ปัจจุบันมีดาราเด็กและเน็ตไอดอลมากมาย จนกลายเป็นว่าพ่อแม่ที่มีลูกน่ารักๆ ก็อยากผลักดันให้ลูกเข้าวงการบันเทิง เล่นหนัง เล่นละคร หรือเข้าสู่การประกวดต่างๆ เช่น นางแบบตัวน้อย ประกวดร้องเพลง โดยการให้เด็กทำงานตั้งแต่เล็กๆ มีทั้งข้อดีและข้อเสียที่คุณพ่อคุณแม่ต้องระมัดระวัง!
พญ.โสรยา ชัชวาลานนท์ กุมารแพทย์และจิตแพทย์เด็ก โรงพยาบาลพระมงกฏเกล้า จะมาบอกถึงข้อดีข้อเสียของการเป็นดาราเด็ก รวมถึงแนะนำว่าคุณพ่อคุณแม่ต้องทำอย่างไร เพื่อให้ลูกมีความสุขที่สุด เป็นแนวทางให้กับพ่อแม่ได้ตัดสินใจก่อนพาลูกเข้าวงการ
ยิ่งทำงานเร็ว ก็ยิ่งเสียโอกาสในการ “เป็นเด็ก”
พญ.โสรยา ชัชวาลานนท์ กุมารแพทย์และจิตแพทย์เด็ก โรงพยาบาลพระมงกฏเกล้า อธิบายถึงข้อเสียของการให้เด็กทำงานตั้งแต่เล็กๆ ทั้งการเป็นดาราเด็ก เน็ตไอดอล นักร้องรุ่นเยาว์ หรือนายแบบตัวน้อยไว้ว่า การให้เด็กทำงานตั้งแต่เล็กๆ ต้องทำสิ่งต่างๆ ตามโปรแกรมที่ผู้ใหญ่กำหนดและกะเกณฑ์ไว้ ทำให้เด็กเสียโอกาสในการ “เป็นเด็ก” นั่นคือ เด็กขาดการได้เล่นตามวัย ขาดการได้พัฒนาทักษะตามวัย โดยเฉพาะทักษะทางสังคม
“แทนที่จะได้เล่นกับเพื่อนวัยเดียวกันกลับต้องอยู่กับผู้ใหญ่ ทำให้ขาดการเรียนรู้ทักษะต่างๆ ในการใช้ชีวิต ตัวอย่าง เช่น เด็กจะดูเก่ง สามารถทำงานกับผู้ใหญ่ ติดต่อสื่อสาร ต่อปากต่อคำกับผู้ใหญ่ได้ แต่เมื่อเล่นกับเพื่อนแล้วเพื่อนไม่เล่นตามที่ตัวเองอยากเล่นก็ต้องทะเลาะกับเพื่อน เพราะไม่เคยเรียนรู้ว่าต้องทำอย่างไร ทำให้ไม่มีใครอยากเล่นด้วย เพราะขาดทักษะการเจรจา การประนีประนอม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทักษะทางสังคม”
เครียดตั้งแต่เด็กส่งผลต่อ ความผิดปกติด้านอารมณ์เมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่
นอกจากนี้ เด็กที่ทำงานจะไม่มีโอกาสได้เล่นตามที่ตัวเองอยากเล่น หรือที่เรียกว่า Free play ผลเสียคือการขาดโอกาสในการจินตนาการ ปิดกั้นความคิดสร้างสรรค์ของเด็ก รวมทั้งทักษะการแสดงส่วนใหญ่ไม่ได้ส่งเสริมการพัฒนาด้านอื่นๆเช่น การพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็ก มัดใหญ่
นอกจากเรื่องพัฒนาการแล้ว เด็กที่เป็นนักแสดง ย่อมมีความเครียด ความกังวล มีความคาดหวังต่องานที่ต้องทำ ซึ่งก่อให้เกิดความเครียดภายในตัวเอง อาจถูกซ้ำเติมด้วยความคาดหวังจากพ่อแม่และคนรอบข้าง ทำให้เด็กรู้สึกกดดัน จนอาจนำไปสู่ปัญหาด้านอารมณ์ ซึ่งปัญหาทางอารมณ์ในเด็กยากกว่าผู้ใหญ่ เนื่องจากเด็กเองอาจไม่รู้ว่าที่ตัวเองรู้สึกอยู่คืออะไร สาเหตุอะไร ไม่สามารถบอกเล่าได้ว่าตนเองมีปัญหาเพราะเล่าไม่เป็น หรืออาจไม่กล้าที่จะบอกเล่าปัญหาให้พ่อแม่ฟังเพราะอาจกลัวว่าพ่อแม่จะผิดหวังเสียใจ จนในที่สุดนำไปสู่ปัญหาความผิดปกติด้านอารมณ์อย่างต่อเนื่องจนถึงในวัยผู้ใหญ่
ไม่ได้มีแต่ข้อเสีย การเป็นดาราเด็กก็มีข้อดี
การเป็นดาราตั้งแต่เด็กไม่ได้มีแต่ข้อเสีย! พญ.โสรยา เผยถึงข้อดีของการเป็นดาราเด็กไว้ว่า ข้อดีสำหรับตัวเด็กเอง ได้แก่ เด็กสามารถเห็นจุดเด่นในตัวเอง มีความมั่นใจและภาคภูมิใจในตัวเองได้ การส่งเสริมให้เด็กได้เป็นดารา เป็นสิ่งที่ทำได้ แต่ต้องทำให้เด็กมีความสุขด้วย
พ่อแม่ต้องทำอย่างไร เมื่อลูกเป็นดาราเด็ก
เพื่อให้เด็กมีความสุขที่สุดและเติบโตอย่างเป็นผู้ใหญ่ที่สมบูรณ์นั้น พญ.โสรยา แนะนำว่า พ่อแม่ ผู้ปกครองต้องคอยบอก สอน ให้เด็กแยกแยะ โลกของการแสดงกับโลกของความเป็นจริงให้ได้ เด็กต้องถูกสอนว่า ตัวเองเป็นเด็กธรรมดาๆ คนหนึ่งจนกระทั่งเค้าเชื่อตามนั้นจริงๆ เพื่อให้เด็กได้เข้าสังคมได้ตามวัย พ่อแม่ควรให้ความสำคัญกับสิ่งอื่นที่เป็นเรื่องสำคัญสำหรับเด็กด้วย เช่น การเรียน เป็นเรื่องสำคัญที่สุด ดังนั้นต้องยึดหลักว่า หากงานแสดงซ้อนกับชั่วโมงเรียน ต้องเลือกให้ความสำคัญกับการเรียนมากกว่า พ่อแม่ต้องตกลงกับทีมงานแสดงให้ชัดเจนในเงื่อนไขตั้งแต่ต้น นอกจากนี้ ต้องมีเวลาให้เด็กได้ใช้ชีวิตกับเพื่อนวัยเดียวกัน เปิดโอกาสให้เด็กได้เล่นตามวัย ตามจินตนาการ
“อย่างที่กล่าวไปแล้วข้างต้น การทำงานสามารถทำได้ แต่ต้องแบ่งเวลาให้เหมาะสม ให้เด็กได้มีเวลาที่เป็นตัวของตัวเอง ได้เล่นตามวัย มีเวลาพักผ่อนที่เพียงพอ จริงๆ แล้วทีมงานที่เป็นผู้ดูแลเรื่องการแสดงต้องมีความรับผิดชอบต่อเด็กด้วย เช่น จัดเวลาทำงานให้เหมาะสมกับวัยเด็ก ไม่ใช่ให้ทำงานตามที่ผู้ใหญ่กำหนดเพียงเพื่อให้งานออกมาดี โดยไม่มีความเห็นอกเห็นใจเด็ก ไม่ให้ทำงานหามรุ่งหามค่ำ หรือไม่ให้เด็กพักผ่อน เป็นต้น” พญ.โสรยา ปิดท้าย
ทุกๆ อย่างล้วนมีข้อดีและข้อเสีย อยู่ที่พ่อแม่จะเลือกให้ลูกเป็นอย่างไร แต่อย่าลืมที่จะแสดงความรัก ใส่ใจ และเข้าใจลูกให้มากๆ เพื่อให้ลูกเติบโตด้วยความรัก และเป็นผู้ใหญ่ที่สมบูรณ์ในแบบของตัวเอง
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
คุมอารมณ์คุณแม่ไม่ให้ปรี๊ดแตก เมื่อลูกดื้อ
คู่มือเลี้ยงลูกสู่การเป็นพ่อแม่ที่ดีขึ้นใน 14 วัน