โบท็อกซ์ คืออะไร
แม่ให้นมลูกฉีดโบท็อกซ์ได้ไหม
โบท็อกซ์หรือ โบทูลินัม ท็อกซิน คือสารเติมเต็มที่ใช้ฉีดเข้าใต้ผิวหนังเพื่อคงรูปกล้ามเนื้อบางส่วนบนใบหน้าเพื่อลดการแสดงสีหน้าหรือริ้วรอยต่าง ๆ
แม่ให้นมลูกฉีดโบท็อกซ์ได้ไหม?
ในปัจจุบันยังไม่มีการศึกษาวิจัยอย่างจริงจัง อีกทั้งยังไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ที่สามารถยืนยันได้อย่างแน่ชัดถึงความปลอดภัยจากการฉีดโบท็อกซ์ระหว่างให้นมลูก แต่สำหรับใครที่แพ้ หรือมีประวัติแพ้สารโบทูลินัมอยู่ รวมไปถึงเคยมีประวัติเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงมาก่อน ไม่ควรฉีดโบท็อกซ์นะครับ เพราะอาจเกิดอันตรายได้
- ในการฉีดโบท็อกซ์แต่ละครั้งนั้นร่างกายจะได้รับสารโบทูลินั่ม ท็อกซิน ชนิด เอ (botulinum toxin type A) แต่ก็เป็นปริมาณที่น้อย
- สารที่ถูกฉีดจะตรงไปยังกล้ามเนื้อ และยังไม่มีข้อมูลยืนยันว่าสารที่ถูกฉีดนั้นจะไหลวนเวียนในร่างกายหรือผ่านไปกับน้ำนมของคุณแม่
- การฉีดโบท็อกซ์นั้นเป็นไปได้ว่าจะไม่เป็นอันตรายโดยตรงต่อลูกน้อย แต่ยังไม่มีผลการวิจัยทางวิทยาศาสตร์มายืนยันถึงเรื่องดังกล่าว
- แม้ว่าการฉีดโบท็อกซ์นั้น ดูเหมือนว่าจะไม่ส่งผลกับลูกผ่านทางการให้นม แต่คุณแม่ควรให้นมลูกก่อนที่จะทำการฉีดโบท็อกซ์และควรเว้นการให้นม 4 – 6 ชั่วโมง หลังจากการฉีดโบท็อกซ์
- การฉีดโบท็อกซ์นั้นควรทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น และหากคุณยังอยู่ในช่วงที่ต้องให้นมลูกคุณควรปรึกษาแพทย์ทุกครั้งก่อนทำการฉีดโบท็อกซ์
ผลข้างเคียงจากการฉีดโบท็อกซ์
การฉีดโบท็อกซ์อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงเช่น อาการปวด หรือบวมบริเวณที่ทำการฉีดโบท็อกซ์ ปากแห้ง ปวดหัว และอ่อนเพลีย นอกจากนั้นแล้ว การฉีดโบท็อกซ์อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงอื่นๆตามมาได้ ซึ่งหากคุณมีอาการเหล่านี้ คุณควรเข้าพบแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิฉัยครับ ซึ่งอาการที่ว่านั้นได้แก่
- กลืนลำบาก
- มีปัญหาในการพูด
- กล้ามเนื้ออ่อนแรง
- หายใจลำบาก
- หนังตาตก
- มองเห็นไม่ชัด
- อาการบ่งบอกถึงการแพ้ เช่น อาการคัน มีผื่นขึ้น ลมพิษ หายใจเสียงดัง
สำหรับผลข้างเคียงต่อลูกน้อยนั้นยังไม่เป็นที่ปรากฏแน่ชัด แต่คุณแม่ควรสังเกตุอาการของลูกน้อยอย่างใกล้ชิด หากลูกน้อยมีอาการอ่อนเพลีย หรือมีปัญหาในเรื่องระบบการย่อยอาหาร ควรรีบพาลูกน้อยไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจรักษาครับ
อย่างไรก็ตามคุณแม่สามารถดูแลสุขภาพให้แข็งแรง หันมาออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ แล้วรอให้พ้นช่วงให้นมลูกไปก่อนแล้วค่อยฉีดโบท็อกซ์ก็ได้นะครับ อาจจะต้องอดทนรอนานอีกสักนิด แต่นอกจากคุณแม่จะมีสุขภาพดีแล้ว ยังมั่นใจได้ว่าจะไม่มีสารอะไรที่เป็นอันตราย ส่งผ่านไปทำร้ายลูกน้อยได้อย่างแน่นอนครับ
ที่มา verywell.com
บทความอื่นๆที่น่าสนใจ
ทำไมให้นมลูก แล้วชอบเจ็บหัวนม?
อึลูกจากการให้นมแม่และนมผง ต่างกันอย่างไร?