แชร์วิดีโอลูกรักของคุณ คลิกที่นี่
เด็กน้อยปลอบน้องสาวแรกเกิดได้น่าเอ็นดูที่สุด
สัตว์เลี้ยงจะทำร้ายลูกฉันมั้ย?
ไม่มีอะไรต้องกังวลสักนิดเลยค่ะ นอกจากว่าสัตว์เลี้ยงของคุณจะก้าวร้าว ดุร้าย หรือเป็นประเภทหวงอาณาเขตอย่างรุนแรง สุนัขส่วนใหญ่จะเป็นมิตรกับเด็กทารก ในขณะที่แมวก็มีนิสัยเชื่องโดยธรรมชาติ ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลอะไรที่สัตว์เลี้ยงของคุณจะทำร้ายลูกของคุณ ต่อให้ลูกน้อยของคุณป่วนหรือลงไม้ลงมือกับสัตว์เลี้ยงของคุณ มันก็จะไม่จู่โจมตอบ ส่วนใหญ่ก็มักจะเดินหนีไปจากเจ้าตัวน้อยจอมป่วน
ขนสัตว์จะทำให้ลูกเป็นภูมิแพ้มั้ย?
ตามทฤษฎีแล้ว ขนสัตว์ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เกิดภูมิแพ้ แต่เป็นสิ่งที่ติดอยู่ในขนต่างหากที่กระตุ้นให้เกิดอาการภูมิแพ้ ดังนั้นการรักษาให้สัตว์เลี้ยงสะอาดอยู่เสมอจะช่วยลดโอกาสที่จะเกิดภูมิแพ้ได้
อย่างไรก็ตาม คุณควรจำไว้ว่าผู้ปกครองที่เป็นภูมิแพ้อยู่แล้วไม่ว่าประเภทใดก็ตาม จะทำให้ลูกมีโอกาสเป็นภูมิแพ้ได้มากขึ้นจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรม ไม่ว่าจะเป็นภูมิแพ้ชนิดเดียวกันหรือคนละชนิด
ยังมีหลักฐานทางวิทยศาสตร์ซึ่งบ่งชี้ว่าการที่เด็กอยู่ใกล้ชิดกับสัตว์เลี้ยงตั้งแต่ยังเล็กจะช่วยลดโอกาสการเกิดอาการที่เกี่ยวเนื่องกับภูมิแพ้ เช่น หอบหืด ได้ คล้ายกับว่าเด็กจะสามารถปรับตัวเข้ากับขนสัตว์ (และสิ่งอื่น ๆ ที่อยู่ในขนที่กระตุ้นให้เกิดภูมิแพ้) ได้ และทำให้มีภูมิป้องกันตั้งแต่ต้น
อ่านต่อหน้าถัดไป >>>
สัตว์เลี้ยงจะอิจฉาเด็กมั้ย?
นอกจากว่าสัตว์เลี้ยงของคุณจะเป็นประเภทไม่ค่อยสนใจอะไรอยู่แล้ว สัตว์ส่วนใหญ่จะรู้สึกเหมือนโดนทอดทิ้งเมื่อมีสมาชิกใหม่เข้ามาอยู่ในบ้าน มันอาจจะรู้สึกหงุดหงิด กินน้อยลง และอาจถึงขั้นตีตัวออกห่างจากมนุษย์
แม้ว่าคุณอาจรู้สึกว่าต้องทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้กับเจ้าตัวเล็ก คุณควรจะหาเวลาอยู่กับสัตว์เลี้ยงของคุณเพียงลำพังในแต่ละวันบ้าง พูดให้เห็นภาพคือ เราควรให้เวลากับสัตว์เลี้ยงเหมือนกับมันเป็นพี่คนโตของเจ้าตัวเล็ก
บทความแนะนำ: เหตุผล 5 ข้อที่คุณไม่ควรมีสัตว์เลี้ยง
จะเตรียมตัวสัตว์เลี้ยงอย่างไรให้พร้อมรับเจ้าตัวน้อย?
ถ้าคุณเป็นหนึ่งในคนที่เชื่อว่าสุนัขหรือแมวของคุณเข้าใจภาษามนุษย์ได้ พยายามเล่าให้มันฟังเกี่ยวกับสมาชิกใหม่ที่กำลังจะเข้ามาอยู่ในบ้าน ประหนึ่งว่ามันเป็นลูกคนโตของคุณ สัตว์เลี้ยงมักทำหน้าที่เหมือนพี่คนโต เช่น เล่นกับเจ้าตัวเล็ก หรือคอยดูแลเด็กเวลาที่คุณไม่ได้เฝ้า การเตรียมตัวให้สัตว์เลี้ยงของคุณพร้อมสำหรับสมาชิกใหม่จึงถือเป็นสิ่งจำเป็น
เราแนะนำให้คุณเตรียมจัดห้องไว้ให้เจ้าตัวเล็กล่วงหน้า เพื่อให้สัตว์เลี้ยงรู้สึกคุ้นเคยกับการเปลี่ยนแปลงภายในบ้าน ถ้าคุณอยากให้สัตว์เลี้ยงอยู่ห่างจากเปล หรือห้องลูก นี่เป็นเวลาที่เหมาะสมที่จะฝึกให้มันรู้จักอาณาเขตใหม่
อาจจะฟังดูประหลาดสำหรับบางคน แต่เป็นความคิดที่ดีที่จะให้สัตว์เลี้ยงได้ทำความคุ้นเคยกับเด็กก่อนที่คุณจะคลอด สัตว์มีประสาทสัมผัสไวกว่ามนุษย์หลายเท่า ดังนั้นเสียงเด็กทารกกรีดร้องอาจจะมากมายเกินกว่าหูอันอ่อนไหวของพวกมันจะรับไหว การฝึกให้มันคุ้นเคยกับเสียงจะช่วยให้มันสามารถปรับตัวได้ดีขึ้น
บทความแนะนำ: ลูกคุณเหมาะกับสัตว์เลี้ยงประเภทไหน
เด็กทารกและสัตว์เลี้ยงอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข
หลายครอบครัวสามารถเลี้ยงลูกโดยมีสัตว์เลี้ยงอยู่ร่วมชายคาได้อย่างมีความสุข อันที่จริงสัตว์เลี้ยงส่วนใหญ่มักสามารถปรับตัวเข้ากับสมาชิกตัวน้อยได้เป็นอย่างดี และเกิดความผูกพันระหว่างคนกับสัตว์ สัตว์เลี้ยงของคุณจะกลายเป็นเพื่อนเล่นที่ดีที่สุดของลูก และความสัมพันธ์นี้จะช่วยปลูกฝังนิสัยรักสัตว์ให้กับเด็กอีกด้วย
ลูกชายของฉันชอบเล่นกับแมวของเรามาก กระทั่งยอมให้มันไปนอนด้วยบนเตียง ปัจจุบันเขาอายุ 20 เดือนแล้ว และไม่เคยมีอาการเจ็บป่วยใด ๆ ด้วยสาเหตุจากสัตว์เลี้ยง ฉันคิดว่าเขาไม่น่าจะมีปัญหากับขนสัตว์อีก
การเลี้ยงสัตว์สิ่งที่ตามมาอย่างแน่นนอนคือความรับผิดชอบ ภาระ และค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้คุณพ่อคุณแม่ต้องคิดหนัก แต่ก็อยากให้ลูกมีเพื่อนเล่นยามเหงาและช่วยเพิ่มสีสันให้กับครอบครัวอีกทางหนึ่ง ที่นี่เรามีข้อดีของการที่เด็กโตมาพร้อมกับการมีสัตว์เลี้ยงมาฝากคุณแม่เพื่อเป็นตัวช่วยประกอบการตัดสินใจมีอะไรบ้างมาดูกัน
1. ช่วยพัฒนาให้ลูกรู้จักการอยู่ร่วมกับผู้อื่น
การเลี้ยงสัตว์อย่างหมา หรือแมวเด็กจะได้รู้จักกับการแบ่งปัน และคิดถึงความต้องการของผู้อื่น รู้จักเรียนรู้ที่จะปรับตัวเปลี่ยนแปลงการดำเนินชีวิตแบบเดิมๆของตัวเองให้เข้ากับการมีสมาชิกใหม่ ที่มีความต้องการที่แตกต่างไปจากตัวเด็กเอง ให้เขาเคารพในความต้องการที่แตกต่าง รู้จักความอดทนและปรับตัวให้อยู่ร่วมกับสมาชิกใหม่ได้อย่างมีความสุขขึ้น เป็นเด็กที่มีมนุษยสัมพันธุ์ดีรู้จักปรับตัวให้อยู่ร่วมกับผู้อื่นได้เร็วขึ้น
2. ฝึกความรับผิิดชอบให้กับลูก
เมื่อมีสัตว์เลี้ยงเพิ่ม หน้าที่ความรับผิดชอบของคุณแม่ก็ย่อมเพิ่มขึ้น และสามารถให้สัตว์เลี้ยงเป็นเครื่องมือในกานฝึกความรับผิดชอบให้กับลูกได้ หากลูกรบเร้าอยากมีสัตว์เลี้ยง และเมื่อคุณแม่ตัดสินใจแล้วว่าจะให้เลี้ยงได้ จำเป็นต้องทำข้อตกลงร่วมกันกับลูก พูดคุยทำความเข้าใจและมอบหมายหน้าที่่ให้ลูกมีส่วนร่วมในการดูแลสัตว์เลี้ยงไม่ว่าจะเป็น ช่วยทำความสะอาดกรง หรือผ้าปูนอน ผ้าห่มของน้องหมาน้องแมว ช่วยล้างชามใส่อาหาร หรือเติมน้ำดื่มให้สัตว์เลี้ยง ช่วยเช็ดทำความสะอาดหลังสัตว์เลี้ยงขับถ่ายเป็นต้น จะเป็นการช่วยฝึกให้ลูกรู้จักหน้าที่และความรับผิดชอบตั้งแต่เด็กและติดตัวไปจนโต
3. เพิ่มภูมิคุ้มกันทางจิตใจ
การเลี้ยงหมาหรือแมว สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้เลยคือความซนที่มักจะทำลายข้าวของในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นเฟอร์นิเจอร์ไปจนถึงเสื้อผ้า หรือไอเท็มสุดโปรดที่มักเป็นเป้าจู่โจมของเหล่าสัตว์เลี้ยงเขี้ยมคมๆอย่างรองเท้าคู่เก่ง ทำให้เด็กได้เรียนรู้ที่จะให้อภัยกับความเสียหายที่เกิดขึ้น หรือแม้แต่หากสัตว์เลี้ยงตาย เด็กก็จะมีโอกาสได้เรียนรู้จากความสูญเสีย ทำให้เด็กเข้าใจชีวิตมากขึ้นและทำใจยอมรับได้
ว่าการสูญเสียเป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องก้าวผ่านไปให้ได้ ทั้งนี้หากเด็กเผชิญกับความเสียใจกับการจากไปของสัตว์เลี้ยงคุณพ่อคุณแม่ควรอธิบายให้ลูกฟังด้วยเหตุผลที่ไม่ซับซ้อน และให้กำลังใจจนกว่าลูกจะทำให้ได้ และไม่ควรบอกลูกว่า สัตว์เลี้ยงจากไปเพราะลูกทำตัวไม่ดีจะทำให้เด็กโทษตัวเองและมีทัศนคติไม่ดีกับตัวเอง
4. คลายเครียดและคลายเหงา
สัตว์เลี้ยงช่วยให้เด็กรู้สึกผ่อนคลายจากความเครียด รู้สึกปลอดภัยเมื่อได้ระบายเรื่องราวที่ไม่สบายใจ หรือความลับที่ไม่อยากให้ใครรู้ให้สัตว์เลี้ยงฟัง ความซื่อสัตย์ของหมา ยังช่วยให้เด็กได้รู้จักความหมายของคำว่าเพื่อนแท้ สุขภาพจิตแข็งแรง
5. ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์
การมีสัตวืเลี้ยงเป็นเพื่อนเล่น ทำให้ลูกได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์อย่างการพาน้องหมาไปเดินเล่นออกกำลังกาย หรือพาไปว่ายน้ำ ให้เด็กได้ออกไปพบปะผู้คนนอกบ้าน หรือใช้เวลาว่างดูแลสัตว์เลี้ยงตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจะได้ไม่จดจ่ออยู่กับหน้าจอแท็บเล็ต หรือเกมคอมพิวเตอร์มากเกินไป
6. มีจิตใจเมตตา โอบอ้อมอารี
ช่วยให้เด็กรู้จักใส่ใจความรู้สึกของผู้อื่นเป็นเด็กที่มีความเมตตา เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ รู้จักเสียสละ และการแบ่งปัน
แม้ว่าประโยชน์จากการให้ลูกมีสัตว์เลี้ยงจะมีมาก แต่ข้อเสียก็มีเหมือนกัน เช่นค่าใช่จ่ายที่เพิ่มขึ้น ทั้งค่าอาหาร ค่ารักษาพยาบาลยามเจ็บป่วย ค่าวัคซีนต่างๆของสัตว์เลี้ยง มีข้อจำกัดในการออกไปเที่ยวนอกบ้าน อย่างไรคุณแม่ควรชั่งน้ำหนักให้ดี เพราะความรับผิดชอบที่มีต่อสัตว์เลี้ยงจำเป็นต้องเลี้ยงไปตลอดชีวิต
หากเลี้ยงไปแล้วเกิดไม่อยากเลี้ยงขึ้นมา นำไปทิ้ง หรือยกให้คนอื่น ก็จะกลายเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้กับลูก ทำให้เห็นความไม่รับผิดชอบต่อตัวเองและสังคม ทำให้ลูกรู้สึกไม่มั่นคงและไว้ใจผู้อื่นยากขึ้น หากคุณพ่อคุณแม่ยังไม่พร้อมที่จะเหนื่อยก็อย่าให้ลูกเลี้ยง ควรพูดคุยทำความเข้าใจกับลูกให้ดีก่อนตัดสินใจค่ะ