จากการที่มีคุณพ่อคุณแม่แชร์ภัยใกล้ตัวของเหล่ามิจฉาชีผ่านเฟสบุ๊คของตัวเอง เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้คุณพ่อคุณแม่ทุกคนให้รู้เท่าทันเหล่าวายร้ายรอบตัว
เพื่อนเราเคยเจอค่ะแต่คนละแบบฝากบอกไว้นะคะ เพื่อนไปเข้าห้องน้ำลูกเล่นอยู่กับพ่อ แต่มีผู้หญิงมาอุ้มตัวเด็กไปจากพ่อแท้ๆ แล้วตะโกนเสียงดังว่าผู้ชายคนนี้ลักพาตัวเด็กแล้วมันพยายามเดินหนี และเรียกร้องให้คนจับพ่อเด็กเอาไว้ เด็กยังพูดไม่ได้ค่ะ ได้แต่ร้องด้วยความตกใจสักพักแม่เด็กออกจากห้องน้ำเห็นลูกตัวเองอยุู่กับคน อื่นและเห็นสามมีโดนจับตัวเท่านั้นแหละไม่คิดอะไรเลยค่ะ คว้าลูกกลับมาแล้วตบไม่ยั้งเลย..เตือนไว้นะคะทุกวันนี้โจรมีทุกรูปแบบเลย ต้องช่วยกันดูนะคะ
คนสมัยนี้แปลก ๆ นะคะเราเคยเจอแบบไปทานร้านอาหารแล้วเขาเป็นพนักงานในร้านค่ะ เดินเข้ามาที่ลูกเราไม่ถามอะไรซักคำอุ้มลูกสาวเดินหายเข้าไปในครัว คือตกใจมาก ๆ ค่ะ งงด้วยอะไรอ่ะไม่ขอไม่อะไรเลย เราวิ่งตามไปแล้วเอาลูกกลับมาเลยค่ะ คนบ้าไม่มีสติ ไม่มีมารยาท หน้าชาเลยเป็นห่วงลูก ลูกเราก็ร้องไห้ด้วย เพราะเขาไม่ให้คนแปลกหน้าจับตัว เขาหวงตัวค่ะ
คลิกเพื่ออ่านเรื่องต่อไปได้ที่หน้าถัดไปค่ะ
เราเคยเจอค่ะ แบบอยู่ดีดีเดินเข้ามาหาหลานเราที่ยืนอยู่บนรถเข็น (เรายืนเลือกซื้อของอยู่ข้าง ๆ แล้วเรียกชื่อว่าน้องซันมาทำอะไรตรงนี้(หลานเราชื่อแม็ค)แล้วจะพยายามอุ้ม หลานเราไป เรารีบตะโกนขึ้นเลยว่าจะบ้าหรอนี่หลานเรา มันไม่พูดอะไรแต่รีบเดินหนีเลย เป็นผู้หญิงอายุประมาณ 30-35 ปี ผิวขาวเหลือง เหตุเกิดที่อิมพีเรียลสำโรงค่ะ
“เรื่องของเด็กไปห้างดังต้องระวัง มีอยู่ว่า เย็นวันนี้ได้พาลูกสาวไปทานอาหาร เสร็จก็พามาเดินซื้อของเล่นที่ในห้าง ขณะดูของเล่นอยู่กับลูกคนละฝั่งของกระบะ แต่ไม่ไกลกัน ต่างคนต่างเพลิดเพลิน จู่ ๆ ได้ยินเสียงผู้หญิงอายุประมาณ 50 กว่าๆ ตะหวาดลูกของเรา (น้องเซฟ) ว่า ‘แสตมป์ ชักดื้อใหญ่แล้วนะ กลับบ้านเดี๋ยวนี้’ พร้อมกับเอามือจะมาคว้าน้องเซฟขณะกำลังเพลินกับของเล่น เราเป็นแม่จึงถามขึ้นว่า ‘ลูกคุณเหรอ’ เขาก็รีบพูดขึ้นว่า ‘อ้าว จำผิด ลูกคุณเหรอ’ แล้วก็รีบเดินจากไป น้องเซฟจึงได้ถามว่าใครอะ จึงบอกว่ามันคือโจรจะมาจับลูกไง ดีนะแม่อยู่ข้างๆ แล้วรีบจูงมือลูกตามมันไปดูว่ามันมีหลานชื่อแสตมป์จริง ๆ ไหม แต่มันหายไปอย่างรวดเร็ว จึงอยากให้เพื่อนๆ ในกลุ่มระวังตัวเวลาพาลูกไปห้าง ถ้าวันนี้ประมาท เราอาจเสียน้องเซฟไปตลอดชีวิต”
คลิกเพื่ออ่านเรื่องต่อไปได้ที่หน้าถัดไปค่ะ
เรื่องยาวหน่อยนะคะ แต่ระวังไว้จะได้ไม่เสียหัวแก้วหัวแหวนเราไป…
วันนั้นลูกชายกับหลานชายไม่ได้ไปโรงเรียน เราตากผ้าอยู่หลังบ้าน ลูกชายเดินมาบอกว่า แม่หนูขอไปเล่นที่สวนได้ไหม เนื่องจากที่บ้านเราติดกับสวนสาธารณะ เราก็อนุญาตให้เขาไปกันสองคน แต่ทุกครั้งที่ลูกไปไหน คำสอนเดิมๆ ที่บอกเขาทุกครั้ง คือ ห้ามคุย หรือ ไปกับบคนแปลกหน้าเด็ดขาด….
ตากผ้าเสร็จ นอนฟังเพลงได้ประมาน 5 นาทีได้ นึกขึ้นได้ไม่ได้เอาตังค์ให้เด็ก ๆ ตอนไปสวน กลัวเด็ก ๆ หิวน้ำ เลยขับมอเตอร์ไซค์จะเอาตังค์ไปให้เด็ก ๆ สิ่งที่เห็นตกใจมาก ผู้ชายร่างท้วม ผิวสีเข้มสูงประมาน 165 ใส่แจ็คเก็ตสีดำ ขับรถบิ๊กไบค์สีดำ ไม่มีทะเบียน ใส่ถุงมือดำ รองเท้าดำ กำลังยื่นถุงพลาสติกห่ออะไรไม่รู้ข้างใน สีขาว พยายามจับลูกเราดม.!!
พอมันเห็นเรามา มันรีบขับรถหนีไป.. ลูกกับหลานวิ่งปากสั่นเข้ามาหา แล้วพูดด้วยความกลัวว่า แม่เขาจะเอาหนูไปขาย หนูกลัว!!! เราเลยพาลูกกับหลานนั่งและถามว่ามันทำไง ถามอะไรบ้าง
มันพูดว่าหนูๆ มานี่ ๆ ลุงจะพาไปเที่ยว มีของกินเยอะเลยกินไหม…ลูกเราส่ายหัว ด้วยความซื่อของเด็ก มันบอกว่ามาดมนี่เร็ว ถ้าดมแล้วจะดีขึ้น (ถุงพลาสติกห่อผงสีขาว ) พอเรานั่งคุยกับเด็ก ๆ ได้ประมาน 3 นาทีได้..
มันขับรถกลับมาอีก ลูกชายเรากระโดดเข้ามาเกาะแขนเราด้วยสีหน้าที่กลัวมาก แล้วชี้ไปที่มัน แล้วพูดว่า แม่ ๆ ไอ้คนนี้แหละ เราเลยลุกขึ้น จะขับรถตาม แต่รถมันเร็วขับไม่ทัน…เลยรีบไปสถานีตำรวจ ไปแจ้งความทันที…
ห่วงเด็กๆ คนอื่นมากๆ
เหตุเกิดที่ เมืองพล จ.ขอนแก่น
เหตุการณ์ทำให้แม่อย่างชัลระวังตัวมากขึ้น
วินาทีเดียวก็สามารถพลากดวงใจคุณไปได้
แค่เอื้อมมือเดียว จะทำให้เรานอนตายตาไม่หลับไปตลอดชีวืต…
ขอให้พ่อแม่ทุกคนสอนสั่งลูกหลานดีๆ ย้ำทุกวัน เขาจะได้รู้วิธีดูแลตัวเองจากคนเลวๆ..
คลิกเพื่ออ่านข้อความเพิ่มเติมได้ที่หน้าถัดไป
จากตัวอย่างทั้งหมดที่นำมาฝากวันนี้ จะเห็นได้ว่าภัยจากมิจฉาชีพนั้นใกล้ตัวกว่าที่เราคิดจริง ๆ และเพื่อเป็นการปกป้องลูกในเบื้องต้น คุณพ่อคุณแม่ควรสอนลูกให้รู้ทันก่อนถูกมิจฉาชีพลักพาตัวนะคะ
- บอกลูกว่า “คนร้ายอาจไม่ใช่คนแปลกหน้าเสมอไป”
อย่าใช้แค่คำว่า คนแปลกหน้ากับลูกบ่อยๆ เพราะทุกวันนี้คนร้ายอาจมาในรูปแบบคนใจดีหรือคนสนิท สอนให้ลูกดูจากพฤติกรรมแทน เช่น หากมีคนขับรถผ่านไปแล้วยิ้มให้นั่นถือเป็นเรื่องปกติ แต่หากมีคนขับรถมาจอดแล้วพยายามดึงลูกเข้าไปในรถ นั่นเป็นเรื่องผิดปกติให้ลูกมีปฏิกิริยาตอบโต้ เช่น ส่งเสียร้อง
- ฝึกทักษะการร้องขอความช่วยเหลือ
คุณพ่อคุณแม่อาจเคยตั้งกฎกับลูกว่า ห้ามร้องเสียงดังในห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร หรือที่สาธารณะ ให้ปรับเปลี่ยนวิธีการพูดกับลูกว่า หากลูกรู้สึกไม่ปลอดภัย มีคนรังแกให้ลูกลืมกฎเรื่องนี้ไปซะ และให้ลูกร้องเสียงดังเพื่อเป็นการส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือได้
- สอนลูกให้รู้จักขออนุญาตทุกครั้งเวลาจะไปไหนกับใคร
ตั้งกติกากับลูกว่าหากลูกต้องออกไปวิ่งเล่นกับใครที่ไม่ใช่พ่อแม่ ให้ลูกมาขออนุญาตพ่อหรือแม่ทุกครั้งก่อนออกไปเล่นได้ ฝึกความเคยชินให้ลูกตั้งแต่เด็ก ให้ลูกมาขออนุญาตทุกครั้งแม้ต้องออกไปกับคนสนิท เช่น ตา ยาย หรือพี่เลี้ยง เพื่อเป็นนิสัยให้ลูกรู้ว่า หากมีคนชวนไปไหน ลูกจะต้องบอกพ่อแม่ก่อนเสมอ เป็นการบังคับให้ลูกอยู่ในสายตาพ่อแม่ตลอดเวลา
คำแนะนำเพิ่มเติมสำหรับคุณพ่อคุณแม่
- หมั่นไปสังเกตการณ์ที่หน้าโรงเรียนลูกบ่อยๆว่ามีใครเข้ามาคุยหรือเล่นกับลูกบ้าง
- สถานที่เสี่ยงที่เพิ่งระวัง เช่น บ้าน ตลาด ห้างสรรพสินค้า สวนสาธารณะ เป็นต้น
- เวลาไปไหนควรจูงมือเด็กตลอดเวลา ไม่ทิ้งไว้ลำพังและไม่ให้คลาดสายตา
ข้อแนะนำเหล่านี้หากถูกปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยลดอัตราเสี่ยงต่อการถูก มิจฉาชีพลักพาตัว ได้เป็นอย่างมาก คุณพ่อคุณแม่ควรเริ่มสำรวจความพร้อมและเช็คไหวพริบของลูกๆได้แล้วค่ะ ก่อนจะสายเกินแก้
ที่มา: Momy365
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ:
มาปกป้องลูกให้พ้นจากโจรไซเบอร์กันเถอะ
ขโมยเด็ก! รู้ไหม ง่ายกว่าที่พ่อแม่คิด