รู้หรือไม่? มลพิษทางอากาศ และ ฝุ่น PM 2.5 เข้าปอดลูกได้แม้อยู่ในครรภ์แม่

ในปัจจุบันปัญหามลพิษทางอากาศไม่ว่าจะเป็นฝุ่น PM 2.5 ควันจากท่อไอเสียรถยนต์ หรือฝุ่นละอองภายในบ้าน เป็นเรื่องที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ซึ่งคุณแม่ที่กำลังอยู่ในช่วงตั้งครรภ์และเด็กเล็ก รวมถึงผู้ใหญ่ในบ้านและผู้ที่มีความอ่อนไหวต่อสารก่อภูมิแพ้ จึงต้องเพิ่มความระมัดระวังในการป้องกันฝุ่นละอองต่าง ๆ มากเป็นพิเศษ เพราะมลพิษทางอากาศเหล่านี้เป็นอันตรายต่อสุขภาพโดยตรง รวมถึงยังเป็นอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโรคต่าง ๆ ได้ในอนาคต

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

แต่แท้จริงแล้วไม่ว่าจะเป็นมลพิษทางอากาศ หรือ ฝุ่น PM 2.5 ที่เกิดขึ้นทั้งนอกบ้าน หรือแทรกผ่านเข้ามาภายในบ้านก็ล้วนเป็นอันตรายต่อผู้คนทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะคุณแม่ตั้งครรภ์ยิ่งต้องเพิ่มความระมัดระวังมากเป็นพิเศษ เนื่องจากในปี 2022 ทางกรมการแพทย์ โดยสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ได้ออกมาเปิดเผยว่า ฝุ่น PM 2.5 และมลพิษทางอากาศเหล่านี้สามารถเข้าไปทำลายเซลล์สมอง ส่งผลกระทบต่อพัฒนาการทางสติปัญญาที่สามารถส่งผลต่อการเรียนรู้ ความเป็นอยู่ และความสามารถในการประกอบอาชีพในระยะยาวได้

ซึ่งหลายคนคงทราบกันดีอยู่แล้วว่าฝุ่นและมลพิษทางอากาศมีหลายขนาด ทั้งขนาดของฝุ่นที่จับตัวกันเป็นก้อนสามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าและตกลงพื้นได้อย่างรวดเร็ว แต่สิ่งที่น่ากลัวไปมากกว่านั้นคือฝุ่นขนาดเล็กที่ล่องลอยอยู่ในอากาศและไม่สามารถมองเห็นได้นั้นส่งผลอันตรายต่อสุขภาพได้เป็นอย่างมาก ดังนั้น เพื่อเป็นการปกป้องให้บ้านปราศจากฝุ่นและสารก่อภูมิแพ้ การมีเครื่องฟอกอากาศ เครื่องดูดฝุ่น หรือการดูแลตัวเองให้ปลอดภัยจากฝุ่นเหล่านี้จึงเป็นสิ่งที่คุณแม่ทุกคนควรรู้

 

ผลกระทบของมลพิษทางอากาศและ ฝุ่น PM 2.5 ต่อคุณแม่ตั้งครรภ์

มลพิษทางอากาศและฝุ่น PM 2.5 มีขนาดเล็กมากถึง 2.5 ไมครอน ซึ่งเป็นขนาดปริมาณเกินขีดอันตรายกว่าที่องค์กรอนามัยโลกกำหนด เมื่อสูดหายใจเข้าไปแล้วจะทำให้เคลื่อนผ่านอวัยวะอื่น ๆ ภายในร่างกาย และอุดตันตามผนังเส้นเลือดได้ ซึ่งการที่คุณแม่ตั้งครรภ์ต้องสัมผัสกับฝุ่นเหล่านี้เป็นเวลานานสามารถส่งผลกระทบ ดังนี้

  • คลอดก่อนกำหนด
  • เพิ่มความเสี่ยงให้ทารกมีน้ำหนักน้อยลง 
  • อัตราทารกเป็นออทิสติกสูงขึ้น
  • พบอัตราเกิดความพิการของทารกในสัตว์ทดลอง
  • ทารกตายเฉียบพลัน (Sudden Infant Death : SIDS)
  • มีความเสี่ยงเกิดอาการหอบหืดในแม่ตั้งครรภ์
  • เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดครรภ์เป็นพิษในแม่ตั้งครรภ์

ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยของคุณแม่ตั้งครรภ์ จึงควรเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องสัมผัสกับฝุ่นเหล่านี้ โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ที่ถือว่ามีความเสี่ยงสูงที่จะกระทบต่อพัฒนาการและเพิ่มอัตราการแท้งได้มากที่สุด

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

วิธีป้องกันคุณแม่ตั้งครรภ์จากฝุ่น

1. สวมหน้ากากอนามัย

การสวมหน้ากากอนามัยเป็นสิ่งที่จะช่วยทำหน้าที่กรองฝุ่นให้คุณแม่ตั้งครรภ์ได้อีกหนึ่งขั้น การเลือกใช้หน้ากาก N95 ที่ระบุว่าสามารถป้องกัน PM 2.5 ได้ เพราะการเลือกใช้หน้ากากอนามัยแบบธรรมดาอาจไม่สามารถป้องกันฝุ่นได้เต็มประสิทธิภาพ

2. หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้งและสถานที่ที่มีฝุ่นเยอะ

คุณแม่ตั้งครรภ์ควรหลีกเลี่ยงการออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้ง รวมไปถึงการออกไปยังสถานที่ที่มีฝุ่นและควันเยอะ เช่น โรงงานอุตสาหกรรม สถานที่ก่อสร้าง หรือบริเวณที่มีรถบรรทุกวิ่งผ่าน เป็นต้น เพราะจะทำให้คุณแม่ตั้งครรภ์เสี่ยงต่อการสูดหายใจเอาอากาศที่ไม่บริสุทธิ์เข้าไป ซึ่งส่งผลเสียต่อสุขภาพของคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ได้ แต่ถ้าหากคุณแม่มีความจำเป็นต้องเดินทางไปยังสถานที่เหล่านั้น สิ่งสำคัญคือควรสวมหน้ากากอนามัยชนิด N95 ตลอดเวลา

3. ติดตั้งเครื่องฟอกอากาศและเครื่องดูดฝุ่น

ด้วยขนาดอนุภาคของฝุ่น PM 2.5 ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางเพียง 2.5 ไมครอน ซึ่งมีขนาดที่เล็กมากและมีน้ำหนักที่เบา จึงทำให้ผ่านเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายด้วยการสูดหายใจและยังเป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจเป็นอย่างมาก ฝุ่นขนาดใหญ่มักตกลงพื้นอย่างรวดเร็ว แต่ฝุ่นขนาดเล็กจะล่องลอยอยู่ในอากาศ ดังนั้น เพื่อเป็นการปกป้องบ้านของคุณจากฝุ่นและสารก่อภูมิแพ้ จึงต้องกรองอากาศและกำจัดฝุ่นบนพื้นผิวควบคู่กัน

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

การมีเครื่องฟอกอากาศติดตั้งไว้ภายในบ้านจะช่วยกรองอากาศและสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ นอกจากนี้ยังสามารถกำจัดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ ก๊าซอันตราย สารก่อควันพิษ เพื่อทำให้อากาศภายในบ้านบริสุทธิ์และปลอดภัยทุกครั้งที่หายใจ

อีกหนึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้คือเครื่องดูดฝุ่น ที่จะคอยกำจัดฝุ่นขนาดเล็กที่เล็ดลอดเข้ามาภายในบ้าน หรือแม้กระทั่งขนจากสัตว์เลี้ยงแสนรักที่มักสะสมอยู่บริเวณมุมห้องหรือใต้เตียง เพื่อไม่ให้เป็นการสะสมของเชื้อโรค การที่มีเครื่องดูดฝุ่นก็จะเปรียบเสมือนผู้ช่วยคนสำคัญที่ทำงานไปพร้อมกับเครื่องฟอกอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

แนะนำการเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศ

ทุกวันนี้เครื่องฟอกอากาศเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยสำคัญและมีความจำเป็นมากในการช่วยปรับเปลี่ยนอากาศในพื้นที่ต่าง ๆ ภายในบ้านให้อยู่ในค่ามาตรฐานที่มีความปลอดภัยสำหรับสมาชิกในบ้านทุกคน ซึ่งในปัจจุบันมีเครื่องฟอกอากาศหลากหลายรุ่นให้เลือกซื้อ แต่เคยฉุกคิกหรือไม่ว่า เครื่องฟอกอากาศแบบไหนจะเหมาะสมกับบ้านของทุกคนมากที่สุด วันนี้เรามีเทคนิคง่าย ๆ ในการเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศ ดังนี้

1. เลือกให้เหมาะสมกับขนาดห้อง

สิ่งสำคัญอันดับแรกของการเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศคือการเลือกขนาดของเครื่องฟอกอากาศให้เหมาะสมและสัมพันธ์กับพื้นที่ห้องของผู้ใช้ โดยมีวิธีสังเกตง่าย ๆ จากข้อมูลเบื้องต้นบนฉลากเครื่องฟอกอากาศ ที่จะระบุอยู่แล้วว่าเครื่องรุ่นนี้เหมาะกับพื้นที่ห้องขนาดเท่าไร ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะมีให้เลือกครอบคลุมทุกขนาดพื้นที่สำหรับห้องในบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียม

2. เลือกดีไซน์ที่เข้ากับสไตล์ของบ้าน

เพราะเครื่องฟอกอากาศเปรียบเสมือนเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้านอีกหนึ่งชิ้น การเลือกเครื่องฟอกอากาศที่มีดีไซน์สวยงาม สามารถเข้ากับทุกสไตล์การตกแต่งบ้านก็จะยิ่งช่วยเพิ่มความสวยงามให้กับตัวบ้าน รวมไปถึงเพิ่มความรู้สึกให้อยากใช้งานบ่อยขึ้นได้อีกด้วย 

3. เลือกฟังก์ชันการใช้งานที่ตอบโจทย์

อีกหนึ่งเรื่องสำคัญของการเลือกเครื่องฟอกอากาศคือฟังก์ชันการใช้งานที่ตอบโจทย์ได้หลากหลาย นอกจากการเจาะจงเลือกฟังก์ชันหลักที่โดดเด่นอย่างการกำจัดฝุ่นละอองและเชื้อโรคต่าง ๆ ภายในห้อง ยังควรพิจารณาฟังก์ชันเสริมที่มีความหลากหลาย และส่งผลดีต่อสุขภาพของสมาชิกภายในบ้านมากที่สุด เช่น เครื่องฟอกอากาศที่มีระบบการทำงานที่เงียบ สามารถควบคุมการใช้งานพร้อมติดตามคุณภาพอากาศได้ง่าย ๆ ผ่านแอปพลิเคชัน หรือสามารถมอบความเย็นด้วยกระแสลมที่บริสุทธิ์ในช่วงฤดูร้อนนี้ เป็นต้น

 

หมดปัญหาเรื่องฝุ่น พร้อมมอบอากาศที่บริสุทธิ์ให้กับทุกคนในครอบครัว ด้วยผลิตภัณฑ์จาก Dyson

ซึ่งผู้คนส่วนใหญ่มักให้ความสำคัญกับฝุ่นภายนอกจนอาจลืมไปว่าฝุ่นที่เกิดขึ้นภายในบ้านก็ส่งผลอันตรายไม่แพ้กัน เพื่อเป็นการปกป้องทั้งฝุ่นขนาดเล็ก ฝุ่นขนาดใหญ่ รวมไปถึงสารก่อภูมิแพ้ต่าง ๆ ที่อาจเล็ดลอดเข้ามาภายในบ้านได้ การที่มีเครื่องฟอกอากาศคอยทำหน้าที่กรองคุณภาพอากาศภายในบ้านและควบคู่ไปกับการใช้เครื่องดูดฝุ่นที่คอยกำจัดฝุ่นบนพื้นจะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับทุกคนในครอบครัวได้ว่าอากาศภายในบ้านจะบริสุทธิ์และปราศจากฝุ่นอย่างแน่นอน

 

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

Dyson Purifier Cool Formaldehyde TP09 เครื่องฟอกอากาศรุ่นล่าสุดจาก Dyson ที่มีเทคโนโลยีในการตรวจจับฝุ่นและมลพิษขนาดเล็กได้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นมลพิษขนาดเล็ก 99.95% ของอนุภาคขนาดเล็กสูงสุด 0.1 ไมครอน หรือสารก่อภูมิแพ้ต่าง ๆ รวมทั้งยังช่วยกรองอากาศภายในบ้านได้อย่างมีคุณภาพ และการทำงานของเครื่องฟอกอากาศที่เงียบไร้เสียงรบกวนภายในบ้าน ส่วนการดีไซน์นั้นสวยงามและมีรูปทรงที่ดูทันสมัย ให้ความรู้สึกเหมือนเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้านอีกหนึ่งชิ้น เสริมด้วยฟังก์ชันต่าง ๆ ที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานสะดวกมากยิ่งขึ้น เช่น ระบบติดตามคุณภาพอากาศ หรือควบคุมการสั่งงานด้วยปลายนิ้วผ่านแอปพลิเคชัน MyDyson

 

 

และเพื่อเป็นการจัดการกับฝุ่นทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ที่อาจเล็ดลอดเข้ามาภายในบ้านได้ จึงต้องเพิ่มความมั่นใจให้บ้านปลอดฝุ่นอีกขั้นด้วยเครื่องดูดฝุ่นไร้สาย จาก Dyson รุ่น V12 Detect Slim กับเทคโนโลยีแรงดูดอันทรงพลัง เพื่อการทำความสะอาดอย่างล้ำลึก พร้อมทำความสะอาดได้ยาวนานสูงสุดถึง 60 นาที สามารถดักจับอนุภาคฝุ่นขนาดเล็กสูงสุด 0.3 ไมครอน ได้ถึง 99.99% เรียกได้ว่านี่คือตั่วยสำคัญอีกหนึ่งชิ้นที่จะทำให้บ้านของคุณปราศจากฝุ่นและสูดหายใจได้อย่างบริสุทธิ์

 

สนใจผลิตภัณฑ์ของ Dyson สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ Dyson Purifier Cool Formaldehyde | Dyson 

 

หรือช้อปสินค้าออนไลน์ คลิกเลย Shop all promotions | Dyson

 

บทความโดย

theAsianparent Editorial Team