Finger Food อาหารให้ลูกน้อยหยิบกินเอง

คุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกทารกวัย 7 เดือนขึ้นไป คุณรู้จัก Finger Food รึยัง? การเริ่มให้ลูกทานอาหารเสริมไม่จำเป็นต้องครูดแล้วป้อนอย่างเดียวเท่านั้น Finger Food หรืออาหารที่เป็นชิ้นพอดีคำ ก็ให้ลูกทานได้

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

Finger Foodหยิบกินเอง

เมื่อลูกเริ่มคันเหงือก ฟันใกล้จะขึ้น อาการที่พ่อแม่เห็นชัดก็คือจะจับทุกอย่างที่ขวางหน้าเอาเข้าปาก…ง้ำ ง้ำ เคี้ยว เคี้ยว แต่บางครั้งของที่ลูกหยิบใส่ปากไม่ใช่ของที่ควรเอาเข้าปาก เช่น กระดุม กระดาษหนังสือพิมพ์ ก็อาจทำให้เกิดอันตราย ไม่ปลอดภัยกับหนูน้อย พ่อแม่หลายคนอาจให้ลูกใช้ยางกัดที่มีขายตามท้องตลาด สีสันสดใส บ้างก็เขย่าแล้วมีเสียง

แต่…ถ้าอยากให้ลูกได้บริหารเหงือก แถมได้รู้จักรสชาติอาหารชนิดใหม่ ๆ และได้สารอาหารด้วยในคราวเดียว ขอแนะนำ Finger Food เลยค่ะ

Finger Food คืออาหารหรือขนมชิ้นขนาดพอดีคำ ที่สามารถใช้นิ้วมือหยิบกินได้ ซึ่งจะทำให้ลูกได้สนุกสนานกับการใช้มือหยิบจับกินอาหารหรือขนม เป็นการสร้างประสบการณ์ที่ดีในการกินให้กับลูก นอกจากนี้ยังช่วยพัฒนาและฝึกการควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อที่สัมพันธ์กันให้กับลูกน้อยอีกด้วย

การปล่อยให้เจ้าตัวเล็กกินอาหารด้วยมือเอง ลูกอาจจะเลอะเทอะ มอมแมมเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ พ่อแม่อย่าเพิ่งปวดหัวหงุดหงิดนะคะ แนะนำว่าไม่ต้องรีบทำความสะอาด รอให้ลูกกิน เล่น สำรวจสิ่งรอบตัวให้เรียบร้อยแล้วค่อยจัดการทีหลังค่ะ

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

เด็กรับประทานอาหารFinger Food หยิบกินเอง

เริ่มต้น Finger Food

วัยที่เหมาะสมที่จะเริ่มให้ลูกน้อยได้รู้จักกับ Finger Food คือ ช่วงที่ลูกน้อยอายุประมาณ 7-9 เดือน เป็นช่วงที่เด็กทารกเริ่มกินอาหารเสริมได้แล้ว และลูกน้อยเริ่มเรียนรู้การจับช้อนเพื่อกินอาหารเองได้แล้ว โดยในช่วงแรกลูกจะแค่พยายามเอาอาหารเข้าปากให้ได้เท่านั้น แต่ต่อมาจะเริ่มเรียนรู้วิธีการใช้และควบคุมนิ้วมือในการหยิบซึ่งเป็นพัฒนาการของเด็กในวัยนี้

เมื่อเริ่มครั้งแรก คุณแม่อาจลองให้ Finger Food ประมาณ 2-3 ชิ้นวางไว้บนถาดอาหารของลูก ให้ลูกได้ลองหยิบกิน หากลูกสามารถกินได้ คุณแม่สามารถค่อย ๆ เพิ่มจำนวน แต่ในช่วงแรกนี้ไม่ควรให้ลูกทาน Finger Food ขณะอยู่ในรถหรือบนรถเข็นเด็ก เพื่อป้องกันการสำลักหรืออาหารติดคอ คุณแม่ควรให้ลูกนั่งบนเก้าอี้ทานอาหาร เพราะนอกจากจะช่วยป้องกันอันตรายดังกล่าวแล้ว ยังเป็นการสอนให้ลูกรู้จักการนั่งรับประทานที่ถูกต้องอีกด้วย

เนื่องจากในวัยนี้ฟันของลูกยังขึ้นไม่ครบทุกซี่ คุณแม่ควรใช้อาหารที่เคี้ยวง่ายหรือละลายง่ายในปาก เมื่อลูกโตกว่านี้ คุณแม่ค่อยปรับเปลี่ยนเป็นอาหารที่เหมาะสมกับวัยของลูกมากขึ้น

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

การให้ลูกกินอาหารด้วยตัวเองนั้น ลูกน้อยจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับเนื้อสัมผัส สี กลิ่นและรส ดังนั้นคุณแม่ควรให้ลูกได้ลองกินอาหารหลากหลาย อย่างไรก็ตาม อาหารเหล่านั้นควรต้องมีขนาดเล็กและมีลักษณะที่ลูกสามารถหยิบจับได้ง่าย และต้องไม่เป็นสิ่งที่อาจทำให้ติดคอลูกได้ เช่น พวกถั่ว หรือธัญพืช

อ่านหน้าถัดไปว่าอาหารใดเป็น Finger Food ได้บ้าง

ตัวอย่าง Finger Food

• เริ่มด้วยขนมปัง

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

• เต้าหู้หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ

• เส้นพาสต้าที่ต้มสุกแล้ว หั่นเป็นชิ้นสั้นๆ

• ไข่แดงต้มสุกจนไข่แดงแข็ง หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ (อย่าเพิ่งให้กินไข่ขาวจนลูกอายุ 9 เดือนขึ้นไป เพราะเด็กทารกมีโอกาสแพ้ไข่ขาวได้มากกว่าไข่แดง)

• กล้วยหรือผลไม้ที่ปอกเปลือกและหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ พอดีคำ เช่น แครอท มะม่วง แคนตาลูป ฯลฯ โดยหากเป็นผลไม้ที่มีเมล็ด ต้องเอาเมล็ดออกให้หมด

• ผักต้มสุกหั่นเป็นชิ้นเล็ก  ๆ เช่น แครอท บวบ มันฝรั่ง บล็อคโคลี่ กะหล่ำดอก ฯลฯ

• เนื้อไก่ หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ (หรือเนื้อสัตว์อื่น ๆ ที่เมื่อปรุงสุกแล้วเนื้อยังนิ่ม ไม่แข็ง)

Finger Foodหยิบกินเอง

คำแนะนำเพิ่มเติม

  1. ..Finger Food เป็นเหมือนของว่าง หรือของกินเล่นสำหรับลูกน้อย คุณแม่จึงควรให้ลูกกินแต่พอดี ถ้าให้มากไป หนูน้อยอาจจะอิ่มเกินไปจนไม่สนใจอาหารมื้อหลักก็ได้
  1. Finger Food แบบเย็น ๆ เป็นที่โปรดปรานของเด็ก  ๆ มาก เพราะช่วยลดอาการคันเหงือกของหนูน้อยได้ อาจเป็นพวกผลไม้แช่เย็นอย่าง กล้วย มะละกอ หรือ เมล่อน ก็ได้
  1. สิ่งสำคัญที่สุดคือ ห้ามปล่อยลูกน้อยนั่งกินเพียงลำพัง คุณพ่อคุณแม่ต้องคอยดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อความปลอดภัยค่ะ                                                                                                        ที่มาอ้างอิง theAsianparent Thailand เว็บไซต์ข้อมูลคุณภาพและสังคมคุณแม่ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศและเอเชีย เรามีผู้เชี่ยวชาญด้านกุมารแพทย์ แหล่งความรู้แม่และเด็ก รวมถึงแอพพลิเคชั่น theAsianparent Thailand ที่ติดตามการตั้งครรภ์ให้คุณแม่ได้ลงทะเบียนใช้งาน เพื่อติดตามพัฒนาการทารกตั้งแต่ตั้งครรภ์ จนถึงติดตามหลังคลอดที่ครอบคลุมที่สุดและผู้ใช้งานสูงสุดในประเทศไทย นอกจากความรู้ยังมีไลฟ์สไตล์และสื่อมัลติมีเดียหลากหลาย ไม่ว่าสุขภาพแม่และเด็ก โภชนาการแม่และเด็ก กิจกรรมสำหรับครอบครัว การวางแผนครอบครัวไปจนถึง การดูแลลูก การศึกษา และจิตวิทยาเด็ก theAsianparent Thailand เราพร้อมสนับสนุนพ่อแม่ทุกท่าน ให้มีความรู้และมีสุขภาพกายใจเข้มแข็ง เพื่อเสริมสร้างครอบครัวอย่างแข็งแรง เพราะเราเชื่อว่า “พ่อแม่เข้มแข็ง ครอบครัวแข็งแร’
Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

บทความโดย

ธิดา พานิช