ความสุขของคนเป็นแม่
ผู้หญิงพอขึ้นชื่อว่าได้เป็นแม่คนแล้ว จะยอมทำทุกอย่างเพื่อลูก ทำอะไรก็จะคิดถึงลูกอันดับแรก ในวันที่ผู้หญิงตั้งครรภ์ก็มีความสุขแล้ว แต่พอลูกคลอดออกมาความสุขนั้นกลับมีมากกว่าเป็นหลายเท่าตัวจนไม่สามารถบรรยายได้ การเฝ้าดูลูกเติบโตไปในทุกๆ วัน แค่นี้ก็เรียกได้ว่า ความสุขของคนเป็นแม่ แล้ว
1.มีเวลาได้กุ๊กกิ๊กกับสามีบ้าง
คุณแม่ส่วนมากตั้งแต่ช่วงตั้งท้อง จนลูกคลอดอาจเตรียมใจไว้ล่วงหน้าว่าต้องงดมีช่วงเวลากุ๊กกิ๊กหวานแหววกับคุณพ่อไปโดยปริยายเพราะเวลาทั้งหมดเราจะเทมาให้ลูก แต่ก็ยังมีเด็กบางคนที่จะเริ่มเข้านอนเป็นเวลา นอนไวและนอนนาน ตั้งแต่ช่วง 4 เดือน โดยเฉพาะเมื่อเริ่มเข้าวัย 1 ขวบ พอถึงช่วงหัวค่ำก็จะเริ่มง่วงนอน แค่เล่านิทานให้ฟังหรือร้องเพลงกล่อมนิดหน่อยก็หลับยาวไปจนถึงเช้า หลังจากนี้ก็เป็นช่วงเวลาโบนัสที่คุณพ่อคุณแม่จะได้นั่งกินข้าวเย็นด้วยกัน ดูหนังเรื่องโปรด หรือกุ๊กกิ๊กกันได้เต็มที่เกือบเหมือนสมัยปิ๊งกันใหม่เปี๊ยบ
2.ลูกอ่อนก็เที่ยวได้
รู้หรือไม่ในบางประเทศทารกอายุต่ำว่า 2 ขวบเดินทางโดยเครื่องบินได้ฟรี แต่สำหรับการบินในประเทศไทยเด็กอายุต่ำกว่า 2 ขวบเสียค่าตั๋วเครื่องบินเพียง 535 บาทต่อคน รวมภาษี ส่วนเที่ยวบินระหว่างประเทศก็จ่ายเพียง 1,000 บาท ต่อคนต่อเที่ยวบิน ถ้าอยากพาลูกอ่อนไปเที่ยวก็ทำได้ อาจต้องเตรียมตัวมากกว่าเดิมเล็กน้อย ยุ่งเหยิงมากหน่อย แต่ประสบการณ์และความทรงจำที่ครอบครัวเราจะได้จากการเดินทางออกไปท่องโลกกว้างนั้นสวยงามและน่าจดจำจนลืมไม่ลงอย่างแน่นอน
3.ร่างกายแม่หลังคลอดฟื้นตัวเร็วกว่าที่คิด
ความพังของเรือนร่างหลังคลอดที่ได้ยิน ได้ฟังจากผู้มีประสบการณ์ และได้เห็นมากับตามทำให้มนุษย์แม่ทั้งหลายเตรียมใจว่าหลังคลอดหุ่นจะเยินและพังมาก แต่ทราบไหมคะว่าการเอาลูกเข้าเต้า เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ช่วยเซฟร่างแม่ได้ดีกว่าที่คิด และยังช่วยให้มดลูกเข้าอู่ไว กระตุ้นระบบเผาผลาญจากการที่ต้องผลิตน้ำนมให้ลูก ทำให้หุ่นมนุษย์แม่หลังคลอดกลับมาเป๊ะปังได้ในเวลาไม่นาน และยังรู้สึกว่าร่างกายฟื้นตัวเร็วขึ้น แข็งแรงกว่าแต่ก่อนด้วย
4.มนุษย์แม่รวมพลัง
คุณแม่หลายคนอาจไม่เคยคิดว่าการรวมพลังของมนุษย์แม่ที่คลอดลูกในเวลาใกล้เคียงกัน มีลูกวัยไล่เลี่ยกันเป็นสิ่งวิเศษ ทรงคุณค่าและเปี่ยมไปด้วยพลัง แต่ถ้าลองเปิดใจคุณแม่อาจได้เพื่อนใหม่แสนดี ที่มีลูกวัยใกล้เคียงกันไว้คอยบ่น คอยขอคำปรึกษา แลกเปลี่ยนความคิดเห็น หรือแม้กระทั้งให้กำลังใจซึ่งกันและกันได้เป็นอย่างดี ก็ใครจะมาเข้าใจหัวอกและความเหน็ดเหนื่อยของมนุษย์แม่ที่ต้องดูแลลูกอ่อนได้เท่าดีกับคนที่กำลังเผชิญเรื่องราวทำนองเดียวกันอยู่จริงไหมคะ
5.กระเป๋าใส่ผ้าอ้อมไม่ต้องมีก็ได้
ความเห่อลูก ทำให้คุณแม่เตรียมข้าวของเครื่องใช้ไว้รับขวัญลูกตั้งแต่อยู่ในท้อง ต้องจัดอุปกรณ์ให้ครบ นั่นก็ต้องมี นี่ก็จำเป็น โดยเฉพาะสารพัดกระเป๋า ทั้งกระเป๋ารักษาอุณหภูมิสำหรับใส่ขวดนม กระเป๋าสำหรับใส่ผ้าอ้อม เป็นต้น จริงอยู่ที่ของเหล่านี้อาจจำเป็นสำหรับบางครอบครัว แต่สำหรับบางครอบครัวกระเป๋าใบโต ใบเดิมของคุณแม่ก็เพียงพอแก่การบรรจุสรรพสิ่งของใช้จำเป็นสำหรับลูกน้อยได้ครบจบในใบเดียว ไม่ต้องซื้อกระเป๋าหลายให้สินเปลืองก็ได้ค่ะ
6.ตื่นเช้าขึ้น
บางคนจากที่เคยเข้านอนดึก ตื่นสาย พอมีลูกก็กลายมาเป็นคนตื่นเช้าไปด้วย ทำให้ได้ดื่มด่ำกับช่วงเวลาแสนสบายยามเช้า และทำให้ได้รู้ว่าเริ่มวันใหม่แต่เช้าก่อนใครนั้นดีอย่างไร และทำให้เรามีเวลาเหลือทำสิ่งอื่นๆได้มากขึ้นด้วย
7.ตำราการเลี้ยงลูกอาจไม่ใช่สิ่งจำเป็น
ไม่ว่าคุณจะอ่านตำราการเลี้ยงลูก หรือคู่มือสำหรับพ่อแม่มือใหม่เป็น 10 เล่มก็ดูเหมือนไม่เคยรู้มากพอที่จะรับมือกับลูกน้อย ยังคงมีความท้าทายในการเลี้ยงลูกแบบใหม่ๆเกิดขึ้นมากมายนอกตำรา กับคุณอย่างสม่ำเสมอ ดังนั้นการอ่านตำราเลี้ยงลูก จะทำให้คุณแม่เห็นภาพกว้างๆโดยรวมเท่านั้น แต่ถ้าเป็นเรื่องรายละเอียดเชิงลึก บอกเลยว่าเราต้องแก้ไขเอาตามสถานการณ์เฉพาะหน้าค่ะ
เพราะการเลี้ยงลูกไม่อาจทำได้แบบแผนที่ตายตัว ตราบเท่าที่คุณแม่มีอ้อมกอดที่อบอุ่น ความรักที่ร้นปรี่และความต้องการปกป้องลูกน้อยให้ปลอดภัย ตราบนั้นอุปสรรค์ต่างๆที่เกิดขึ้นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร คุณแม่และคุณลูกต้องผ่านไปได้อย่างงดงาม และเรื่องราวสุดเซอร์ไพรส์สำหรับมนุษย์แม่ก็ไม่มีวันจบสิ้นง่ายๆแน่นนอนค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก www.thebump.com
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ:
อิทธิพลของพ่อที่มีต่อลูกสาว พ่อเลี้ยงลูกสาว ต้องสอนอย่างไร กลัวลูกโตไปแล้วห่างพ่อ
6 ช่วงเวลาคุณภาพที่คุณแม่ควรถอย และปล่อยให้คุณพ่อจัดการกับลูกน้อยตามลำพัง
ลาออกมาเลี้ยงลูกดีไหม หรือว่าให้ปู่ย่าตายายเลี้ยงให้ดี เลือกแบบไหนดีกว่ากัน