ผลสำรวจเรื่อง การสอนลูกเรื่องเงิน ในเอเชียที่จัดทำโดยอีสต์สปริง อินเวสต์เมนต์ส สำรวจพ่อแม่ผู้ปกครอง 10,000 คน จาก 9 ประเทศในเอเชีย เพื่อดูว่าพ่อแม่ผู้ปกครองในภูมิภาคนี้สอนให้ลูกรู้เรื่องเงินอย่างไรบ้าง
ผลการสำรวจนี้ เผยให้เห็นรูปแบบ การสอนลูกเรื่องเงิน 5 แบบที่แตกต่างกัน โดยวัดจากการเข้าไปมีส่วนร่วมของพ่อแม่ หรือผู้ปกครอง การให้ความสำคัญเรื่องการสอนลูกเรื่องเงิน และระดับความรู้เรื่องการเงินของพ่อแม่ผู้ปกครอง
สำหรับบทความนี้ เราจะพูดถึง การสอนลูกเรื่องเงิน ในรูปแบบของ ผู้รักสมดุล (B
ผู้รักสมดุล (BALANCER)
ผู้รักสมดุล มักมองหาจุดกึ่งกลางระหว่างการบากบั่นทำงานหนักกับการสนุกไปกับชีวิต พวกเขาเชื่อว่าการหาจุดสมดุลคือกุญแจสู่ความสุข และความสำเร็จ
อาจกล่าวได้ว่าเป็นเรื่องของหยิน-หยาง การบากบั่นทำงานหนัก และทุ่มเทเป็นสิ่งสำคัญ แต่การหยุดพัก และสนุกไปกับเรื่องง่าย ๆ ในชีวิตก็สำคัญเช่นกัน พวกเขาคิดว่าเงินไม่ได้หามาง่าย ๆ และต้องมุ่งมั่นกับงานที่สำคัญ แต่ก็รู้ว่าตอนไหนควรพักและผ่อนคลาย
คนกลุ่มนี้มีวิธีสอนเรื่องเงินอย่างไร?
ผู้รักสมดุลอยากให้ความสนใจในระดับที่กำลังพอดี ในการสอนลูกเรื่องการจัดการเรื่องเงิน กับการปล่อยให้ลูกเรียนรู้และพัฒนาความเข้าใจในเรื่องเงินด้วยตัวเอง พวกเขาเชื่อว่าวิธีที่ดีที่สุดในการเรียนรู้เกี่ยวกับการจัดการเงิน คือ การลงมือทำ มากกว่าจะมาพูด ประสบการณ์ในชีวิตจริงจะให้ผลที่เร็วกว่า และดีกว่าการพูดสั่งสอน
แต่อย่างไรก็ตาม ผู้รักสมดุลเชื่อว่าการปล่อยให้ลูกลองผิดลองถูกเลย เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง พวกเขาเลยคอยให้คำแนะนำ และข้อคิดเห็น คำแนะนำพวกนี้ไม่ได้เข้มงวดหรือโหดอะไร แต่เป็นคำแนะนำ และคำชี้แนะที่อ่อนโยน คงเส้นคงวา
นอกจากนี้ พวกเขาจะไม่หมกมุ่นกับการสอนลูกเรื่องการเงิน เพราะพวกเขาเชื่อว่าชีวิตที่เป็นสุข และประสบความสำเร็จมีมากกว่าแค่การมุ่งมั่นหาเงิน ผู้รักสมดุลเลยให้ความสำคัญกับการวางแผนการเงินต่ำกว่าพ่อแม่ผู้ปกครองรูปแบบอื่น ๆ
ส่วนใหญ่แล้ว ผู้รักสมดุลจะบอกว่า “การสอนลูกเรื่องเงินเป็นสิ่งสำคัญ แต่มันก็เป็นแค่องค์ประกอบหนึ่งของการเลี้ยงลูก เราอยากให้ลูกเข้าใจว่า เงินก็มีหน้าที่ของมัน เป็นแค่หนึ่งอย่างในชีวิตของเรา”
ผู้รักสมดุลจะใช้เวลาอันมีค่าเพื่อสอนให้ลูกรู้จักดูแล และจัดการเงิน แต่พวกเขาก็ไม่อัดความรู้ให้ลูกจนเกินไป พวกเขาให้ความรู้ในระดับที่ลูกรับได้ และคิดว่าการคอยผลักดันลูกอยู่ตลอดนั้นเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น
ผู้รักสมดุลเกินครึ่ง (56%) ร่วมมือกับคู่ชีวิตในการสอนลูกเรื่องเงิน โดย 25% ของครอบครัวที่เหลือ ให้แม่เป็นฝ่ายนำ และอีก 15% ให้พ่อเป็นฝ่ายนำ
เป้าหมายในการสอนลูกเรื่องเงินของคนกลุ่มนี้
ผู้รักสมดุลกระตุ้นให้ลูกลงแรงไปกับส่วนอื่น ๆ นอกจากเงินด้วย ดังนั้นลูกของพวกเขาจึงคุ้นเคยกับประสบการณ์ที่ผสมระหว่างการเรียนรู้ และการเล่นอย่างมาก ยกตัวอย่างเช่น การเรียนรู้ผ่านกิจกรรมสนุก ๆ และเกม
เป้าหมายหลักทางการเงิน คือ สนับสนุนลูกด้านการเงิน และทำโดยผ่านบัญชีออมเงิน บ้านที่พวกเขาอยู่อาศัย กรมธรรม์ประกันชีวิต รวมถึงการลงทุนให้ลูกในกองทุนรวม หุ้น และสัญญายืมเงิน ผู้รักสมดุลอยากให้ลูกเข้าใจว่าเงินเป็นสิ่งที่ต้องลงแรงหามา มากกว่าพ่อแม่ผู้ปกครองแบบอื่น ๆ
นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงให้เงินค่าขนมติดตัวลูก พวกเขายังสนับสนุนให้ลูกหาเงินด้วยตนเองจากการทำงานบ้าน หรือแม้กระทั่งทำงานเสริม การทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จะทำให้ลูกของพวกเขาเข้าใจคุณค่าของเงินเป็นอย่างดี
จากการทำแบบนี้ ผู้รักสมดุลก็หวังว่าจะสอนลูกเรื่องคุณค่าของเงิน ราคาของสินค้าที่ต่างกัน รวมถึงวิธีการจัดงบใช้จ่าย และการออมเงิน ถ้าพวกเขาทำได้ตามที่กล่าวมา พวกเขาก็รู้ว่าลูกพร้อมแล้วสำหรับอนาคตภายภาคหน้า
ความสำเร็จในการสอนลูกเรื่องเงิน
ผู้รักสมดุลทำได้ตามเป้าไหม? พวกเขาส่วนใหญ่คิดแบบนั้นนะ ที่จริงแล้ว ผู้รักสมดุลทุกคนคิดว่าตนเองทำหน้าที่ได้ดีหรือมั่นใจว่าทำได้ดี ในทางกลับกัน มีพ่อแม่ผู้ปกครองในเอเชียแค่ 49% ที่คิดแบบนั้น
มันเป็นเรื่องของการมีสมดุลระหว่างการเลี้ยงดูจากพ่อแม่ผู้ปกครองและการเรียนรู้ของลูกเอง ถ้ามีสมดุลแล้ว ทุกอย่างก็จะไปได้สวย
พวกเขารู้เรื่องเงินดีแค่ไหน
ถึงแม้ว่าผู้รักสมดุลจะยอมรับว่าพวกเขาขาดความรู้ทางการเงิน แต่พวกเขาก็ไม่รู้สึกว่าการเพิ่มความรู้ทางการเงินใส่ตัว จะเป็นสิ่งจำเป็นในการสอนทักษะการจัดการเงินให้ลูก
ผู้รักสมดุลกลับกังวลเกี่ยวกับการบังคับลูกเกินไป หรือการทุ่มเงินกับการสอนลูกเรื่องเงินมากเกินไป เพราะว่าพวกเขาลังเลที่จะให้ความสนใจเรื่องการสอนลูกจัดการเงินอย่างเข้มงวด พวกเขาเลยไม่ค่อยสนใจหาเครื่องมือหรือเทคนิคใหม่ ๆ ในการสอนลูกเรื่องเงิน
อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณเป็นผู้รักสมดุลที่สงสัยว่าพ่อแม่ผู้ปกครองคนอื่นสอนลูกเรื่องเงินยังไง ลองเข้าไปดูที่ #MoneyParenting เว็บไซต์ หรือกดรับข่าวสารจากเรา เพื่อให้ไม่พลาดข้อมูลข่าวสารล่าสุดที่มีประโยชน์สำหรับครอบครัวของคุณ