นี่คือเรื่องราวชีวิตของคุณอิสราภรณ์ รัตนกุล หรือ แม่แอณ และน้องเซบาสเตียน ศักดิพัฒน์ รัตนกุล โดรัม เฮนเซ่น หรือ น้องบัสเตียน
แม่แอณแต่งงานกับหนุ่มเดนมาร์ก และย้ายไปใช้ชีวิตอยู่ที่เดนมาร์ก เราคิดว่าชีวิตมันจะสวยหรูแต่มันไม่ใช่อย่างที่เราคิดเอาไว้เลย มันทรมานที่อยู่กับคนที่โกหกเก่งสร้างเรื่องให้ดูดี ไม่ยอมทำงานหรือหางานทำ จนกระทั่งแม่แอณท้องเขาก็ยังไม่ปรับตัว
จนกระทั่งน้องบัสเตียนลืมตาดูโลก ภาระเริ่มหนักขึ้น ค่าใช้จ่ายมากขึ้น ส่วนสามีไม่ยอมทำงาน แม่แอณต้องเอาน้องไปฝากเลี้ยงแล้วออกไปรับจ้างทำความสะอาดบ้าน ทำความสะอาดโรงเรียนเพื่อให้ได้เงินมาเป็นค่าใช้จ่ายของน้อง อีกส่วนก็โทรขอให้คุณยาย (แม่ของแม่แอณ) ส่งเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายทั้งค่าบ้าน ค่านํ้าค่าไฟ เมื่อเงินหมด ไม่พอส่งมาที่เดนมาร์ก ตัวสามีไม่ยอมทำงาน เราสองคนแม่ลูกจึงโดนรัฐบาลเดนมาร์กส่งกลับมาเมืองไทย
ตอนนั้นน้องบัสเตียนอายุสองขวบ มีตำรวจมาส่งเราขึ้นเครื่องเราโดนส่งกลับมาระยะเวลา 3 ปี ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน แต่เอานะแม่แอณยังพอมีเงินเก็บจากการทำงานอยู่ก้อนหนึ่ง เราเอามาใช้ที่เมืองไทยก็ได้ คุณพ่อบัสเตียนได้มาส่งที่สนามบินร้องไห้เสียใจมากจนตำรวจส่งเราขึ้นเครื่อง ข้าวของ รถยนต์ก็ยังไม่ได้จัดการขาย เพราะคิดว่ายังไงคงจะได้กลับไปอีก เราสองคนแม่ลูกเดินทางมาถึงเมืองไทย คุณตาคุณยายของบัสเตียนดีใจมาก จุดเปลี่ยนชีวิตเข้ามา เมื่อแม่แอณไปกดเงินเพื่อจะเอาออกมาฝากเข้าบัญชีไทยกดเท่าไหร่ก็กดไม่ได้ โทรไปถามธนาคารที่เดนมาร์ก ธนาคารบอกว่ามีคนกดเงินออกไป คนคนนั่นก็คือพ่อของบัสเตียนนั่นเอง
แม่แอณโทรไปถามพ่อบัสเตียนก็บอกไม่ได้กด จนสุดท้ายเค้ายอมรับออกมา ซึ่งเป็นสิ่งที่เราไม่คาดคิดว่าเขาจะทำกับเราสองคนแม่ลูก ตอนนั้นแม่แอณตันมากคะ ไม่รู้จะทำอะไรหรือยังไงดี เลยเริ่มขายของออนไลน์เลี้ยงน้อง แรกๆ ขายไม่ดีเพราะเรายังไม่รู้การตลาด หลังๆ ลงของมากขึ้น เริ่มมีคนเข้ามาสั่งของมากขึ้น คือเป็นเงินหมุน แม่แอณหาเงินจากตรงนี้มาเป็นค่าใช้จ่ายของน้องและค่าเรียนของน้อง ทำเช้ายันดึกจนบางทีน้องบัสเตียนถามว่า “มามี้ไม่นอนหรือครับ บัสเตียนไม่เคยเห็นมามี้นอนเลย เห็นมามี้นั่งลงของขายตลอดเลย” ช่วงนั้นยอมรับเลยว่าเราต้องสู้ สู้เพื่อลูก บางครั้งก็แอบร้องไห้ให้กับชีวิตของตัวเอง
แต่ในเมื่อมันเปลี่ยนไม่ได้ก็ต้องสู้ต่อไป พูดในใจว่า ต่อไปนี้เราไม่ได้สู้เพื่อตัวเราแต่เราต้องสู้เพื่อบัสเตียน จนกระทั่งวันนึง เราเดินมาสยามมีแมวมองเดินตามมาขอถ่ายรูปน้องสัมภาษณ์น้อง นั่นคือเป็นจุดเริ่มต้นที่แม่แอณมองหาโมเดลลิ่งให้บัสเตียน
โมเดลลิ่งแรกที่แม่แอณสมัครเข้าไปคือแก้มแดงโมเดลลิ่งและก็โมเดลลิ่งต่างๆ ค่ะ โมเดลลิ่งก็เริ่มส่งงานให้น้องไปแคส ส่งมาเรื่อยๆ แม่แอณหยุดขายของ คอยรับส่งบัสเตียนเรียน ส่งแคสงาน จนน้องได้งานถ่ายโฆษณาตัวแรก คือ swensens วาเลนไทน์ น้องเล่นเป็นคิวปิค ซึ่งเป็นงานแรกที่น้องได้ถ่ายแล้วเราก็ไม่รู้ว่าการถ่ายโฆษณานี่ต้องใช้เวลาถ่ายนานมาก บัสเตียนอายุเพิ่ง 3 ขวบเกือบ 4 ขวบ เราไม่แน่ใจว่าน้องจะทำได้ไหม งานแรกน้องไม่งองแงเลย ออกกองตอนตี 5 เลิกกอง 2 ทุ่ม ถ่ายจนทีมงานปรบมือให้
แล้วมาได้โฆษณาตัวที่ 2 คือนมเอนฟาโกร และโฆษณาอื่นๆ ตามมาอีกมากมาย ถ่ายแฟชั่น ถ่ายแคตตาล็อค เล่นละคร เดินแบบ ถ่ายแบบ ทุกครั้งที่ทำงานเสร็จแม่แอณจะถามน้องตลอดว่าเหนื่อยไหมครับลูก ถ้าเหนื่อยหรือลูกไม่อยากทำ บอกแม่นะ แต่คำตอบที่ออกมาจากปากของบัสเตียนทุกๆครั้ง “บัสเตียนไม่เหนื่อยครับ บัสเตียนอยากได้งานเยอะๆ บัสเตียนอยากทำงาน ทำงานจะได้มีเงินไว้เลี้ยงมามี้ บัสเตียนไม่อยากเห็นมามี้เหนื่อย ไม่อยากเห็นมามี้ร้องไห้ บัสเตียนอยากทำงาน บัสเตียนรักมามี้นะครับ”
และทุกๆ คืนก่อนนอน บัสเตียนจะต้องสวดมนต์ขอพรพระ “บัสเตียนขอให้ทุกๆ ปีเป็นปีทองของบัสเตียน ขอให้ผู้ใหญ่รักและให้งานบัสเตียนทำ บัสเตียนจะได้มีเงินไว้เลี้ยงดูมามี้ เลี้ยงดูตาจ๋า เลี้ยงดูยายจ๋า” เขาขอพรแบบนี้ทุกคืนจริงๆ แม่แอณนํ้าตาคลอทุกครั้ง เด็กอายุเพียงเท่านี้แต่คิดได้ขนาดนี้ บัสเตียนชอบกราบเท้าแม่แอณก่อนนอนแล้วขอพรหลังจากขอพรพระเสร็จ เป็นเด็กที่ชอบไปวัด ชอบไปวัดเพื่อเอาลูกแก้วจากหลวงปู่ เพราะลูกปู่จะถามบัสเตียนเสมอว่าลูกแก้วคืออะไร บัสเตียนตอบไม่ได้จนหลวงปู่บอกว่า ลูกแก้ว คือดวงใจของพ่อและแม่ ต้องรักษาไว้ให้ดี
พอได้ยินคำว่าดวงใจแม่ บัสเตียนจึงอยากไปวัดเพื่อไปเอาลูกแก้วมาเก็บใส่แก้วและรักษาไว้ แม่แอณภูมิใจในตัวบัสเตียนมากๆ เขาเป็นเด็กดี โอบอ้อมอารีมีเมตตากับทุกๆ คนเป็นเด็กเรียนดี ขยัน ถ้ามีคนมาฟ้องว่าบัสเตียนแกล้งเพื่อนแม่แอณจะไม่เชื่อเลยเพราะเขาเป็นคนที่ไม่สู้คนเลย มันอาจเป็นจุดด้อยที่แม่แอณกังวลเพราะโลกใบนี้อยู่ยาก เราไม่รู้หรอกว่าเขาคิดอะไรกับเราแม่แอณเป็นห่วงบัสเตียนมากๆ บอกกับตัวเองเสมอว่าเราต้องแข็งแรงนะเราตายไม่ได้นะเราต้องอยู่กับลูกจนโตเลี้ยงดูตัวเองได้
คนในวงการอาจมองว่าแม่แอณเป็นคนแรง แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่แบบนั้นเลย แม่แอณแค่ต้องการความถูกต้อง ตรง ชัดเจน และแม่แอณก็ต้องการปกป้องสิทธิของบัสเตียนก็เท่านั้น เพราะลูกเราทำงานเหนื่อย วงการนี้แข่งขันกันสูง แบ่งพรรคแบ่งพวก ฟาดฟันกัน แม่แอณเคยถามบัสเตียน ว่าไหวมั้ย ถ้าหนูไม่ชอบ ไม่ต้องทำนะลูก แต่คำตอบของบัสเตียนก็ยังยืนยันคำเดิมว่า “บัสเตียนอยากมีงาน อยากทำงาน บัสเตียนอยากเลี้ยงดูมามี้ ถ้าไม่ทำงานเราจะเอาเงินจากที่ไหนมาใช้”
ในเมื่อลูกสู้เพื่อเราทำไมเราจะไม่สู้เพื่อลูกบ้าง ส่วนเรื่องคุณพ่อตัดไปได้เลยคะไม่เคยส่งเสียเลี้ยงดูเราตั้งแต่เรามาอยู่เมืองไทยไม่เคยโทรมาหาไม่เคยมีของขวัญในเทศกาลต่างๆ แต่เราก็อยู่กันได้ เพราะแม่แอณเองจะเป็นทั้งพ่อ แม่ พี่และ เพื่อนให้บัสเตียนเอง แล้วบัสเตียนก็จะเลี้ยงดูแม่แอณ เราสองคนจะไม่แยกจากกันไม่ว่าจะทุกข์จะสุขเราจะอยู่เคียงข้างกันเสมอ เพราะบัสเตียนบอกว่า “มามี้ครับบัสเตียนรักมามี้ที่สุดในโลกเลย มามี้ห้ามตายนะครับ ถ้ามามี้ตาย บัสเตียนจะอยู่กับใคร” และถ้ามามี้ไม่มีบัสเตียน มามี้ก้ออยู่ไม่ได้เช่นกันครับ มามี้รักบัสเตียนมากๆ นะครับ
จากเรื่องราวชีวิตหนักๆ ของคุณแอณ แม้ว่าชีวิตครอบครัวจะอาจไม่สมหวัง แต่สิ่งที่คุณแอณได้กลับมานั้นประเมินค่าไม่ได้จริงๆ เพราะบัสเตียน เปรียบเสมือนของขวัญจากฟ้า ที่ส่งมาเป็นกำลังใจสำคัญให้คุณแอณสามารถฟันฝ่ามรสุมชีวิตไปได้ ด้วยพลังรักจากเด็กน้อยคนหนึ่งที่รักแม่ของเขาสุดหัวใจ
เรื่องจริงสุดปาฏิหาริย์! เมื่ออ้อมกอดแม่ช่วยให้ลูกฟื้นชีวิตขึ้นได้
เรื่องจริงของแม่เลี้ยงเดี่ยวที่เกิดจากปัญหาชีวิตคู่ล้มเหลว
เรื่องของแม่กับเด็กชายตาบอดแต่กำเนิด ดูคลิปให้จบแล้วจะซึ้งน้ำตาตก