ไฟท์กับเเม่สามียังไงให้ชนะ เเละดูไม่ก้าวร้าว
การอธิบายถึงข้อเท็จจริงอาจจะทำให้ดูก้าวร้าวได้ เมื่ออีกฝ่ายคือผู้ใหญ่ เเละคือค่านิยมของคนไทย ที่ห้ามเถียง ห้ามคิดต่าง เเล้วจะทำยังไงเมื่อต้อง ไฟท์กับเเม่สามียังไงให้ชนะ เเละดูไม่ก้าวร้าว ด้วยนะ
1.เปิดใจรับคำเเนะนำเเละลองทำตาม
การตั้งป้อมไว้ก่อนว่า ไม่เชื่อ ไม่ทำ ไม่ได้ ยังไงก็ไม่ๆๆๆๆ มันจะไม่เป็นผลดีต่อตัวคุณเองนะคะ เพราะมองว่าคุณคือผู้หญิงที่ไม่มีการปรับตัวเข้าหาผู้ใหญ่ เรื่องอะไรที่ลองทำดูก่อนได้ ให้ลองทำดูก่อนนะคะ จากนั้นได้ผลหรือไม่อย่างไรค่อยว่ากันค่ะ ส่วนเรื่องที่ยอมไม่ได้คือเรื่องที่เกี่ยวกับความปลอดภัยเเละสุขภาพของลูกค่ะ
2.ชี้เเจงเห็นเหตุผล
เมื่อทำเเล้วไม่ได้ผล ไม่โอเค หรือเเม้เเต่ไม่ชอบ ก็ไม่ควรไปโทษหรือว่ากล่าวเเม่สามีนะคะ เเต่ให้ลองบอกว่าพยายามทำตามคุณเเม่เเล้วค่ะ ผลที่ได้คือ … เเต่สิ่งที่ห้ามเด็ดขาดเลยก็คือ การบ่นกับคุณสามีค่ะ เพราะรู้ไหมว่าผู้ชายไทยส่วนใหญ่ก็ยังรักเเม่มากกว่าเมีย เเบบที่เทียบกันไม่ติดเลยนะคะ ดังนั้นคุณควรจะต้องดึงสามีเข้ามาเป็นพวกก่อนค่ะ ไม่ใช่ผลักสามีให้เข้าข้างเเม่เขาเข้าไปอีก
3.จำไว้ว่าคุณคือนางเอก
อย่าได้ทำตัวน่าสงสารหรือน้ำตาเเตกต่อหน้าเเม่สามีหรือคนในครอบครัวเด็ดขาด เเม่สามีจะเกลียดคุณทันที ก่อนหน้าอาจจะไม่ได้คิดอะไร เเต่ตอนนี้คือไม่โอเคกับคุณไปเลย ถ้าอยากจะน้อยใจหรือน้ำตาเเตก ให้ไปน้ำตาเเตกกันเงียบๆ กับคุณสามีก็พอค่ะ (มันคือการเรียกคะเเนนจากคุณสามี) ต่อหน้าเเม่สามีให้ทำตัวเป็นสะใภ้ที่เอาอกเอาใจรักใคร่เเม่สามีค่ะ คอยดูเเล เอาใจใส่เเม่สามีให้ดี เหมือนเป็นเเม่อีกคน เเละจำไว้ว่าเรื่องพวกนี้ต้องใช้เวลานะคะ มันไม่ได้สำเร็จเพียงเเค่ 3-4 เดือนค่ะ เเละเเม้ว่าคุณคือนางเอกที่เป็นลูกคู่ของเเม่สามี ก็อย่าเห็นด้วยไปกับทุกเรื่องที่เเม่สามีต้องการนะคะ มีความเห็นต่างบ้างให้เป็นเรื่องปกติ (มันจะนำไปสู่สิ่งที่คุณจะไฟท์)
4.เสนอความคิดเห็นคุณบ้าง เเต่อย่าบ่อย
ในสิ่งที่คุณจะไฟท์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม ให้ลองเสนอความคิดเห็นของคุณบ้าง โดยเหตุผลที่ยกมาต้องไม่ใช่เพื่อคุณหรือลูกของคุณ หรือเเม้เเต่ผู้เชี่ยวชาญ เเต่ต้องเป็นเหตุผลที่เอื้อประโยชน์ให้กับสามีของคุณเเละเเม่สามี เเม้ว่าจริงๆ เเล้ว มันคือคุณเเละลูกที่จะได้รับประโยชน์นั้นๆ ก็ตาม เเต่อย่าไปพูดถึงมันค่ะ อีกเรื่องก็คือความถี่ของการบิ้วคุณเเม่สามี อย่าให้บ่อยจนเห็นได้ชัดเจน
5.เป็นเเม่ที่ดี เมียที่เยี่ยม เเละลูกสะใภ้ที่เพอร์เฟค
จำไว้ค่ะว่าคุณต้องช่วยเหลือเเละเเบ่งเบาเเม่สามีให้มาก ช่วยเหลือสามีบ้างเเละปล่อยให้สามีทำเองบ้าง เเละพยายามอย่าขัดเเย้งกับเเม่สามีเรื่องลูกค่ะ เรื่องไหนโอนอ่อนได้ก็ยอมๆ ไปนะคะ เมื่อถึงขั้นตอนนี้เเม่สามีน่าจะเปิดใจกับคุณบ้างเเล้ว อย่างน้อยก็ไม่รู้สึกด้านลบเเล้วค่ะ เเละจะดีกว่านั้นหากเเม่สามีเริ่มที่จะสนิทกับคุณ เล่าอะไรให้คุณฟัง เริ่มเรียกคุณบ่อยกว่าเรียกสามี ยินดีด้วย คุณเปิดใจเเม่สามีได้เเล้วค่ะ
6.ถล่มตัวเองเข้าไว้ เเล้วเอาดีใส่เเม่สามีเยอะๆ
มาถึงขั้นตอนสุดท้ายกันเเล้วนะคะ เรื่องที่คุณจะไฟท์คืออะไร จำเรื่องนั้นได้ไหม หากตอนนี้ยังคงต้องการจะไฟท์อยู่ ก็ให้ชมเเม่สามีในเรื่องนั้นๆ เเล้วลองเสนอว่ามันจะดียิ่งขึ้นกว่านี้ ดีทั้งต่อเเม่สามี ตัวสามีเอง เเละหลาน (ส่วนคุณไม่ต้องพูดค่ะ) จำข้อ 4 ได้ไหม จับเอามาใช้ในขั้นตอนนี้ค่ะ เเละหมั่นถล่มตัวเองต่อหน้าเเม่สามีเยอะๆ ค่ะ เเล้วยกความดีความชอบให้เเม่สามีไป คนอื่นไม่สำคัญ เพราะตอนนี้คนที่คุณต้องใส่ใจคือเเม่สามียังไงละคะ เมื่อผ่านไปสักระยะ ลูกสาวคนใหม่น่ารักกว่าลูกชาย พูดอะไรเเม่สามีก็เชื่อเเล้วละค่ะ
ข้อควรระวัง
อย่าไปเผลอไปหลุดบ่นสามีกับเเม่สามีเชียว เเม้ว่าคุณจะเอือมระอาเเค่ไหนก็ตาม ยกข้อดีของสามีมาพูดเยอะๆ ค่ะ ไม่มีใครชอบที่ลูกของตัวเองจะถูกว่า เเม้เรื่องนั้นมันจะน่าโดนด่าก็ตามที เสตปมันจะเป็นเเบบนี้ค่ะ ข้อเสีย ข้อเท็จจริง ข้อเสียอีก เเล้วตามด้วยข้อดีเยอะๆ เช่น เเม้ว่าเขาจะไม่ได้ทำงานบ้านเลย เเต่เขาก็คงเหนื่อยค่ะ ลูกคุณเเม่น่ะรับผิดชอบครอบครัวในส่วนที่เขาทำได้ดีเเล้ว เเม้ว่างานบ้านมันจะทำให้หนูเหนื่อยมากก็ตาม เเต่หนูก็เต็มใจที่จะทำเพื่อเเบ่งเบางานในส่วนของเขา เเค่นี้หนูก็ดีใจเเล้วค่ะที่เรามีครอบครัวที่อบอุ่น มีคุณเเม่ที่เป็นเหมือนเเม่อีกคนของหนูเพิ่มมาให้หนูรักเเละเคารพ เป็นคุณย่าที่ใจดีของลูกหนู จบปิ๊งค่ะ ทั้งที่มันคือการฟ้องว่าลูกชายเเม่ไม่ยอมทำงานบ้านน่ะเเหละ เรื่องเหล่านี้เป็นทั้งศาสตร์เเละศิลป์นะคะ อาจจะไม่ถูกจริตสาวมั่นบางคน เเต่มันคือวิธีการปรับตัวเพื่อให้ได้ในสิ่งที่คุณต้องการนั่นเเหละ
บทความที่น่าสนใจ
รับมือ “ปู่ย่าตายาย” เรื่องป้อนอาหารลูกยังไง ให้ได้ผล