พฤติกรรมพื้นฐาน : 100 เรื่องพ่อแม่ต้องรู้ก่อนลูก 1 ขวบ

-

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

พฤติกรรม หมายความถึง การกระทำ การลงมือ การแสดงออก ? แน่นอนว่า ทั้งหมดที่กล่าวมากนั้นคือ พฤติกรรม แต่จริง ๆ แล้วพฤติกรรมมนุษย์นั้นไม่ได้หมายถึงแค่สิ่งที่แสดงออกมาในรูปแบบของการปฏิบัติอย่างเดียว แต่พฤติกรรมยังหมายถึง สิ่งที่อยู่ด้านในจิตใจของคนเราอย่างความคิด ทัศนคติ ความเชื่อ ตลอดจนความรู้สึกเองก็เป็นส่วนหนึ่งของพฤติกรรม เช่นกัน เรามาดูว่า พฤติกรรมพื้นฐาน ของเด็กในวัย 1 ขวบนั้น จะมีอะไรบ้าง

ช่วงวัย 0 – 1 ปีของเด็กเล็ก จะเป็นช่วงที่มีการพัฒนาที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น ทั้งการนั่ง การยืน การเดิน การสื่อสารด้วยภาษา การที่คุณพ่อ – คุณแม่ มีความเข้าใจถึง พฤติกรรมพื้นฐาน ของเด็กในวัยนี้ จะทำให้สามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของลูกน้อยได้อย่างมีสติ และจะทำให้ลูกน้อยรู้สึกอบอุ่นใจ และปลอดภัยอยู่ตลอดเวลา

 

 

พัฒนาการทางร่างกาย

  • เริ่มควบคุมกล้ามเนื้อที่ใช้ปัสสาวะและขับถ่ายได้ แต่อาจยังไม่พร้อมต่อการใช้ห้องน้ำ
  • เดินได้โดยไม่ต้องคอยช่วยเหลือ และเริ่มหัดวิ่งแต่ยังไม่ค่อยคล่องตัวหรืออาจหกล้มบ่อย ๆ
  • เดินขึ้นบันไดได้โดยใช้มือข้างหนึ่งจับราวบันไดไว้
  • เริ่มถอดเสื้อผ้าชิ้นที่ถอดออกง่ายได้ด้วยตนเอง เช่น หมวก ถุงมือ ถุงเท้า รองเท้า เป็นต้น
  • ดื่มน้ำจากแก้วหรือใช้ช้อนตักอาหารกินเองได้โดยหกเลอะเพียงเล็กน้อย
  • ขึ้นนั่งบนเก้าอี้ที่ไม่สูงมากได้โดยไม่ต้องช่วยเหลือ
  • เปิดหนังสือโดยจับทีละ 2-3 หน้า

 

พัฒนาการทางสติปัญญาและภาษา

  • พูดออกมาเป็นคำ ๆ ได้มากขึ้นหลายคำ โดยเป็นคำใหม่ ๆ ที่มีความหมาย และไม่ใช่คำว่าพ่อแม่ ชื่อคนคุ้นเคย ชื่อของ หรือชื่อสัตว์เลี้ยงในบ้าน
  • พูดพร้อมกับส่ายหัวเพื่อบอกปฏิเสธ
  • ชี้สิ่งของเพื่อบอกว่าอยากได้หรือเพื่อให้ผู้ใหญ่สนใจ
  • เรียนรู้ชื่อและวัตถุประสงค์ของการใช้สิ่งต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น แปรงสีฟัน ช้อน โทรศัพท์ เป็นต้น
  • ชี้และระบุชื่ออวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย หรือหลาย ๆ ส่วนได้
  • แสดงความสนใจเมื่อเล่านิทานให้ฟังและมองภาพตาม
  • ทำตามคำสั่งง่าย ๆ ที่ไม่ซับซ้อนโดยไม่ต้องใช้ท่าทางประกอบ เช่น ลุกขึ้น นั่งลง เป็นต้น
  • มักเลียนแบบท่าทางของผู้ใหญ่
  • เริ่มวาดขีดเขียนบนกระดาษหรือพยายามวาดรูปตามต้นแบบ

 

พัฒนาการทางสังคมและอารมณ์

  • ให้ความสนใจตุ๊กตาและเล่นป้อนอาหารให้ตุ๊กตา
  • ชอบเล่นโดยถือสิ่งของต่าง ๆ ไปยื่นให้คนอื่น
  • อาจแสดงอารมณ์ฉุนเฉียวหรือโกรธ
  • อาจกลัวคนแปลกหน้า และเกาะติดพ่อแม่หรือผู้ดูแลเมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ไม่คุ้นเคย
  • แสดงความกังวลเมื่อต้องแยกจากพ่อแม่หรือคนที่คุ้นเคย
  • แสดงความรักต่อคนที่ตนคุ้นเคย เช่น จูบแบบปากจู๋ เกาะแขน เป็นต้น
  • เดินดูสิ่งต่าง ๆ ตามลำพังได้ แต่ยังอยู่ในระยะใกล้กับผู้ดูแล

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

วิธีส่งเสริมพัฒนาการเด็กในวัยนี้

  • อ่านนิทานให้เด็กฟัง
  • จัดหาพื้นที่ว่างเพื่อให้เด็กทำกิจกรรมและได้เล่นสนุก
  • หาของเล่นที่เลียนแบบอุปกรณ์จริง เช่น พลั่วพลาสติก ช้อนหรือส้อมพลาสติก เป็นต้น
  • ให้เด็กมีส่วนช่วยในการทำกิจวัตรประจำวันเล็ก ๆ น้อย ๆ ภายในครอบครัว
  • ส่งเสริมให้เด็กเล่นสร้างสิ่งต่าง ๆ อย่างการต่อตึก และสิ่งอื่น ๆ ที่เด็กได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์
  • ให้เด็กได้เล่นกับเพื่อนในวัยเดียวกัน
  • ชวนเล่นเกมง่าย ๆ เช่น เกมจิ๊กซอว์ เกมเติมของเล่นให้ตรงตามรูปร่างที่หายไป เป็นต้น
  • ให้ของสำหรับปลอบโยนเมื่อเด็กต้องห่างพ่อแม่ เช่น ตุ๊กตาตัวโปรด เป็นต้น
  • หลีกเลี่ยงการให้เด็กดูโทรทัศน์หรือวิดีโอจากอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ใด ๆ จนกว่าจะถึงอายุ 2 ขวบ

ความผิดปกติทางพัฒนาการ

  • เดินไม่ได้
  • ไม่ชี้สิ่งต่าง ๆ ให้ดู
  • ไม่รู้ว่าสิ่งของที่ใช้เป็นประจำทุกวันคืออะไร หรือใช้เพื่ออะไร
  • ไม่เลียนแบบท่าทางของคนอื่น ๆ
  • ไม่เรียนรู้คำใหม่ ๆ หรือรู้คำศัพท์น้อยกว่า 4 คำ ซึ่งไม่รวมคำเรียกพ่อแม่อย่างปาป๊า มาม้า ชื่อสัตว์เลี้ยง หรือสิ่งของ
  • ไม่แสดงความสนใจเมื่อพ่อแม่เพิ่งกลับมา หรือดูไม่กังวลเมื่อต้องห่างจากพ่อแม่
  • สูญเสียทักษะบางอย่างที่เคยมี

 

พฤติกรรมที่คุณพ่อคุณแม่จะต้องรับให้ได้

อารมณ์ปรี๊ดของลูกน้อย

เชื่อหรือไม่ว่าจริง ๆ แล้ว เด็กน้อยก็มีอารมณ์เหวี่ยง วีน ปรี๊ดแตก ได้เช่นกัน ซึ่งแท้จริงแล้ว อารมณ์เหล่านี้ถือเป็นช่วงหนึ่งในพัฒนาการของลูกน้อย ที่จะแสดงถึงความต้องการบางอย่าง ให้คนรอบข้างได้รับรู้ว่าเขาต้องการอะไร เช่น ต้องการเรียกร้องความสนใจ เอาแต่ใจ เป็นต้น

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

แต่เหนือสิ่งอื่นใด คนเป็นพ่อแม่อย่างเรา ต้องเตรียมการรับมือกับอารมณ์ลักษณะนี้ของลูกน้อยอย่างถูกวิธี อาจจะต้องใช้หลักจิตวิทยาเข้ามาช่วย เพื่อเป็นการช่วยบรรเทา และขจัดอารมณ์ร้าย ๆ เหล่านี้ ให้คลี่คลายลงอย่างนุ่มนวลมากที่สุด

ก่อนอื่นตัวคุณพ่อคุณแม่เอง จำเป็นจะต้องเตรียมพร้อมรับอารมณ์วีนแตกของลูกน้อยไว้ก่อน ด้วยการเข้าใจอารมณ์ของเขา มอบความอบอุ่นทางกาย และใจ ให้เขารู้สึกผ่อนคลายด้วยการ “สวมกอด” พร้อมกับ “คำพูด” ที่เข้าใจ และรับรู้ถึงความรู้สึกของเขา เพื่อให้เขาได้ปลดปล่อยออกมา จนลูกน้อยเริ่มมีทีท่าที่สงบลง จากนั้น คุณพ่อคุณแม่ใช้จังหวะนี้ค่อย ๆ “อบรมสั่งสอน” ด้วยการอธิบายตามหลักของเหตุผลที่เข้าใจง่าย และเมื่อคุณพ่อคุณแม่ใช้วิธีนี้บ่อย ๆ กับลูก จะช่วยทำให้เขาค่อย ๆ เรียนรู้ที่จะปรับอารมณ์ และเหตุผลด้วยตัวของเขาเอง

ถึงแม้ว่า ลูกน้อยอาจจะยังไม่เข้าใจคำพูดที่เราสื่อสารมากนัก แต่ด้วย น้ำเสียง ท่าทาง ที่แสดงออกของคุณพ่อคุณแม่ จะเป็นสิ่งที่เด็กจะสามารถรับรู้ได้ วิธีนี้จึงเป็นวิธีที่คุณพ่อคุณแม่ จะสามารถรับมือกับอารมณ์ลูกน้อยได้เหมาะสมมากที่สุด และถือเป็นโอกาสในการปรับอารมณ์ของตัวเอง และลูกน้อยเพื่อให้อยู่ร่วมกับคนอื่นได้อย่างมีความสุข และเป็นการสร้างนิสัย “ที่ดี” ในอนาคตด้วยค่ะ

การหัดเดินของลูกน้อย

เมื่อลูกน้อยเริ่มเข้าสู่วัย 11 เดือน ลูกน้อยจะเริ่มสนุกกับการหัดเดิน ดังนั้นจึงทุ่มเทพลังไปกับการฝึกเดิน ไม่ว่าจะเป็นการค้นพบที่หัดเดินของตัวเอง เข่น เก้าอี้เล็ก ๆ ในบ้านที่ลูกอาจจะไปเกาะ หรือพิงโดยไม่รู้ตัว และเก้าอี้ก็เคลื่อนออกไป เมื่อลูกรู้ว่าสามารถทำให้เก้าอี้เลื่อนออกไปได้ ลูกจะสนุกกับการเดิน แล้วก้าวเดินตาม คุณพ่อคุณแม่จึงควรฝึกให้ลูกก้าวเดินต่อไปด้วยตัวเอง โดยคุกเข่าต่อหน้าลูก และกางมือออกมารับ จากนั้นเรียกลูกโผเข้ามาหา เพื่อให้ลูกเดินต่อไปไกลเพิ่มขึ้นค่ะ

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

การนั่งเปิดหนังสือ

พัฒนาการการจับสิ่งของของเด็ก จะเริ่มดีขึ้น เด็กจะมีพฤติกรรมที่อย่างเรียนรู้ การมีหนังสือซักหนึ่งเล่ม ให้เด็กรู้จักเปิดเปลี่ยนหน้า เพื่อดูภาพในหนังสือ จะเป็นการสร้างพฤติกรรมการเรียนรู้ให้เด็กมากยิ่งขึ้น หากคุณแม่เห็นลูกผลักหน้าหนังสือด้วยความรุนแรง ไม่ควรไปดุ เนื่องจาก การควบคุมร่างกายของเด็กยังไม่สามารถทำได้ดีเพียงพอ คุณแม่ควรปล่อยให้เด็กเปิดหน้าหนังสือเอง แล้วคอยชี้ให้สังเกต หรือมองภาพในหน้าหนังสือนั้น ๆ เพื่อสร้างพฤติกรรมการสังเกตให้เด็กน้อย

 

พฤติกรรมการเลียนแบบ

ช่วงเด็กวัยนี้จะเริ่มเรียนรู้สิ่งรอบด้าน ดังนั้น เด็กจะเริ่มมีพฤติกรรมการเลียนแบบทางด้านอารมณ์ การออกเสียง แม้ว่าจะไม่สามารถสื่อสารออกเป็นประโยคได้ หากคุณพ่อคุณแม่ จะคอยพูดให้ลูกน้อยฟัง เป็นคำ ๆ ที่สามารถออกเสียงง่าย เด็กน้อยจะพยายามเลียนแบบการออกเสียงได้ไวยิ่งขึ้น ตัวคุณแม่เองควรที่จะพูดกับลูก ด้วยน้ำเสียงที่เป็นปกติ ไม่ควรพูดไม่ชัด หรือใช้คำพูดที่ไม่สามารถจำคำพูดได้ง่าย การฝึกแบบนี้ จะทำให้การพัฒนาทางด้านการออกเสียงของเด็ก รวดเร็วมากยิ่งขึ้น

การเตรียมพร้อมในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของลูก คือการวางแผนที่ดีสำหรับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ ที่ควรศึกษาหาข้อมูล เพื่อให้เกิดความเข้าใจกับการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ของลูกน้อย

ที่มา : pobpad , MamyPoko

 

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :

การพัฒนาของเด็กช่วงอายุ 0-5 ขวบ พฤติกรรมต่าง ๆ และวิธีรับมือกับลูก

พัฒนาการด้านร่างกาย : 100 เรื่องพ่อแม่ต้องรู้ก่อนลูก 1 ขวบ

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

บทความโดย

Arunsri Karnmana