แยกเตียงอาจช่วยยืดชีวิตแต่งงาน
อย่าลืมว่าคุณใช้เวลา 1 ใน 3 ของชีวิตแต่งงานนอนกับคู่ของคุณบนเตียง แต่การนอนแยกห้องเป็นสิ่งที่คู่แต่งงานยุคนี้ทำกันเยอะ และไม่ได้เพื่อหนีเสียงกรนหรือเสียงกัดฟันเท่านั้น
แม้ว่าการนอนร่วมเตียงจะช่วยให้คุณสองคนใกล้ชิดกัน แต่บางครั้งการนอนกับคนที่นอนดิ้นหรือกรนก็อาจทำให้คุณอดนอน การได้พักผ่อนเต็มที่จะช่วยยืดชีวิตคู่ให้ยืนยาวยิ่งขึ้น
การนอนถือเป็น “ความเห็นแก่ตัว” อย่างหนึ่งที่คุณจะทำเพื่อตัวเองได้ ดร.นีล สแตนลีย์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนแห่งโรงพยาบาล Norfolk and Norwich University อธิบายว่า “คู่แต่งงานที่นอนไม่เพียงพอจะมีโอกาสหย่าร้างสูงกว่าคู่ที่ได้พักผ่อนเต็มที่ เพราะพวกเขาจะรู้สึกหดหู่และเครียด”
ความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับการแยกห้องนอน
บางครั้งความเชื่อโบราณเกี่ยวกับการร่วมหอที่ฝังรากลึกลงไปในวัฒนธรรมก็อาจทำให้คู่แต่งงานไม่กล้าเอ่ยปากพูดคุยเรื่องนี้กันตรง ๆ “ มีหลายคน โดยเฉพาะผู้หญิงวัยกลางคน ที่ต้องแอบย่องไปนอนห้องอื่นระหว่างคืน แต่ไม่กล้ายอมรับ” ดร.สแตนลีย์ระบุ “เราไม่ควรทำให้เรื่องการแยกห้องนอนของคู่แต่งงานกลายเป็นเรื่องใหญ่ แต่เรามักมีความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้” ความเชื่อนี้มีที่มาจากสมมติฐานที่ว่าหากคู่แต่งงานไม่ได้นอนร่วมเตียงกัน ก็แปลว่าทั้งคู่ไม่ได้มีเพศสัมพันธ์กัน แต่ความเชื่อมโยงดังกล่าวมักไม่ถูกต้องเสมอไป เพราะการนอนกับเซ็กซ์เป็นกิจกรรม 2 อย่างที่แตกต่างกัน แม้ว่าทั้งคู่มักจะเกิดขึ้นในห้องนอนเหมือนกันก็ตาม
แยกเตียงเพื่อเซ็กซ์ที่ดีกว่า
ชีวิตเซ็กซ์ของคุณอาจสดใสขึ้นเมื่อคุณทั้งคู่คิดได้ว่าทางเดียวที่คุณจะได้ชีวิตเซ็กซ์อันสดใสกลับคืนมาคือการนอนแยกเตียงกัน คุณควรแยกเรื่องเพศสัมพันธ์ออกจากเรื่องในห้องนอน เพราะมันเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้เซ็กซ์ของคุณทั้งคู่กลับมาร้อนแรงดังเดิม การมีพื้นที่ส่วนตัวเป็นของตัวเองยังจะทำให้คุณใกล้ชิดกันง่ายขึ้น เพราะคุณทั้งคู่จะไม่รู้สึกกดดันจากการที่ต้องอยู่ด้วยกันตลอดเวลา
คุณควรแยกห้องนอนหรือไม่?
ถ้าคุณทั้งคู่มีนิสัยการนอนที่ขัดกัน และต่างคนต่างทำให้อีกฝ่ายรู้สึกไม่สบายหรือไม่ได้พักผ่อนเต็มที่ การแยกห้องนอนอาจเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ดีในระยะยาว เช่น ถ้าคนหนึ่งเป็นคนนอนดึกในขณะที่อีกฝ่ายตื่นเช้า เวลาการนอนที่ไม่ตรงกันอาจทำให้มีปัญหาได้ อย่างไรก็ตามถ้าคุณทั้งคู่ต้องการอยู่คนเดียวหรือแยกจากกันบ่อย ๆ นั่นอาจบ่งบอกว่าความสัมพันธ์ของคุณกำลังมีปัญหาอะไรบางอย่างที่คุณทั้งคู่จำเป็นต้องปรับความเข้าใจกัน
สุดท้ายแล้วตราบใดที่คุณยังรักและเป็นห่วงซึ่งกันและกัน จะนอนที่ไหนก็ไม่ใช่ปัญหา จริงไหมคะ?