คุณแม่ทราบหรือไม่ว่า น้ำนมแม่ 6 เดือนแรก นั้นเปรียบเสมือนป้อมปราการที่แข็งแกร่งที่สุดในการป้องกันและเสริมสร้างสุขภาพให้ทารกแรกตั้งแต่แรกเกิด นอกจากจะอุดมไปด้วยสารอาหาร เช่น แคลเซียม แกงกลิโอไซด์ (GA), ดีเอชเอ, โอเมก้า 369 ฯลฯ ที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตแล้ว นมแม่ยังมีส่วนสำคัญในการสร้างภูมิคุ้มกันและพัฒนาสมองของลูกน้อยอีกด้วย
องค์การอนามัยโลก (WHO) และยูนิเซฟ แนะนำว่าควรเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวตั้งแต่แรกเกิดถึง 6 เดือน และให้กินต่อเนื่องไปจนอายุ 2 ปี หรือนานกว่านั้น ควบคู่กับอาหารตามวัยที่เหมาะสม เพราะนมแม่เป็นอาหารที่เหมาะสมที่สุดสำหรับทารกตั้งแต่แรกเกิดทั้งด้านโภชนาการสารอาหารที่จำเป็นต่อพัฒนาการด้านร่างกายและสมอง การเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน สารต่อต้านอนุมูลอิสระ และมีเซลล์สิ่งมีชีวิตที่ได้จากเซลล์ของแม่ รวมถึงแบคทีเรียที่ดีต่อระบบทางเดินอาหาร
น้ำนมแม่ 6 เดือนแรก : อาหารที่สมบูรณ์แบบสำหรับลูกน้อย
ในน้ำนมแม่มีสารอาหารมากกว่า 200 ชนิดและน้ำ ที่เหมาะสมมีความจำเพาะต่อทารกแรกเกิด นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าในช่วง 6 เดือนแรกให้ลูกกินนมแม่อย่างเดียวก็เพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องป้อนน้ำหรืออาหารอื่นใดให้ลูก นมแม่เป็นอาหารเพียงอย่างเดียวที่ลูกกินได้ตั้งแต่แรกเกิด และไม่ส่งผลเสียใดๆ กับร่างกาย สารอาหาร วิตามินและแร่ธาตุ สารภูมิคุ้มกันที่มีประโยชน์ทั้งหมดนี้จะถูกส่งมาให้ลูกน้อยผ่านน้ำนมแม่ เมื่อลูกินนมแม่ก็จะได้รับสารอาหารทั้งหมดนี้ค่ะ
น้ำนมแม่ 6 เดือนแรก : สารอาหารสำคัญในน้ำนมแม่ เสริมสร้างพัฒนาการสมอง
ในนมแม่มีสารอาหารที่ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการทางด้านสมองของลูก โดยเฉพาะ แกงกลิโอไซด์(GA), ดีเอชเอ และ โอเมก้า 3,6 สารอาหารเหล่านี้มีอยู่ในนมแม่โดยธรรมชาติ การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่สารอาหารเหล่านี้จะส่งผ่านมายังน้ำนมแม่ เมื่อลูกกินนมแม่ก็จะได้รับสารอาหารสมองเพื่อไปพัฒนาระบบประสาทและสมองให้มีความสมบูรณ์ มีการทำงานที่เต็มไปด้วยประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นค่ะ
- แกงกลิโอไซด์ (Ganglioside) เป็นสารอาหารที่มีอยู่ในนมแม่ เป็นกลุ่มของไขมันชนิดหนึ่งที่พบในเซลล์ประสาท มีหน้าที่สำคัญในการสร้างและซ่อมแซมเซลล์ประสาท ช่วยให้เซลล์ประสาทสื่อสารกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีความสำคัญต่อการเรียนรู้ ความจำ
- ดีเอชเอ (Docosahexaenoic Acid : DHA) เป็นกรดไขมันจำเป็นชนิดดีที่มีอยู่ในนมแม่ ดีเอชเอสำคัญต่อการพัฒนาระบบประสาทและการมองเห็น
- โอเมก้า 3,6 ที่พบในนมแม่ คือ กรด DHA (Docosahexaenoic acid) และ กรด AA (Arachidonic acid) เป็นไขมันชนิดดี ที่มีส่วนสำคัญในการช่วยบำรุงสมอง และสร้างเซลล์สมองนับแสนล้านเซลล์ของลูกน้อยให้พัฒนาขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ
สารอาหารที่หลากหลายจากน้ำนมแม่มีส่วนช่วยสำคัญในการพัฒนาสมองและเซลล์ประสาทของเด็กให้ทำงานได้อย่างสมบูรณ์ มีงานวิจัยอธิบายถึงเด็กที่ได้กินนมแม่มาตั้งแต่แรกเกิด จะมีโอกาสในด้านพัฒนาการทางสมองและสติปัญญาที่ดีกว่าเด็กที่ไม่กินนมแม่ หรือเด็กที่กินนมผสม ซึ่งวัดจากเด็กที่กำลังเข้าสู่วัยเรียน
น้ำนมแม่เป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับลูกน้อย และคุณแม่สามารถเพิ่มคุณภาพของน้ำนมแม่ได้ด้วยการดูแลให้ร่างกายได้รับสารอาหารหลากหลายจากอาหารที่มีประโยชน์ โดยอาจดื่มนมที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับแม่ตั้งครรภ์และให้นมบุตร เนื่องจากนมชนิดนี้จะมีการเสริมในเรื่องของสารอาหารที่จำเป็นในช่วงให้นมลูก เช่น แกงกลิโอไซด์ ดีเอชเอ โอเมก้า 369 มีโฟเลตสูง และธาตุเหล็กสูง เป็นต้น สารอาหารทุกอย่างที่แม่ได้จากอาหารและการดื่มนมสำหรับแม่ตั้งครรภ์และให้นมบุตร ส่วนหนึ่งจะถูกส่งมาทางน้ำนมแม่ ลูกกินนมแม่ก็จะได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์ทั้งหมดนี้ด้วยเช่นกันค่ะ
ประโยชน์ที่ลูกน้อยได้จากการกินนมแม่
น้ำนมแม่ คืออาหารที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ขึ้นมาเพื่อลูกน้อยโดยเฉพาะ เป็นอาหารที่สมบูรณ์แบบที่สุดสำหรับทารกแรกเกิดและเด็กเล็ก เนื่องจากมีสารอาหาร สารต้านอนุมูลอิสระ และภูมิต้านทานที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของลูกน้อยอย่างครบถ้วน
- พัฒนาการทางด้านร่างกาย: นมแม่มีความสำคัญต่อพัฒนาการทางร่างกาย ช่วยให้ลูกเติบโตได้สมวัยเป็นปกติ เด็กที่กินนมแม่เมื่อเข้าสู่วัยเริ่มหัดเดินจะมีการทรงตัวที่ดี เนื่องจากมีกระดูกและกล้ามเนื้อที่แข็งแรงจากการได้รับแคลเซียมสารอาหารที่ได้จากนมแม่
- พัฒนาการทางสมอง: น้ำนมแม่มีสารอาหารที่จำเป็นต่อการพัฒนาสมองและระบบประสาทของลูกน้อย อาทิเช่น แกลกลิโอไซด์ ดีเอชเอ โอเมก้า 369 ทำให้ลูกฉลาดและมีพัฒนาการทางด้านสติปัญญาที่ดี
- เสริมภูมิต้านทานโรค: น้ำนมแม่มีภูมิต้านทานที่ช่วยปกป้องลูกน้อยจากการติดเชื้อต่างๆ เช่น การติดเชื้อทางเดินหายใจ การติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร และลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเรื้อรังในอนาคต
- ส่งเสริมพัฒนาการทางด้านอารมณ์: การให้นมแม่เป็นการสร้างความผูกพันระหว่างแม่และลูก ทำให้ลูกน้อยรู้สึกอบอุ่น ปลอดภัย และมีพัฒนาการทางด้านอารมณ์ที่ดี
- ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดี: น้ำนมแม่เป็นโปรตีนที่ย่อยง่าย ช่วยให้ระบบย่อยอาหารของลูกน้อยทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดปัญหาท้องอืด ท้องเฟ้อ และท้องเสีย
การให้นมลูกเป็นช่วงเวลาอันล้ำค่าที่สร้างความผูกพันระหว่างแม่และลูก แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่คุณแม่หลายคนอาจพบเจออุปสรรคและความท้าทายอยู่บ้าง ปัญหาที่พบบ่อยที่สุดอย่างหนึ่งคือ “นมน้อย” หรือ “น้ำนมไม่พอ” ซึ่งทำให้คุณแม่รู้สึกกังวลใจกลัวว่าลูกจะได้สารอาหารไม่เพียงพอ ซึ่งการแก้ไขปัญหานี้ในเบื้องต้นนั้นแนะนำดังนี้
- อย่าเครียด: ความเครียดเป็นศัตรูตัวร้ายของร่างกายในการผลิตน้ำนมและให้นมลูก พยายามผ่อนคลาย และเมื่อคุณแม่รู้สึกเหนื่อยล้าจากการเลี้ยงลูก แนะนำให้ขอความช่วยเหลือจากคนรอบข้าง เช่น สามี ญาติพี่น้อง เป็นต้น
- ให้นมบ่อยครั้ง: การให้นมลูกบ่อยๆ ทุก 2-3 ชั่วโมง จะช่วยกระตุ้นการผลิตน้ำนมแม่ได้มากขึ้น
- ท่าการให้นมถูกต้อง: การให้นมลูกต้องจัดท่าใมห้ลูกดูดนมแม่ในท่าที่ถูกต้อง คือลูกต้องดูดนมได้มิดลานนมของแม่ หากปากลูกงับอยู่แค่ปลายหัวนม จะไม่สามารถกระตุ้นให้น้ำนมออกมาได้
- พักผ่อนให้เพียงพอ: การพักผ่อนให้เพียงพอและรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ จะช่วยให้ร่างกายผลิตน้ำนมได้ดีขึ้น คุณแม่ที่ให้นมลูกนอกจากการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์แล้วนั้น อาจเลือกเสริมร่างกายด้วยการดื่มนมสำหรับแม่ให้นมบุตรเพิ่มเติม เนื่องจากมีสารอาหารที่จำเป็นต่อพัฒนาการด้านร่างกายช่วยในการเจริญเติบโต และสารอาหารเสริมพัฒนาการทำงานของระบบประสาทและสมองของลูกน้อย เช่น
– แคลเซียม ช่วยในการพัฒนาการสร้างกระดูกและฟันของทารกให้สมบูรณ์แข็งแรง
– แกงกลิโอไซด์ GA ช่วยในเรื่องระดับสติปัญญาและการเรียนรู้ของทารก
– ดีเอชเอ ช่วยในการทำงานของระบบประสาท สมองการเรียนรู้ และระบบสายตาการมองเห็น
– โอเมก้า 3 6 9 ช่วยบำรุงสมองและระบบประสาท เพิ่มความจำ สมาธิ และเสริมสร้างสายตาและการมองเห็น
เพราะลูกคือที่สุดของแม่ การส่งต่อสิ่งดีๆ ให้ลูกน้อย เริ่มที่แม่เลือก โดยเฉพาะการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ รวมถึงการบำรุงร่างกายให้แข็งแรงด้วยการดื่มนมที่เหมาะกับช่วงที่ให้นมลูก เช่น นมสำหรับแม่ตั้งครรภ์และให้นมบุตร เพราะมีสารอาหารหลากหลายที่จำเป็นและสำคัญช่วยบำรุงร่างกาย ช่วยให้ร่างกายผลิตน้ำนมที่มีคุณภาพอุดมด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ดีต่อพัฒนาการด้านร่างกายและสมองของลูกน้อย ที่จะถูกส่งผ่านไปยังนมแม่ให้กับลูกน้อยค่
การให้นมลูกเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่และคุณแม่ทุกคนทำได้ การที่คุณแม่ตัดสินใจให้นมลูกแสดงให้เห็นถึงความรักและความเอาใจใส่ที่มีต่อลูกน้อย แม้จะพบเจออุปสรรคบ้าง แต่ขอให้คุณแม่มั่นใจในตัวเองและเชื่อว่าร่างกายของเราสร้างสรรค์สิ่งมหัศจรรย์ได้เสมอ การให้นมแม่เป็นการลงทุนที่ดีที่สุดสำหรับลูกน้อย เพราะนอกจากจะช่วยให้ลูกน้อยเติบโตอย่างแข็งแรงสมบูรณ์แล้ว ยังเป็นการสร้างรากฐานที่ดีให้กับอนาคตของลูกอีกด้วยค่ะ
รศ.พญ.รวีรัตน์ สิชฌรังษี กุมารแพทย์โรคภูมิแพ้และภูมิคุ้มกัน
อ้างอิง:
-
น้ำนมแม่ประโยชน์แท้จากธรรมชาติ, กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข https://multimedia.anamai.moph.go.th/help-knowledgs/benefits-of-breastfeeding/#:~:text=องค์การอนามัยโลก%20(WHO)%20และ,วิตามินและยังมีเซลล์
-
นมแม่ยิ่งทารกแรกเกิดป่วยยิ่งต้องได้รับนมแม่, สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี https://www.childrenhospital.go.th24335/บริการสำหรับประชาชน/infographic/นมแม่-ยิ่งทารกแรกเกิดป่วย-ยิ่งต้องได้รับนมแม่/ /
-
8 ประโยชน์จากการเลี้ยงลูกด้วยน้ำนมแม่ ที่คุณแม่ต้องรู้, โรงพยาบาลวิมุต https://www.vimut.com/article/breast-milk-nutrition
- เลี้ยงลูกให้แข็งแรงด้วยนมแม่, โรงพยาบาลกรุงเทพ https://www.bangkokhospital.com/content/breastfeeding-for-healthy-baby?srsltid=AfmBOop0KD1hnniCmVnHXvUpXi1bJEsv19peUXYZSQj5Yzfh9LDqeKnY
-
พัฒนาการที่ดีของลูกน้อยในครรภ์เริ่มดูแลได้ตั้งแต่วันนี้, โรงพยาบาลศิครินทร์ https://www.vibhavadi.com/Health-expert/detail/368#:~:text=แกงกลิโอไซต์,มีอยู่ในน้ำนมแม่
-
คู่มือการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่, โรงพยาบาลสมิติเวช https://www.samitivejhospitals.com/th/article/detail/นมแม่_2