ทดสอบความรู้เกี่ยวกับเด็กทารกแรกเกิด

คุณมีความรู้เกี่ยวกับสุขภาพเด็กทารกแรกเกิดมากน้อยแค่ไหน ลองทำแบบทดสอบนี้ดู

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

แบบทดสอบ

พ่อแม่ยุคนี้สามารถหาข้อมูลเกี่ยวกับเด็กทารกแรกเกิดได้มากมายยิ่งกว่ายุคไหน ๆ แต่คุณมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้มากแค่ไหน? ลองหากระดาษปากกาเพื่อจดคำตอบ แล้วทำแบบทดสอบ 10 ข้อนี้ดู

1. เมื่อทารกอายุครบ 2 เดือน เด็กควรจะสามารถทำสิ่งใดต่อไปนี้?

ก. จดจ่ออยู่กับวัตถุซึ่งอยู่ห่างออกไป 2-3 ฟุต ได้

ข. ตอบสนองต่อสีโทนพาสเทลมากกว่าสิ่งที่มีลวดลายสีสันสดใส

ค. มองตามสิ่งของที่กำลังเคลื่อนไหว

ง. มือและสายตาเคลื่อนไหวประสานกัน

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

2. คุณควรทำอย่างไรหากทารกที่อ่อนกว่า 4 เดือนคัดจมูกหรือมีน้ำมูกไหล?

ก. ใช้ลูกยางดูดเมือกออกจากจมูก

ข. ใช้ยาพ่นจมูก

ค. ช่วยให้เด็กสั่งน้ำมูก

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ง. ให้เด็กกินยาแอสไพริน

3. เมื่อคุณสงสัยว่าเด็กอาจติดเชื้อในหู คุณควรใช้ยาหยอดหู ถูกหรือผิด?

ก. ถูก

ข. ผิด

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

4. อาการใดต่อไปนี้ไม่ใช่อาการของภาวะโคลิค?

ก. ร้องไห้ไม่หยุด

ข. ง่วงนอนตลอดเวลา

ค. ท้องป่อง

ง. ระบายลม

5. เด็กแรกเกิดต้องมีอุณหภูมิร่างกายเท่าไหร่จึงจะถือว่าเป็นไข้?

ก. 37.5° เซลเซียส (99.6° ฟาเรนไฮต์)

ข. 37.8° เซลเซียส (100.2° ฟาเรนไฮต์)

ค. 38.5° เซลเซียส (101.4° ฟาเรนไฮต์)

ง. 39.4° เซลเซียส (103° ฟาเรนไฮต์)

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ข้อ 6-10 หน้าถัดไป


6. คำกล่าวใดเกี่ยวกับวัคซีนต่อไปนี้ไม่ถูกต้อง?

ก. ควรให้วัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบ A เฉพาะกับเด็กที่อาศัยอยู่ในประเทศที่มีความเสี่ยงสูงเท่านั้น

ข. วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่เป็นอันตรายต่อเด็กที่แพ้ไข่

ค. ปัจจุบันวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าจำเป็นต้องฉีดเพียง 5 เข็มเท่านั้น (แทนที่จะต้องฉีดมากกว่า 12 ครั้ง) และมีผลข้างเคียงเล็กน้อย

ง. วัคซีนป้องกันโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบขาดแคลน จึงแนะนำให้ใช้เฉพาะกับเด็กที่เสี่ยงเป็นโรคปอดบวม โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ และติดเชื้อในกระแสเลือดเท่านั้น

7. ข้อใดต่อไปนี้ไม่ได้ช่วยป้องกันภาวะทารกเสียชีวิตแบบเฉียบพลัน?

ก. ให้เด็กนอนในเปลที่ไม่มีเครื่องนอน เช่น หมอน ผ้าห่ม ที่กันกระแทก และตุ๊กตา จำนวนมาก

ข. ไม่ปล่อยให้เด็กห่างสายตาเมื่อเด็กนอนคว่ำ

ค. หลีกเลี่ยงการพาเด็กไปในที่ที่มีควันบุหรี่

ง. ปรับอุณหภูมิในห้องนอนของเด็กให้พอดี

8. อาหารชนิดใดต่อไปนี้อาจเป็นอันตรายต่อทารกหากทำเองที่บ้าน?

ก. ซอสแอปเปิ้ล

ข. แครอทบด

ค. ลูกแพร์บด

ง. ถั่วลันเตาบด

9. เด็กอายุต่ำกว่า 1 ขวบมักเป็นภูมิแพ้ตามฤดูกาล ถูกหรือผิด?

ก. ถูก

ข. ผิด

10. คุณควรทำอย่างไรหากเด็กเป็นชันนะตุหรือหนังศีรษะเป็นเกล็ด ๆ?

ก. หลีกเลี่ยงการถูกระหม่อมเด็ก

ข. สระผมเด็กและแปรงเกล็ดบนหนังศีรษะออก

ค. หลีกเลี่ยงการสระผม

ง. ทาเบบี้ออยล์บนศีรษะของเด็ก

เฉลยหน้าถัดไป

เฉลย:

  1. ค. ในช่วงสัปดาห์แรก ๆ หลังคลอด เด็กอาจยังไม่สามารถจดจ่อกับวัตถุที่เคลื่อนไหวไปมาตรงหน้าได้ แต่เด็กควรจะเริ่มจ้องตามได้หลังจาก 1-2 เดือน
  2. ก. การใช้ลูกยางดูดเมือกออกเป็นวิธีรักษาที่ดีที่สุด โดยเฉพาะก่อนให้นม หรือก่อนนอน ซึ่งเป็นเวลาที่อาการคัดจมูกจะทำให้เด็กไม่สบายตัวที่สุด บีบกระเปาะลูกยางแล้วค่อย ๆ สอดเข้าไปในจมูกของเด็ก และคลายที่บีบช้า ๆ แพทย์อาจให้น้ำเกลือมาหยอดจมูกร่วมด้วยเพื่อละลายน้ำมูก และทำให้ดูดออกได้ง่ายขึ้น
  3. ข. ถ้าคุณคิดว่าเด็กอาจมีอาการติดเชื้อในหู ซึ่งจะทำให้เด็กมีอาการหงุดหงิด โยเย นอนไม่หลับ ไม่กินอาหาร หรือมีไข้ คุณควรพาเด็กไปพบแพทย์ แพทย์อาจให้ยาฆ่าเชื้อหรือยาหยอดหูมาเพื่อลดอาการปวด
  4. ข. อาการร้องไห้ไม่หยุด ท้องป่อง ระบายลมอย่างต่อเนื่อง ทำท่าแอ่นหลัง หรือดึงทึ้งขา เป็นอาการของภาวะโคลิค ซึ่งเป็นภาวะที่ใช้เรียกเด็กที่ร้องไห้มากกว่า 3 ชั่วโมงต่อวัน มากกว่าสัปดาห์ละ 3 วัน อาการง่วงนอนนั้นไม่ใช่อาการของโคลิค เพราะเด็กที่มีอาการนี้มักจะโยเยจากความไม่สบายตัว
  5. ข. คุณต้องโทรหาแพทย์ทันทีหากเด็กอายุต่ำกว่า 2 เดือน มีไข้ 37.8° หรือสูงกว่า ถ้าเด็กอายุ 3-6 เดือนมีไข้สูงกว่า 38° หรือเด็กอายุมากกว่า 6 เดือนมีไข้ถึง 39°
  6. ง. ในช่วงระหว่างสิงหาคม 2001 และพฤษภาคม 2003 มีการขาดแคลนวัคซีน PCV ซึ่งป้องกันโรคปอดบวม โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ และการติดเชื้อในกระแสเลือด อีกทั้งยังสามารถลดความเสี่ยงของภาวะติดเชื้อในหู แพทย์จึงงดการให้วัคซีนตามปกติ แต่หลังจากนั้นก็มีการผลิตทดแทน และกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
  7. ข. เด็กไม่ควรนอนคว่ำเด็ดขาด คุณควรจับให้เด็กนอนหงาย  แม้ว่าสาเหตุของภาวะทารกเสียชีวิตแบบเฉียบพลัน (SIDS) จะยังไม่แน่ชัด แต่งานวิจัยหลายชิ้นก็ชี้ว่าเด็กที่นอนคว่ำมีโอกาสประสบปัญหามากกว่า
  8. ข. แครอท เช่นเดียวกับหัวบีต และผักโขม ซึ่งอาจมีสารประกอบไนเตรต ทำให้ปริมาณเม็ดเลือดลดต่ำ (ภาวะเลือดจาง) ในเด็ก แต่อาหารเด็กอ่อนประเภทนี้ที่ซื้อจากร้านค้าจะไม่เป็นอันตรายเพราะผู้ผลิตสามารถลดปริมาณไนเตรตลง ซึ่งคุณไม่สามารถทำเองได้ที่บ้าน
  9. ก. เกสรดอกไม้บางชนิด มลภาวะ และสารอื่น ๆ ที่อยู่ในอากาศอาจทำให้เด็กระคายเคืองจนทำให้คันตา น้ำมูกไหล และจาม คุณควรแจ้งให้แพทย์ทราบสม่ำเสมอ
  10. ข. สำหรับโรคชันนะตุซึ่งเป็นโรคผิวหนังที่ส่งผลต่อมน้ำมันใต้ผิวหนัง การสระผมอาจช่วยบรรเทาอาการได้ โดยปกติโรคชันนะตุมักจะหายได้เองภายใน 2-3 เดือน ในบางกรณี คุณอาจต้องใช้ยาสระผมสูตรเฉพาะช่วย

 

คุณได้คะแนนเท่าไหร่?

9-10 : เราขอคารวะ! ขอให้คุณสนุกสนานกับการเลี้ยงเจ้าตัวเล็กในช่วงขวบปีแรก

6-8 : ใช้ได้ทีเดียว!  ลองหาหนังสือเกี่ยวกับเด็กแรกเกิดมาอ่านเพิ่มเติมสักนิด คุณก็จะกลายเป็นพ่อแม่มือโปรแล้วล่ะ

3-5 : เราแนะนำให้คุณลองอ่านหนังสือเกี่ยวกับเด็กตามช่วงอายุ หรือหาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ของเราก็ได้นะ

ต่ำกว่า 3 : นอกจากหนังสือและข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต คุณอาจจะลองคุยกับคุณหมอมากขึ้น คุณหมอจะช่วยไขข้อข้องใจให้คุณได้เป็นอย่างดี

ที่มา: Parents.com

บทความโดย

theAsianparent Editorial Team