ลูกทำผิดพ่อแม่ให้ท้าย เพราะรักมากไป
ขึ้นชื่อว่าลูกยังไงพ่อแม่ก็รัก ใครจะว่ายังไง ทำผิดขนาดไหนพ่อแม่ก็พร้อมให้อภัยเสมอ แต่การที่ ลูกทำผิดพ่อแม่ให้ท้าย โดยที่ไม่สนใจว่าความจริงคืออะไร หรือไม่สนใจว่าลูกเราจะไปกระทำความรุนแรง หรือพฤติกรรมรุนแรงกับใคร จนคนนั้นเกิดความเสียหายไม่ว่าจะทางร่างกาย จิตใจ หรือแม้แต่ทรัพย์สินเงินทองก็ตาม การกระทำแบบนี้ของพ่อแม่ยิ่งเหมือนทำให้ลูกกลายเป็นคนที่ไม่รู้จักคุณค่าของคนอื่น ไม่รู้จักสำนึกในสิ่งที่ตัวเองทำไป และเหมือนเป็นการผลักดันให้ลูกยิ่งกระทำความรุนแรงมากขึ้นจนกลายเป็นอาชญากรได้ในอนาคต
หากมองย้อนกลับไป เราคงจะพบเห็นข่าวของเด็กและวัยรุ่นไม่น้อยตามสื่อต่างๆ นับวันอายุของผู้กระทำความผิดนั้นมีอายุน้อยลงเรื่อยๆ ทั้งเรื่องของการตีกัน ยิงกัน รุมโทรม หรือแม้แต่การทำร้ายร่างกายคนชราจนถึงแก่ความตาย ซึ่งล้วนเป็นเรื่องที่มีสะเทือนใจเป็นอย่างมาก สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ทำไมเด็กถึงกล้าจะลงมือทำเช่นนี้
โดยเพจ พนักงานสอบสวนหญิง ที่เขียนโดย “ผู้กองทราย เล่าเรื่อง” ได้เล่าถึงเรื่องการรุมโทรมเด็กหญิง อายุประมาณ 13-14 ปี โดยเด็กชาย 7 คนที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน “คนนึงปิดตา คนนึงจับแขน คนนึงจับขา สลับกันขึง สลับกันสอดใส่เวียนไปจนครบ ” คือข้อความที่ตัดตอนมาจากการสอบปากคำในครั้งนั้น ซึ่งมีประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก คือ
เด็กทำผิดไม่รู้จักสำนึก
ระหว่างที่ทำการสอบสวน ผู้กองทรายได้เรียกเด็กชายทั้งหมด 6 คนเข้าไปในห้องร้อยเวร (อีก 1 คนไม่สามารถติดต่อได้) ระหว่างที่ทำการพูดคุย เด็กชาย 6 คนนั่งก็พูดคุย หัวเราะ หยอกล้อ ขำขันกันคิ๊กคั๊ก ซึ่งไม่ทราบว่าคุยเรื่องใดแต่รู้สึกได้ว่า ความสำนึกผิดในจิตใจของพวกเขาช่างมีน้อยเหลือเกิน
เด็กปฎิเสธความผิดทุกกรณี
ผู้กองทรายเรียกฉันเรียกผู้ต้องหาทั้ง 7 มายัง สน. เพื่อแจ้งข้อกล่าวหา และเรียกเข้ามาทีละคนเพื่อสอบปากคำ ทั้ง 7 คนปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ซึ่งมีการประชุมนัดกันมาทุกคนแล้วว่าจะตอบแบบนี้ ไม่ให้ความร่วมมือ และไม่รู้สึกผิด ทั้งที่วันแรกถามก็ยอมรับ
พ่อแม่ให้ท้ายแม้ลูกจะกระทำผิดต่อคนอื่น
ผู้กองทรายได้แสดงความคิดเห็นต่อเหตุการณ์ในครั้งนี้ว่า “ฉันคิดว่าเหตุการณ์นี้ มันทำให้ฉันคิดอะไรบางอย่างว่าพ่อแม่ของเด็กชายพวกนี้เขาสอนลูกเขาอย่างไร เขามอบอะไรใส่เข้าไปในสมองเด็กๆ พวกนี้ ถามว่าพวกเด็กชายนี้ โตพอที่จะมีจิตสำนึกรู้ดีชั่วหรือยัง ตอบเลยว่ารู้แล้ว ในวันแรกฉันได้ถามคำถามว่า พวกเขารู้ไหม๊ว่าการทำแบบนี้มันเป็นความผิด พวกเขาก็ตอบว่าเขารู้ แต่ทำไมถึงทำหล่ะ อาจจะเพราะรู้มาก ว่า โอ๊ยยยย เด็กทำอะไรศาลก็ไม่ลงโทษหรอก หรือลงเพียงเล็กน้อย ไม่พอสะท้านพวกเราหรอก พ่อแม่ก็ยังให้ท้ายลูกเสมอไง เขาเลยมีความกล้าที่จะทำ ปล่อยปละละเลย ให้รวมกันเป็นแก๊งค์เป็นกลุ่มไม่รักเพื่อนร่วมโลก
ฉันได้พูดคุยกับผู้ปกครองคนหนึ่งที่เป็นผู้ประสานงานจึงทำให้ฉันรู้ว่าสาเหตุที่เกิดเรื่องแบบนี้นั้นก็เพราะผู้ปกครองห่วยๆแบบนี้ด้วยที่ไม่สอนลูก ให้รู้จักการให้เกียรติเพื่อนร่วมโลก ไม่เกรงกลัวการกระทำความผิด และไม่ได้ทำให้เด็กชายพวกนั้นสำนึกกับการกระทำผิดในครั้งนี้แม่แต่นิดเดียว”
เมื่อลูกทำผิดควรทำอย่างไร
- อย่าเข้าข้างเมื่อลูกทำผิด การที่พ่อแม่เข้าข้างลูกเมื่อทำผิด ต้องถือว่า เป็นความผิดพลาดอย่างร้ายแรงเพราะทำให้ลูกหลงผิดคิดไปว่า “ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป” เมื่อเด็กเติบโตขึ้นมาก็จะมุ่งทำแต่ความชั่วเรื่อยไป ดังนั้น พ่อแม่อย่ารักลูกด้วยการตามใจ ถ้าลูกทำผิดต้องทำโทษ ยอมให้ลูกเจ็บเสียแต่ตอนนี้ ดีกว่าให้ชีวิตของลูกเจ็บปวดเดือดร้อนไปตลอดชีวิต
- เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูก การถ่ายทอดลักษณะนิสัยใจคอให้กับลูกมี 2 วิธี คือ ทางกรรมพันธุ์ และสิ่งแวดล้อมหรือการอบรม เมื่อลูกคลอดออกมาลืมตาดูโลก ต้องรีบอบรม อย่าคิดว่าเด็กทารกไม่รู้อะไร เพราะแม้แต่การให้นมเป็นเวลา ก็เป็นการเพาะนิสัยเด็กให้เป็นคนตรงต่อเวลาเช่นกัน
- อย่าปล่อยให้เด็กทำผิดจนเป็นนิสัย เมื่อเด็กทำอะไรผิด ในระยะ 2-3 ครั้งแรก เด็กจะมีพิรุธให้เห็นได้ชัด ทำให้เราหาทางแก้ไขได้ทันท่วงที ถ้าผู้ใหญ่ไม่รู้ หรือปล่อยปละละเลย เด็กก็จะเกิดความเคยชิน ทำผิดเป็นนิสัยโดยไม่มีพิรุธให้ผู้ใหญ่จับได้ ทำให้เสียนิสัยที่ดีงามไปในที่สุด
- รักลูกให้ถูกวิธี โดยการปลูกฝั่งสิ่งที่ดีให้กับลูก เริ่มจากฝึกลูกให้เป็นคนมีเหตุผล รู้จักคิดพิจารณาเอง ถ้าทำได้สำเร็จ เด็กจะมีสติปัญญาเฉียบแหลม และไม่เห็นผิดเป็นชอบ ฝึกให้ลูกรู้จักความมีวินัย ความเมตตากรุณา เป็นคนอ่อนโยนมีมนุษย์สัมพันธ์ดี รู้จักให้อภัย
บางครั้งการกระทำของเด็ก พ่อแม่อาจจะไม่เคยสอนให้เขาเป็น แต่การที่พ่อแม่คอยดูแลอย่างใกล้ชิด คอยสอดส่องว่าลูกของเราทำอะไรอยู่กับใคร มีพฤติกรรมแบบไหนก็อาจะคอยช่วยตักเตือนได้บ้าง และหากลูกทำผิดแล้วก็ควรที่จะบอกกล่าวให้ลูกรู้จักสำนึก รู้จักผิดชอบชั่วดี รู้จักให้เกียรติคนอื่น และรู้จักเข้าอกเข้าใจคนอื่น เพราะสิ่งที่เราทำอาจเป็นตราบาปให้คนอีกคนไปตลอดชีวิต
ที่มา: kalyanamitra
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ:
อยากรู้ว่าลูกฉลาดแค่ไหน แม่จะรู้ได้อย่างไรว่าลูกหัวไว ส่อแววอัจฉริยะ เทคนิคการเลี้ยงลูกให้ฉลาด
วิธีเลี้ยงลูกแบบสวีเดน เลี้ยงลูกอย่างไรให้ฉลาดแบบไม่ต้องยัดเยียด
พ่อแม่ 4 ประเภท ที่ทำให้ลูกมีพฤติกรรมดีหรือก้าวร้าว คุณเป็นพ่อแม่แบบไหน