คำสารภาพ จากแม่ใจร้อนชอบวีนแตก ถึงลูกตัวน้อยวัย 4 ขวบ
คำสารภาพ จากแม่ใจร้อนชอบวีนแตก ถึงลูกตัวน้อยวัย 4 ขวบ เพราะคนเป็นแม่แม้จะมีความอดทนเป็นเลิศ แต่เราก็มักจะมีบางเวลาที่อาจจะควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ได้บ้าง
ถึงลูกที่รักมาก
แม่อาจจะบอกสิ่งสำคัญที่สุดกับลูก
แม่ขอโทษนะ
แม่สอนและเตือนลูกให้ขอโทษเสมอ เวลาที่ลูกทำผิดพลาด แต่กลับเป็นแม่เสียเอง ที่ไม่ได้พูดคำๆ นี้กับลูกมากพอเลย ทั้งที่แม่ให้ลูกพูดว่าขอโทษกับเรื่องเล็กน้อยเสมอ
“ลูกขอโทษแม่รึยังที่ทำน้ำหกที่พื้น”
“ลูกขอโทษแม่รึยังที่ไม่ยอมเก็บของเล่น”
“ลูกขอโทษแม่รึยังที่ทำลิปสติกแม่หัก”
แต่ตอนนี้แม่จะขอโทษลูกบ้างนะจ๊ะ
เพราะแม่ เป็นแม่ที่ขี้โมโห อารมณ์เสียใส่ลูกเสมอๆ แม่เข้มงวดกวดขันกับลูกมากไป แม่ไม่มีความอดทน แม่ตะโกนใส่ลูก แม่โวยวายใส่ลูก ตามที่สาธารณะ บางครั้งแม่ถึงขั้นบีบข้อมือลูก และบางครั้งแม่ก็บีบแรงและแน่นจนเกินไป จนทำให้ลูกเจ็บและเป็นรอย
เหตุการณ์ที่ทำให้แม่ต้องขอโทษ
แม่จำได้ว่ามีวันนึง เราไปเดินห้างสรรพสินค้ากันช่วงบ่ายๆ แม่อารมณ์เสียใส่ลูกถึง 3 ครั้ง ในระยะเวลาแค่ 2 ชั่วโมงเอง
ลูกเดินอยู่กับแม่กระโดดโลดเต้นไปมา จินตนาการในแบบที่ลูกชอบเสมอๆ แต่เมื่อลูกสะดุดและก็ล้มลง แม่พูดด้วยอารมณ์ใส่ลูกทันที
“แม่บอกแล้วใช่ไหม ให้เดินดีๆ เดี๋ยวล้มแล้วจะเจ็บตัว พูดยังไม่ทันขาดคำเลย” และดึงมือลูกให้ลูกลุกขึ้น
ต่อมาไม่นานเมื่อเราเข้าไปในร้านเฟอร์นิเจอร์ ลูกเรียกแม่ให้ดูนักเต้นบัลเลต์ในกล่องเครื่องประดับ ก่อนที่ลูกจะหยิบมันขึ้นมาและทำตก จนขาหักและมีรอยขีดข่วน หลักจากที่แม่จ่ายเงินค่าเสียหาย แม่ก็อารมณ์เสียใส่ลูกอีกครั้ง ต่อหน้าพนักงานในร้าน
“แม่บอกลูกแล้วใช่ไหม ว่าห้ามจับสิ่งของที่ไม่ใช่ของเรา”
และแม่ก็วีนแตกอีกครั้งตอนที่เรากินข้าวเย็นกันในร้านอาหาร ลูกกำลังเล่นเป็นเจ้าหญิง และลูกก็ทำน้ำในแก้วหก แม่รู้ว่าลูกวอนแล้ว อยากให้แม่อารมณ์เสียใส่อีก แม่ก็จัดไปตามนั้น
“แม่บอกลูกแล้วใช่ไหม ว่าให้ถือแก้วสองมือ ดูสิว่าลูกทำเลอะเทอะแค่ไหน”
แม่ไม่สนใจลูกแล้วกินต่อ แม่คิดว่าลูกต้องเรียนรู้สิ่งที่ลูกทำผิดพลาดไป เพื่อที่ลูกจะได้ไม่ทำผิดอีกเป็นครั้งที่สอง แต่ทุกครั้งที่แม่อารมณ์เสียใส่ลูก ว่ากล่าวลูกต่างๆ นาๆ แม่ก็เห็นแววตาที่สดใสของลูกค่อยๆ หรี่ลง ลูกก็รู้สึกผิดไม่ต่างไปจากแม่หรอก
แม่อยากหนีไปให้ไกลจากลูก
หลังจากที่เรากลับมาบ้านแล้ว แม่ก็ยังอารมณ์ไม่ดี เหวี่ยงวีน และยังโมโหอยู่ และลูกก็ยังเป็นเด็กที่ร่าเริงสดใสและอารมณ์ดีอยู่ดี ขณะที่แม่ก็อารมณ์บูดเกินกว่าจะทำอะไรทั้งนั้น แม่ล้มตัวลงนอนด้วยอารมณ์ที่ไม่ดีอยู่ดีนั่นแหละ
ตอนนั้นแม่อยากจะหนีไปไกลๆ จาก อุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ ที่ลูกทำมาทั้งวัน และเบื่อที่จะต้องว่ากล่าวลูกบ่อยๆ ไม่กี่นาทีต่อมา ลูกก็มานอนข้างๆ แม่ ลูกยังคงยิ้มกว้างให้แม่ และต้องการที่จะอยู่ข้างๆแม่ แม้แม่จะอารมณ์เสียใส่ลูก ว่ากล่าวลูกมาทั้งวัน
แม่อารมณ์ดีขึ้นจากการได้เห็นความสดใสของลูก แม่รู้สึกขอบคุณที่ลูกเป็นเด็กที่เข้มแข็ง และตอนนั้นแม่ก็นึกขึ้นได้ว่า สิ่งที่แม่เบื่อจริงๆ อยากหนีไปให้ไกลจริงๆ ก็คือตัวแม่เองนี่แหละ
ไม่อยากเป็นแม่แบบนี้
แม่ไม่อยากเป็นแม่ที่อารมณ์ขึ้นได้ง่าย โกรธและโมโหง่าย ไม่มีความอดทน ตะโกนและโวยวายตลอดเวลา แม่ไม่อยากให้ลูกเห็นว่าพฤติกรรมแย่ๆ ของแม่คือสิ่งที่ปกติ เพราะแม่เป็นแม่แบบนี้ เพราะนี่มันไม่ใช่ตัวแม่เลย
ต่อไปนี้แม่จะเตือนตัวเองอยู่ตลอดเวลา ว่าลูกยังเป็นเด็กอายุแค่ 4 ขวบ อายุเท่านี้การทำผิดพลาดคือเรื่องให้อภัยได้ หรือคิดว่าทำไมสอนลูกเท่าไหร่ลูกก็ทำไม่ได้สักที หรือแม่แต่คิดว่าลูกกำลังลองดีกับแม่อยู่
“แม่จะสอนลูกให้รับผิดชอบการกระทำของตัวเองได้ยังไง ถ้าแม่ไม่ปล่อยให้ลูกเรียนรู้ที่จะทำผิดพลาดเลย”
“แม่จะสอนลูกให้รู้จักความแตกต่างระหว่างสิ่งที่ผิดและสิ่งที่ถูกต้องได้ยังไง ถ้าแม่ไม่ปล่อยให้ลูกทำผิดเลย”
เพราะเป็นแม่ จึงต้องใจเย็น
พ่อแม่ทุกคนอยากจะปกป้องลูกๆ จากอันตรายทั้งหลาย แต่บางครั้งเราก็ไม่ได้ตระหนักว่า ความหวังดีของเราเองนี่แหละที่ส่งผลเสียต่อลูกๆ หากเราไม่เรียนรู้ที่จะปล่อยวางบ้างและให้ลูกได้ลองทำผิดบ้าง ถูกบ้าง ให้ลูกได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง
ต่อไปนี้แม่จะไม่ทำตัวปากไว แม่จะลดละและพยายามที่จะเลิกคำพูดอย่าง
“แม่บอกแล้วใช่ไหม….” เปลี่ยนเป็น ลูกเป็นอะไรไหม หรือเจ็บไหมลูกแทนนะ
แต่ตอนนี้ สิ่งที่แม่ต้องการบอกลูกก็คือ
แม่ขอโทษนะลูก
และไม่ว่าแม่จะอดทนอดกลั้นได้แค่ไหน ขอให้ลูกจำไว้เสมอว่าสิ่งที่แม่ทำได้ทั้งหมดที่แม่รู้สึกมาจากหัวใจ จิตใจและจิตวิญญาณของแม่คือ
แม่รักลูกนะจ๊ะ
ที่มา sg.theasianparent
บทความที่น่าสนใจ
เลี้ยงลูกมันเหนื่อยจริง! พ่อแม่ทุกคนมีสิทธิ์เป็น โรคซึมเศร้า เราจะทำยังไงดี
ทำไมผัวไม่ช่วยเลี้ยงลูก แอบกระซิบให้เมียจัดการตามนี้