ปัจจุบันอัตราการผ่าคลอดได้เพิ่มจำนวนขึ้นสำหรับคุณแม่ยุคใหม่ เนื่องจากการตั้งครรภ์ในช่วงอายุที่มากขึ้น ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่สามารถวินิจฉัยปัญหาของการตั้งครรภ์ได้แต่เนิ่น ๆ และคุณแม่สามารถฟื้นตัวหลังคลอดได้รวดเร็วกว่าเมื่อก่อน จึงทำให้การผ่าคลอดเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน
แต่คุณแม่รู้หรือไม่ว่า การผ่าคลอดเป็นการลดโอกาสที่ลูกน้อยจะได้รับจุลินทรีย์ดีผ่านทางช่องคลอด ซึ่งเป็นแหล่งภูมิคุ้มกันตั้งต้นของลูก อีกทั้งยังอาจส่งผลต่อพัฒนาการทางสมองของลูก อาจทำให้เรียนรู้ได้ช้า และส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้เด็กมีโอกาสเจ็บป่วยง่ายกว่าเด็กที่คลอดธรรมชาติ
ไม่ยาก..ถ้าอยากให้ลูกผ่าคลอดพัฒนาการสมองดี ภูมิคุ้มกันแข็งแรง
เด็กผ่าคลอดต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่ด้านพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันมากเป็นพิเศษ คุณแม่ผ่าคลอดควรทำความเข้าใจวิธีดูแลลูกน้อยเพื่อให้พวกเขาเจริญเติบโตได้ดีไม่แพ้เด็กคลอดธรรมชาติ
ศึกษาโภชนาการที่เหมาะสมกับลูกผ่าคลอด
“น้ำนมแม่” ดีที่สุด เพราะในน้ำนมแม่เป็นแหล่งรวมสารอาหารที่สำคัญต่อการเจริญเติบโตของลูกน้อยมากกว่า 200 ชนิด องค์การอนามัยโลก (World Health Organization: WHO) และองค์การยูนิเซฟ (United Nations Children’s Fund: UNICEF) จึงได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการให้นมลูกว่า ลูกควรได้รับนมแม่เพียงอย่างเดียวในช่วง 6 เดือนแรก และควรให้นมแม่ต่อเนื่อง ควบคู่กับอาหารตามวัยที่ปลอดภัย มีคุณค่า และเหมาะกับอายุ ตั้งแต่เดือนที่ 6 ไปจนถึงลูกอายุ 2 ขวบ หรือนานกว่า แต่สำหรับเด็กผ่าคลอดนั้นอาจมีความต้องการสารอาหารที่ช่วยเสริมสร้างสมอง และภูมิคุ้มกันเพิ่มเติม
สฟิงโกไมอีลิน : เสริมสร้างพัฒนาการทางสมองที่ดีของลูกผ่าคลอด
“สฟิงโกไมอีลิน” คือหนึ่งในสารอาหารที่สมองต้องการ มีความสำคัญต่อลูกน้อยทุกคนโดยเฉพาะเด็กผ่าคลอด พบมากในน้ำนมแม่และผลิตภัณฑ์นม ไข่ ครีม ชีส เป็นต้น
สฟิงโกไมอีลินมีบทบาทในการใช้สร้างปลอกไมอีลินช่วยเชื่อมโยงการทำงานของเซลล์ประสาทของสมอง ซึ่งเป็นกลไกที่สำคัญในการทำงานของสมองนั่นเอง
โดยกระบวนการการสร้างไมอีลินในสมองของลูกน้อยจะเริ่มต้นตั้งแต่อยู่ในครรภ์ และยังคงมีการสร้างต่อเนื่องควบคู่ไปกับการพัฒนาสมองภายใน 2
ปีแรกหลังคลอด เมื่อลูกได้รับสฟิงโกไมอีลินในปริมาณที่เหมาะสมและเพียงพอต่อความต้องการ จะช่วยให้ลูกมีพัฒนาการสมองดี คิดเร็ว เรียนรู้ไว เสริมทักษะความจำ การวิเคราะห์ และการเรียนรู้
บีแล็กทิส (B. lactis) : เสริมสร้างภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงแม้ลูกผ่าคลอด
จุลินทรีย์สุขภาพ Bifidobacterium lactis หรือ “B. lactis” เปรียบเสมือนเกราะป้องกันในช่วงแรกของชีวิตลูกน้อย พบได้มากในนมแม่และลำไส้ของเด็กที่คลอดธรรมชาติ ซึ่งเด็กผ่าคลอดอาจจะเสียโอกาสในการได้รับจุลินทรีย์ที่ดีนี้ไป คุณแม่จึงควรให้ลูกได้รับน้ำนมแม่ ซึ่งมีจุลินทรีย์สุขภาพหลายสายพันธุ์ รวมทั้ง B.lactis เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกแข็งแรง ไม่เจ็บป่วยง่าย
สมองไว ภูมิคุ้มกันดี เริ่มต้นได้ในช่วงแรกของชีวิต
การที่ลูกจะเติบโตได้อย่างสมบูรณ์ แข็งแรงสมวัย จะต้องอาศัยปัจจัยหลายด้านควบคู่กันไป โดยเฉพาะเด็กผ่าคลอดที่ต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่มากเป็นพิเศษในวัยแห่งการเรียนรู้นี้ หากผู้ปกครองต้องการเสริมสร้างพัฒนาการสมองที่ดีแก่ลูก ให้พวกเขามีทักษะการเรียนรู้ สมองไว รวมถึงหากต้องการสร้างระบบภูมิคุ้มกันที่ดี ให้ลูกเป็นเด็กแข็งแรง ไม่เจ็บป่วยง่าย ควรเริ่มจากการดูแลโภชนาการ ให้ลูกได้รับสารอาหารอย่างเหมาะสม ช่วยส่งเสริมพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่ดีตั้งแต่แรกเริ่ม ควบคู่ไปกับการเลือกเสริมพัฒนาการด้านอื่น ๆ ตามความเหมาะสม เพราะพื้นฐานที่ดีเปรียบเสมือนการเริ่มต้นที่เหนือกว่า
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สร้างสมองไวให้เด็กผ่าคลอด พร้อมเสริมภูมิคุ้มกัน | S-Mom Club
และนอกจากโภชนาการที่ดีจะช่วยเสริมสร้างพัฒนาการทางสมองให้กับลูกน้อยแล้ว การทำกิจกรรมเพื่อฝึกทักษะทางสมองก็เป็นหนึ่งในวิธีที่จะช่วยให้เด็กผ่าคลอดมีสมองไวได้เช่นกัน
กิจกรรมเสริมทักษะด้านสมอง การคิด ให้ลูกผ่าคลอด
คุณแม่สามารถเริ่มชวนลูกพูดคุย ถามตอบ เพื่อให้ลูกได้ใช้ทักษะการคิดประมวลผลในการสื่อสาร เพราะเด็กในวัยนี้เป็นวัยแห่งการเริ่มต้นเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ เริ่มที่จะพูดเป็นคำมากขึ้น มีการเลียนแบบคำพูดหรือพฤติกรรมที่ได้รับผ่านการฟังและการมองเห็น นอกจากนี้การหากิจกรรมต่าง ๆ ที่เหมาะสมกับวัยมาช่วยเสริมพัฒนาการด้านต่าง ๆ ให้ลูกน้อยก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดี ที่จะช่วยเสริมสร้างพัฒนาการให้ลูกน้อยได้ เช่น ของเล่นที่ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการสมอง เน้นสีสัน รูปทรง วิธีการเล่น เพื่อกระตุ้นให้สมองของลูกจดจำและเรียนรู้ได้ดี
อย่าลืมว่าการที่ลูกจะสมองไวได้นั้น จะต้องได้รับโภชนาการที่เหมาะสม และการฝึกฝนทักษะอย่างต่อเนื่อง เพราะพัฒนาการของลูกน้อยในปัจจุบัน คือรากฐานสำคัญสู่อนาคตของพวกเขานั่นเอง