูดบ่อย: ให้ลูกดูดนมตามความต้องการ ไม่ต้องกังวลเรื่องเวลาตายตัว การดูดบ่อยจะช่วยให้มีน้ำนมเพียงพอ
  • ดูดถูกวิธี: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าลูกอมหัวนมและลานนมได้ลึกพอ เหงือกจะกดลงบนลานนม และลิ้นจะเคลื่อนไหวเพื่อรีดน้ำนมออกมา
  1. ท่าอุ้มที่ถูกต้อง

การอุ้มลูกให้ถูกท่าจะช่วยให้ลูกดูดนมได้สะดวกและลดอาการเจ็บหัวนมของแม่ได้ ท่าอุ้มที่นิยมคือ ท่าตะแคงตัวลูกเข้าหาตัวแม่ โดยให้ศีรษะและลำตัวของลูกอยู่ในแนวเดียวกัน

  1. แม่ไม่เครียด

ความเครียดเป็นศัตรูตัวร้ายของการผลิตน้ำนม การพักผ่อนให้เพียงพอ ทำกิจกรรมที่ผ่อนคลาย และหาเวลาทำอะไรที่ตัวเองชอบ จะช่วยให้คุณแม่รู้สึกผ่อนคลายและมีน้ำนมให้ลูกได้อย่างเพียงพอ

  1. แม่กินอาหารครบ 3 มื้อ

การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และครบ 5 หมู่ จะช่วยให้ร่างกายของคุณแม่แข็งแรงและมีพลังงานในการผลิตน้ำนม รวมถึงช่วยให้มีน้ำนมที่มีคุณค่าทางอาหารสูง

  1. แม่ต้องดื่มน้ำวันละ 8-10 แก้ว

การดื่มน้ำให้เพียงพอจะช่วยให้ร่างกายมีน้ำนมผลิตออกมาได้อย่างต่อเนื่อง

  1. รู้จักวิธีการบีบเก็บน้ำนม

การบีบเก็บน้ำนม หรือการปั๊มนม จะช่วยให้ลูกได้กินนมแม่ต่อไป เช่น เมื่อลูกป่วยหรือคุณแม่ต้องกลับไปทำงาน

การเร่งคลอดเป็นวิธีการที่ใช้เพื่อกระตุ้นให้เกิดการคลอดในกรณีที่จำเป็น และต้องอยู่ในดุลพินิจจากแพทย์เท่านั้น ที่สำคัญการเร่งคลอดไม่ได้หมายความว่าจะเจ็บปวดมากกว่าการคลอดธรรมชาติเสมอไป ความเจ็บปวดในการคลอดแต่ละคนนั้นแตกต่างกันไป หากคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการเร่งคลอด ควรปรึกษาสูตินรีแพทย์ที่ดูแลครรภ์เพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมอีกครั้งค่ะ

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ยาไตรเฟอร์ดีน คนท้อง กินตอนไหน กินแล้วอาเจียน ไม่กินได้ไหม

4 ท่าที่ทำให้ ปากมดลูกเปิดเร็ว รวมเคล็ดลับ คลอดธรรมชาติ คลอดง่าย

จะรู้ได้ไงว่าสายสะดือพันคอลูก มีวิธีแก้หรือไม่ ลูกจะปลอดภัยไหม

 

อ้างอิง:

Induction of labor : การชักนำการคลอด, คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ https://w1.med.cmu.ac.th/obgyn/lecturestopics/topic-review/2982/#:~:text=การชักนำการคลอดหรือ,มากกว่าให้ดำเนินการตั้ง

ยาเร่งคลอด ใช้ในกรณีใด มีผลข้างเคียงหรือไม่, Helloคุณหมอ https://hellokhunmor.com/การตั้งครรภ์/ระหว่างตั้งครรภ์/ปัญหาระหว่างการตั้งครรภ์/ยาเร่งคลอด-กรณีที่ใช้ยา-ผลข้างเคียง/

เตรียมพร้อม… คุณแม่ใกล้คลอดแบบธรรมชาติ, โรงพยาบาล BNH https://www.bnhhospital.com/th/natural-birth-delivery

การปฏิบัติตัวของคุณแม่หลังคลอด, โรงพยาบาลกรุงเทพ https://www.bangkokhospital.com/content/practice-after-birth

แนะคุณแม่มือใหม่! เทคนิคการเลี้ยงลูกด้วยน้ำนมแม่แบบถูกวิธี, โรงพยาบาลพญาไท https://www.phyathai.com/th/article/2630-แนะคุณแม่มือใหม่__เทคนิ

เทคนิคจัดการน้ำนมแม่ ให้ลูกอิ่มหนำสำราญ, โรงพยาบาลเวชธานี https://www.vejthani.com/th/2018/01/เทคนิคจัดการน้ำนมแม่/#:~:text=นวดเต้านม%20ช่วยให้น้ำนมไหลดี&text=ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่น,ออกมาได้ง่ายขึ้น

 

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!