มีไหมคะ ที่คุณแม่ซื้ออาหารบางอย่างตุนเอาไว้ แล้วใส่ในตู้เย็น มาดูอีกทีอาหารหมดอายุไปเสียแล้ว หรือในบางครั้งที่ไม่ดูวันที่หมดอายุ แต่เผลอกินเข้าไป เลยไม่แน่ใจว่าร่างกายจะเป็นอันตรายหรือไม่ แล้วถ้าลูกทานอาหารหมดอายุเข้าไปจะท้องเสียหรือเปล่า มีผลต่อสุขภาพของลูกไหม …จริงๆ แล้วอาหารหมดอายุยังกินได้อยู่ไหม วันนี้เรามีคำตอบมาฝาก
หมดอายุ หรือ ควรบริโภคก่อน ต่างกันอย่างไร
คุณแม่เคยสงสัยไหมคะว่า หมดอายุ หรือ ควรบริโภคก่อน ต่างกันอย่างไร แล้วแบบไหนที่ยังกินต่อได้
อาหาร หมดอายุ EXP/EXD
อย่างแรกเลยคำว่า หมดอายุ (EXP/EXD) นั้นเสี่ยงต่ออันตรายมากกว่า หากกินไปแล้ว แม้จะไม่เห็นสิ่งแปลกปลอม สีสันที่เปลี่ยนไป หรือแม้แต่กลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ แต่ไม่ได้แปลว่าจะกินได้ เช่น พวกขนมเค้ก ที่สีสันหรือรสชาติแทบไม่เปลี่ยนไปเลย แม้จะหมดอายุไปแล้ว ยิ่งไม่ควรจะหยิบเข้าปาก ทั้งนี้ หากเห็นว่าอาหารหมดอายุไปแล้ว ควรจะทิ้งไปเลย เพราะอาหารเสื่อมคุณภาพแล้ว
อาหาร ควรบริโภคก่อน BB/BBE
ควรบริโภคก่อน (BB/BBE) เป็นสิ่งที่ใกล้เคียงกับคำว่า เป็นไปได้ มากที่สุด หมายความว่า ถ้าเผลอกินเข้าไปก็ยังไม่เสี่ยงเท่ากับ อาหารหมดอายุ นั่นก็เพราะวันที่ที่ระบุไว้ หมายถึงวันที่ที่อาหารคงคุณภาพและความอร่อยไว้ได้ดีที่สุด หลังจากวันนั้น คุณค่า รสชาติ และคุณภาพของอาหาร จะลดน้อยลง กินไปแล้วไม่ดีต่อสุขภาพ
5 ข้อต้องคิดก่อนซื้อและระวังก่อนกิน
1.สำรวจฉลาก อาหารหรือวัตถุดิบที่ดี และผ่านการตรวจสอบมาแล้ว จะระบุไว้ทั้งชื่ออาหาร บริษัทและที่อยู่ผู้ผลิต ปริมาณสุทธิ และวันเดือนปี หมดอายุ หรือ ควรบริโภคก่อน
2.เลี่ยงผลิตภัณฑ์อาหารที่ไม่มีเครื่องหมาย อย. เพื่อความปลอดภัย เพราะอาหารบางประเภทต้องมีเครื่องหมาย อย. มารับรองความปลอดภัย ซึ่งคุณแม่ต้องหมั่นสังเกตให้ดีว่าของที่จะซื้อนั้นมี อย. อยู่หรือเปล่า
3.เลือกซื้ออาหารและสินค้า ในสถานที่ที่สะอาด ได้มาตรฐาน เพราะอาหารบางชนิดหากเก็บไว้ในอุณหภูมิที่ไม่เหมาะสม จะเสียหรือเสื่อมคุณภาพได้เร็วกว่าปกติ
4.ซื้ออาหารและวัตถุดิบอย่างพอดี ที่คิดแล้วว่าจะสามารถกินได้หมดทันเวลา อย่ามองป้ายลดราคาเป็นที่ตั้ง เพราะถ้ากินไม่หมด ก็เท่ากับว่าสิ้นเปลืองมากกว่า
5.ก่อนกินอาหารทุกครั้งต้องตรวจสอบวันหมดอายุ หรือรื้อตู้เย็นดูทุกสัปดาห์ เพื่อนำอาหารใกล้หมดอายุมาทำอาหาร และทิ้งของเก่าที่หมดอายุไปแล้ว
ทางที่ดีที่สุดเมื่อพบอาหารหมดอายุภายในบ้านคือทิ้งทันที ส่วนอาหารที่ควรบริโภคก่อน ก็ต้องหัดสังเกตสีสันของอาหาร กลิ่นของอาหาร และลักษณะของอาหาร ว่าเปลี่ยนไปจากวันที่ซื้อมาหรือเปล่า และไม่ควรชะล่าใจ หากผ่านวันที่ระบุไว้หลายวันแล้วค่อยมากิน เพราะค่าหมอกับค่าอาหาร เทียบกันแล้วไม่คุ้มค่าที่จะเสี่ยงชีวิตเพราะความเสียดาย ยิ่งถ้าลูกเผลอกินเข้าไปแล้วท้องเสีย หรือเป็นอันตรายที่มากกว่านั้น ขอบอกเลยว่า ไม่คุ้ม!
ที่มา : facebook.com/InfographicMOVE
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
แพทย์เตือน! อาหารเสริมทารกที่ควรหลีกเลี่ยง
ผักผลไม้ที่แม่ไม่ควรกินขณะตั้งครรภ์และให้นมลูก