สำหรับคุณพ่อที่มีลูกสาว คุณมีเวลาแสดงความรักกับลูกสาวตัวน้อยของคุณเพียงได้ไม่กี่ปี วันหนึ่งถ้า ลูกโตเป็นสาว ระยะห่างระหว่างคุณพ่อกับลูกสาวอาจจะมีมากขึ้น ทั้ง ๆ ที่ความรักของพ่อที่มีต่อลูกไม่ได้ลดน้อยลงไปเลย บรรดาคุณพ่อจะมีวิธีจัดการแบบเฉพาะของตัวเองในการที่จะดูแลลูกสาวอย่างไรกันนะ
ถ้าวันหนึ่ง ลูกโตเป็นสาว จะวางตัวยังไงดีแบบไม่ให้รู้สึกห่างเหิน
เมื่อสาวน้อยในอ้อมกอดของคุณพ่อเริ่มค่อย ๆ โตขึ้น คุณพ่อส่วนใหญ่มักเกิดอาการเคอะเขิน เริ่มไม่กล้ากอด หอม หรือนอนอ่านหนังสือใกล้ชิดกับลูกสาว การวางตัวไม่ถูกจึงกลายเป็นช่องว่างที่ทำให้ค่อย ๆ ห่างเหินกับลูกสาวไปได้
ศ.ดร.นพ.วิทยา นาควัชระ จิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านครอบครัว สถาบันพัฒนาตนเองและนักบริหาร คลินิกสุขภาพจิต ได้กล่าวถึงข้อจำกัดการแสดงความรักระหว่างพ่อกับลูกสาวในวัยที่กำลังแตกเนื้อสาว “สำหรับเด็กผู้หญิงที่กำลังเริ่มโต ฮอร์โมนทางเพศของลูกค่อย ๆ มีมากขึ้นตามไปด้วย รวมถึงของคุณพ่อเอง ดังนั้นการแตะตัวลูกหรือการอยู่ด้วยกันตามลำพังจึงต้องระวัง และวางตัวให้เหมาะสม” เพราะเมื่อลูกยิ่งโตเป็นสาวขึ้นการแสดงความรักด้วยการกอด หอม หรือสัมผัสมากไป อาจเป็นอันตรายทางความรู้สึกระหว่างพ่อกับลูกสาวได้ โดยแนวโน้มจะมีมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับจิตสำนึกของคุณพ่อแต่ละคน
ด้วยข้อจำกัดนี้เองที่ทำให้คนเป็นพ่อวางตัวไม่ถูก หรือจะแสดงความรักกับลูกอย่างไรให้เหมาะสมกับวัยลูกสาว คุณหมอได้แนะแนวทางว่า คุณพ่อสามารถให้ความรักกับลูกสาวในแบบที่เป็นผู้ใหญ่แทนได้ ด้วยการเฝ้าดูลูกด้วยความรัก ความห่วงใย แสดงออกด้วยการพูดคุย ชมเชย และการลูบศีรษะเบา ๆ ตอบสนองถึงความสนใจ เป็นที่ปรึกษาที่ดี มองลูกสาวในมุมบวก ก็ไม่ทำให้ลูกรู้สึกว่าห่างเหินและทำให้ลูกรับรู้ถึงความรักที่คุณพ่อมีให้ได้ ซึ่งความรักที่ลูกสาวได้รับจากพ่อนั้นจะเป็นอิทธิพลต่อลูกสาว ช่วยในการหล่อหลอมความคิดให้มีความเข้มแข็งขึ้น
สำหรับคุณแม่ที่ใกล้ชิดกับลูกสาวมากที่สุดนั้นมีบทบาทสำคัญที่จะมาช่วยในเรื่องนี้ได้ ด้วยการสอนลูกสาวให้รู้จักวางตัวกับคุณพ่ออย่างเหมาะสม สอนการแสดงความรักกับคุณพ่อให้เหมาะสมในแต่ละวัย และอธิบายให้เข้าใจในเรื่องที่คุณพ่อเริ่มไม่เข้ามากอดหรือใกล้ชิดกันเหมือนในตอนเล็ก ๆ โดยในสถานการณ์นี้ จะทำให้ลูกยังคงเข้าใจความรักจากคุณพ่อและรู้จักวางตัวเองให้เหมาะสมมากขึ้น ไม่ทำให้เกิดความรู้สึกห่างเหินระหว่างพ่อกับลูกสาวกันไปเมื่อลูกเริ่มโตขึ้นค่ะ.
วิธีแสดงออกของพ่อ ทำอย่างไรได้บ้าง ให้ลูกสาวรู้ ว่าพ่อรัก
สำหรับคุณพ่อบางท่านอาจจะคิดว่า วิธีแสดงออกของพ่อ เป็นเรื่องที่น่าเขินหรือเปล่า คุณพ่ออาจจะมีเวลาแสดงความรักกับลูกสาวตัวน้อยของคุณเพียงได้ไม่กี่ปี พอลูกเริ่มโตเป็นวัยรุ่น ระยะห่างระหว่างคุณพ่อกับลูกสาวอาจจะมีมากขึ้น ทั้ง ๆ ที่ความรักของพ่อที่มีต่อลูกไม่ได้ลดน้อยลงไปเลย บรรดาคุณพ่อจะมีวิธีจัดการแบบเฉพาะของตัวเองในการที่จะดูแลลูกสาวอย่างไรกันนะ และนี่คือแนวทางน่ารัก ๆ ที่คุณพ่อสามารถแสดงออกให้เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ รู้ว่ารักที่สุดในโลก
#1 กู๊ดบายคิสและกอดลูกเสมอ ๆ
แค่เวลาไม่กี่นาทีกอดและจูบลานางฟ้าตัวน้อย ๆ จะเข้านอน ก็ทำให้ลูกรู้สึกดีกับคุณพ่อได้แล้วล่ะ
#2 เป็นยักษ์ใหญ่ของลูก
ไม่สำคัญเลยว่าคุณพ่อจะมีรูปร่างแบบไหน แต่นางฟ้าของคุณจะมองคุณยักษ์ใหญ่เสมอ ที่เธอจะได้ขี่คอหรือถูกเหวี่ยงขึ้นไปบนอากาศ สาวน้อยรู้ว่าเธอต้องมองหาใครยามที่เธอต้องการเล่นอะไรที่มันผาดโผน
#3 คอยหวงเจ้าหญิงน้อยเหมือนอย่างกับแฟนคนแรก
ไม่ว่าลูกจะเติบโตขึ้นขนาดไหน แต่สำหรับพ่อก็ยังคงเห็นเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่ต้องคอยหวงราวกับไข่ในหิน
#4 เข้าใจลูกได้โดยไม่ต้องใช้เหตุผลใดหรือความคิดใด ๆ
การเลี้ยงลูกของคุณแม่อาจจะใช้เหตุและผลเป็นหลัก แต่สำหรับพ่อแล้วเรื่องบางเรื่องกับเข้าใจลูกง่าย ๆ โดยไม่ต้องหาเหตุผลมารองรับ เช่น เข้าใจว่าทำไมลูกสาวถึงเหวี่ยงวีนกับผ้าเช็ดตัวที่เปียก โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีคำพูดใด อีกทั้งยังมีความชอบในสิ่งเดียวกัน เช่น อาหารการกิน ฯลฯ จินตนาการเล็ก ๆ ระหว่างพ่อกับลูกสาวที่เชื่อมถึงกัน จะทำให้พ่อลูกกลายเป็นเพื่อนรักกันไปตลอดชีวิต
#5 พ่อไม่เคยลงโทษ
เมื่อเกิดปัญหาขึ้นหรือเมื่อลูกต้องการใครซักคน เด็กน้อยจะรู้ว่าการเดินเข้าหาพ่อนั้นทำได้โดยไม่ต้องกลัวการลงโทษหรือคำดุด่าว่ากล่าว แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าพ่อจะไม่ตักเตือนหรือให้คำแนะนำอะไร เพียงแต่พ่อค่อนข้างจะพูดน้อยมากกว่าแม่เท่านั้น
#6 ยอมให้ลูกสาวตัวน้อยทำตัวเหมือนเป็นแม่
บ่อยครั้งที่ลูกสาวก็มักจะทำตัวเป็นแม่ของพ่อด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะเรื่องความจู้จี้ขี้บ่น ถ้าลูกสาวตัวน้อยของคุณทำตัวเป็นแม่เมื่อไหร่เธอก็จะใหญ่กว่าพ่อเสมอ ซึ่งคุณจะรู้สึกได้ว่าเป็นช่วงเวลาหนึ่งที่น่าขบขัน และน่ารักมาก ๆ
#7 พ่อจะเป็นอัศวินขี่ม้าขาวที่คอยมาช่วยเสมอ
ยามเมื่อลูกสาวตัวน้อยเกิดอยู่ในภัยอันตราย คุณพ่อจะปรากฏกายเข้าไปช่วยเธอเป็นคนแรกเสมอ ยามเมือเธอฝันร้าย พ่อจะเป็นคนหนึ่งที่มาปลอบโยนให้ลูกกลับมานอนหลับได้อีกครั้ง ยามเมื่อเธอต้องการกินไอศกรีม พ่อก็จะหามาให้ ไม่สำคัญว่าลูกต้องการอะไร เพราะไม่มีสิ่งใดที่จะมาหยุดคุณพ่อให้หามาให้ลูกได้ ไม่ว่ามันจะยากลำบากขนาดไหน
ใช่ว่าคุณพ่อจะรับบทเป็นอัศวินขี่ม้าขาวให้ลูกสาวอย่างเดียวเท่านั้น แต่ในบ้านคุณพ่อยังเป็นผู้พิทักษ์ให้กับผู้หญิงถึงสองคนที่เขารักด้วย เห็นไหมคะว่าหน้าที่ของพ่อแม่แต่ละคนมีบทบาทเช่นกัน ถึงบางคนจะเหนื่อยน้อยเหนื่อยมาก แต่ก็ยังถือว่ามีส่วนร่วมในการช่วยเลี้ยงลูกเหมือนกัน ซึ่งนั้นก็จะช่วยทำให้ลูกสาวรู้คุณค่าของคุณพ่อด้วยเช่นกัน
เราอาจสงสัย ว่าทำไมพ่อจึงมีอิทธิพลต่อลูกสาวนัก ?
เนื่องจากพ่อเป็นผู้ชายคนแรกที่ลูกสาวรู้จัก เป็นตัวอย่างแรกของความเข้มแข็ง เป็นตัวอย่างแรกของความเป็นลูกผู้ชาย อาจจะไม่อ่อนหวาน หรือ อ่อนโยนเหมือนแม่ แต่การมีพ่ออยู่ใกล้ ๆ มันให้ความรู้สึกอุ่นใจกึ่งภูมิใจ ภูมิใจอะไรยังไงก็ตอบไม่ถูก แต่รู้สึกอุ่นใจที่มีผู้ชายสูง ๆ (อย่างน้อยก็สูงกว่าลูกสาว) คอยอุ้มหรือเข็นรถให้
จอห์น ไซเนอร์ ได้กล่าวไว้ว่า
“It is admirable for a man to take his son fishing, but there is a special place in heaven for the father who takes his daughter shopping.”
เป็นเรื่องน่าชื่นชมสำหรับการที่พ่อกับลูกชายออกไปตกปลากัน แต่มีที่พิเศษสุดบนสรวงสวรรค์สำหรับพ่อที่พาลูกสาวออกไปช้อปปิ้งซื้อของ
อยู่กับพ่อแล้วสนุก ได้แหกกฎบ้าง ได้ทำอะไรที่แม่มักจะห้ามบ้าง เช่น ถ้าแม่ไม่อยู่ เดี๋ยวพ่อจะรินเป๊ปซี่ให้ เดี๋ยวจะตื่นสายได้โดยไม่มีคนบ่น ออกไปเล่นน้ำฝนได้บ้าง เล่นเกมส์ทั้งวันได้ ทำเสื้อเลอะเล่นจนเนื้อตัวมอมแมมได้
“Dad. He can play like a kid, give advice like a friend, and protect like a bodyguard.” – Unknown
พ่อเป็นผู้ชายที่เล่นได้เหมือนเด็ก ๆ ให้คำแนะนำได้เหมือนเพื่อน และปกป้องคุณได้เหมือนบอดี้การ์ด
ในเหตุการณ์ครอบครัวปกติ ลูกสาวมักรักและชื่นชมพ่ออย่างเป็นธรรมชาติ อย่างอัตโนมัติ อย่างไม่ต้องใช้เหตุผล แม้พ่อจะมีข้อเสียอะไรอื่น ๆ อีกหมื่นแปดพันอย่าง ถ้ามันไม่หนักหนาสาหัสหรือทำร้ายจิตใจกันมากจนเกินไปแล้ว ลูกสาวมักมองข้ามหรือแทบไม่พูดถึง จะโฟกัสแต่ข้อดีของพ่อแทน
สำหรับลูกสาวแล้ว โดยเฉพาะเมื่อเธอยังเป็นเด็ก พ่อเป็นฮีโร่เสมอ เพราะงั้น ถ้าคุณเป็นเจ้านายหรือหัวหน้าใคร อย่าดุด่าลูกน้องคุณต่อหน้าลูกเขาเด็ดขาด เพื่อถนอมหัวใจของเด็กหญิงน้อย ๆ ที่มองพ่อเธอเป็นยอดมนุษย์
ที่มา : www.manager.co.th
บทความเกี่ยวข้องที่น่าสนใจ :
รวมรายชื่อโรงพยาบาลและคลินิกที่มีจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น
จิตแพทย์ชี้วัย อนุบาล 3 ขวบ อย่าเพิ่งยัดเยียดให้ลูกอ่าน-เขียน ยังไม่ต้องรีบ 5 ขวบก็ไม่สาย!!