สำหรับเด็ก ๆ แล้วไม่ว่าจะเริ่มต้นตั้งแต่วัยเบบี๋ วัยเตาะแตะ จนเข้าสู่วัยอนุบาล ไปจนถึงวัยเด็กโต งานศิลปะ ถือเป็นสิ่งมหัศจรรย์สำหรับเด็ก ๆ เมื่อได้ลงมือทำ ไม่ว่าจะเป็นการวาดรูป ระบายสี หรือศิลปะประดิษฐ์จากสิ่งของต่าง ๆ รอบตัว นำมาตัดแปะ สรุปความคิด แล้วถ่ายทอดออกมาเป็นรูปธรรมสู่ผลงาน งานศิลปะ ของลูก ให้คุณพ่อคุณแม่เห็น สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งช่วยทำให้เกิดพัฒนาการทั้งภายในและภายนอกของเด็กไปพร้อม ๆ กัน อีกทั้งสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จึงไม่สะดวกที่คุณพ่อคุณแม่จะพาเด็ก ๆ ออกไปไหน ดังนั้น การต้องกักตัวอยู่ในบ้านอย่างไรไม่ให้น่าเบื่อ โดยใช้มุม ๆ หนึ่งของบ้านสร้างโลกศิลปะของลูก ก็เป็นไอเดียในการสร้างกิจกรรมให้เด็ก ๆ ได้ทำระหว่างอยู่บ้านเป็นส่วนใหญ่ได้เป็นอย่างดี
งานศิลปะดีกับเด็กอย่างไร? ทำไมถึงต้องให้เด็กเรียนศิลปะ
ศิลปะ เป็นวิชาที่มีประโยชน์อย่างมาก ในด้านการพัฒนาจิตใจของเด็ก มาดูเหตุผลกันว่าทำไมคุณพ่อคุณแม่จึงต้องให้เด็กเรียนศิลปะ
-
ฝึกให้เด็กมีความคิดกว้างไกล
การให้เด็กเรียนศิลปะ อย่างเช่นการวาดภาพ ถือว่าเป็นการทำให้เด็กได้แสดงออก ถึงสิ่งที่อยู่ในความคิด ไม่ว่าจะเป็นความคิดเรื่องอะไรก็ตาม ถ้าปล่อยให้เด็กวาดภาพอะไรก็ได้ตามใจชอบ โดยที่ไม่บังคับว่าจะต้องอย่างนั้น จะต้องเป็นแบบนี้ มันก็สามารถทำให้เด็กแสดงออกมาได้อย่างเต็มที่
-
ฝึกให้มีความคิดสร้างสรรค์
สิ่งต่าง ๆ ที่เด็กได้แสดงออกมา มันล้วนมาจากจินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์ของเด็กนั่นเอง การฝึกให้เด็กมีความคิดสร้างสรรค์ มันจะมีประโยชน์อย่างยิ่งเมื่อเขาโตขึ้นเป็นคนที่คิดการณ์ไกล นิสัยเหล่านี้ก็จะติดตัวเด็กมาด้วยนั่นเอง
-
ฝึกให้เป็นคนช่างสังเกต
เมื่อแนะนำให้เด็กวาดภาพสิ่งของบางสิ่งบางอย่าง โดยไปหาต้นแบบมา ถ้าฝึกบ่อย ๆ จนเด็กสามารถวาดภาพได้เหมือน และสวยงามด้วย แสดงว่าเด็กคนนั้นเป็นคนที่ช่างสังเกตแล้ว และเมื่อเขาเป็นคนที่ช่างสังเกต เวลาไปเรียนวิชาอะไร หรือว่าทำงานอะไรก็ตาม นิสัยช่างสังเกตก็จะติดตัวไปด้วย
บทความที่เกี่ยวข้อง : 9 ไอเดีย งานศิลปะง่ายๆ เล่นกับลูก เพิ่มทักษะทางความคิดสร้างสรรค์
-
ฝึกสมาธิ
เด็กบางคนมักจะมีนิสัยลุกลี้ลุกลน ไม่สามารถอยู่กับที่ได้ การให้เด็กมาเรียนศิลปะ จะช่วยให้เด็กเป็นคนที่มีสมาธิดีมากขึ้นกว่าเดิม เพราะการเรียนศิลปะ จะทำให้เด็กจดจ่ออยู่กับงานที่ตัวเองทำ และจะใช้ความคิดอย่างเต็มที่ เพื่อให้งานของตัวเองออกมาดีมากที่สุด และยิ่งเราทำให้เด็กมีสมาธิตั้งแต่อายุยังน้อยแล้ว เมื่อเขาโตขึ้นเด็กก็จะเป็นคนที่มีสมาธิสูง สามารถที่จะเรียนวิชาอะไรแขนงไหนก็ได้ทั้งสิ้น เพราะผลมาจากการมีสมาธินั่นเอง
-
ทำให้เป็นคนที่มีจิตใจอ่อนโยน และอดทน
เพราะการที่เด็ก ๆ สามารถถ่ายทอดความคิดสร้างสรรค์ผ่านงานศิลปะ ถ่ายทอดจินตนาการของเด็กผ่านการเลือกโทนสีต่าง ๆ แสดงให้เห็นถึงการมีจิตใจอ่อนโยน และขณะที่เด็กทำผลงานศิลปะชิ้นหนึ่ง ๆ ซึ่งต้องใช้ความตั้งใจ และสมาธิ จะเป็นการฝึกเด็กมีระเบียบ มีความอดทนมากยิ่งขึ้น
-
เด็กจะแสดงความรู้สึกในด้านต่าง ๆ ได้ดี
ทั้งสีหน้าและท่าทางต่าง ๆ สำหรับเด็ก ๆ ที่ชอบและรักในงานศิลปะ จะสังเกตได้ไม่ยาก เพราะขณะที่เด็ก ๆ กำลังระบายสีทั้งสีหน้า ท่าทาง อารมณ์ ของเด็กจะแสดงออกมาในด้านมีความสุข
-
ได้เรียนรู้งานศิลปะหลายแขนง
ไม่ว่าจะเป็น การวาดรูป ฝึกระบายสี การร้องเพลง การเล่นดนตรี ซึ่งในงานศิลปะแต่ละแขนง เด็ก ๆ จะได้ฝึกฝนเรื่องการแก้ไขปัญหา ได้เรียนรู้เรื่องคำศัพท์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับศิลปะ
บทความที่เกี่ยวข้อง : ศิลปะ ความคิดสร้างสรรค์ ปลูกฝังวิธีคิดเด็กยุคใหม่กับโกลเบิล อาร์ต
-
ทำให้เด็กมีความมั่นใจ และภาคภูมิใจในผลงานของตัวเอง
งานศิลปะในแขนงต่าง ๆ ที่เกิดจากการสร้างสรรค์ฝีมือของเด็ก ๆ จะทำให้เด็ก ๆ ภาคภูมิใจในงานที่ตัวเองได้สร้างขึ้น ทำให้เกิดแรงบันดาลใจ และการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
-
ทำให้เด็กรู้จักสังคม
เพราะการเรียนรู้ศิลปะจะเป็นการรวมกลุ่มเด็ก ๆ ที่มีความสนใจเหมือนกัน ได้แลกเปลี่ยนความคิดสร้างสรรค์กับเพื่อนด้วย
-
มีความสุข
อันนี้ถือว่าสำคัญมาก คนที่สามารถหาความสุขจากสิ่งใกล้ตัว หรือว่าเรื่องเล็กน้อยได้ เขาก็สามารถที่จะอยู่บนโลกนี้ ในสังคมนี้ได้ทุกแบบ ไม่กดดัน หรือไม่เครียดแน่นอน
สร้างพื้นที่ในบ้าน ให้เป็นพื้นที่งานศิลปะของลูก
การให้พื้นที่ (space) คือหัวใจของการเรียนศิลปะ เด็ก ๆ ที่รู้สึกว่าอึดอัด เพราะไม่มี space เป็นของตนเอง หากทุกอย่างต้องอยู่ในสายตาคุณพ่อคุณแม่ ดังนั้น แนวคิดในการใช้งานศิลปะ พาเด็ก ๆ กลับมาอยู่กับพื้นที่ของตัวเองต้องเริ่มจากการสร้าง space ที่เด็กรู้สึกปลอดภัย เพราะจะช่วยทำให้เด็ก ๆ กลับมาค้นหา และเจอตัวเอง โดยมีแนวทางดังนี้
-
สร้างมุมเล็ก ๆ ในบ้านให้เป็นพื้นที่ศิลปะ
ในทางปฏิบัติ เมื่อต้องการสร้างศิลปะให้ลูก ขั้นตอนแรกพ่อแม่อาจช่วยลูกหาพื้นที่ปลอดภัย และอุปกรณ์ทางศิลปะเล็ก ๆ น้อย ๆ พ่อแม่ลองปล่อยให้ลูกอยู่กับกระดาษ 1 แผ่น สี 1 กล่อง เพียงหามุม ๆ หนึ่งในบ้านที่มีตู้และอุปกรณ์ งานศิลปะอยู่ตรงนั้น ให้เด็กได้ลองทำอย่างปลอดภัย ไร้ถูกผิด
-
พ่อแม่ลองทำให้ดู
เด็กวัยต่ำกว่า 7 ปี จะเรียนรู้ผ่านการเลียนแบบ ช่วงแรกคุณพ่อคุณแม่อาจชวนลูกทำงานศิลปะพร้อมกับลูกก่อน เมื่อเขาพร้อมเรียนรู้ เขาจะทำตามได้เอง
-
ปล่อยให้ลูกทำอย่างอิสระ ไม่สอน คอยสังเกตอยู่ใกล้ ๆ
ถ้าลูกไม่ต้องการให้พ่อแม่มานั่งใกล้ ๆ พ่อแม่ควรปล่อยให้ลูกได้ทำงานอย่างอิสระ พ่อแม่ไม่ต้องถามหาความหมายของภาพ ไม่ต้องสอนว่าอะไรถูกต้อง ปล่อยให้ลูกทำงานศิลปะ ด้วยความรื่นรมย์ ในบางครอบครัว เด็กอาจจะขอให้พ่อแม่นั่งใกล้ ๆ แต่ถ้าเขาไม่ได้ขอ พ่อแม่ควรทำตัวเป็นเพียงผู้สังเกตการณ์ (observer) ปล่อยให้เขาได้ทำงานอย่างอิสระ
-
พ่อแม่ ล้าง เก็บ อุปกรณ์ให้ดู แล้วลูกจะทำตาม
ศิลปะ นอกจากจะช่วยสร้างทักษะต่าง ๆ ให้ลูก เช่น การดูแลอุปกรณ์ด้วยตัวเอง เด็ก ๆ จะรู้จักวิธีล้างพู่กัน เก็บจานสีอย่างเป็นระบบระเบียบ ถ้าพ่อแม่กังวล และอยากให้บ้านเรียบร้อยหลังลูกทำงานศิลปะ พ่อแม่อาจต้องยอมเก็บบ้าน เก็บข้าวของทุกอย่างเข้าที่เดิมเองก่อน สุดท้ายลูกจะทำตามได้เอง
บทความที่เกี่ยวข้อง : พาย้อนรอย ความงามลูกปัดไทยที่ ศูนย์การเรียนรู้วัฒนธรรมอันดามัน
วิธีปลูกฝังให้ลูกรักสนใจศิลปะ
คุณพ่อคุณแม่หลาย ๆ คนไม่แน่ใจว่าจะทำอย่างไรที่เหมาะสมสำหรับการส่งเสริมให้ลูกหันมาสนใจ และเรียนรู้เกี่ยวกับงานศิลปะ มากขึ้น จึงขอเสนอแนะวิธีส่งเสริมให้ลูกสนใจในศิลปะประเภทต่าง ๆ ดังนี้
-
เปิดเพลงเพราะ ๆ เนื้อหาดี ๆ ทำนองเสนาะหูให้ลูกฟัง
เป็นวิธีที่ง่ายและสะดวกที่สุด เด็ก ๆ อาจร้องเพลง ออกท่าทาง เต้นรำโยกไปตามจังหวะเสียงเพลงร่วมกัน กิจกรรมนี้ทำให้ลูกต้องใช้ประสาทสัมผัสในการสร้างทักษะการฟังให้เกิดขึ้น รวมทั้งได้พัฒนาการจำ และกระตุ้นการแสดงออกทางการเคลื่อนไหวอีกด้วย
-
จัดหาอุปกรณ์ และสถานที่ที่เหมาะสม
จัดหาอุปกรณ์สำหรับทำงานศิลปะ เช่น ดินสอ สีเทียน สีไม้ สีน้ำ พู่กัน ถาดสี กระดาษ ผ้ากันเปื้อน และสถานที่เหมาะสมให้ลูกได้วาดรูป ประดิษฐ์งานศิลปะต่าง ๆ เพื่อให้ลูกได้แสดงออกถึงความสนใจในด้านศิลปะ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะโดนดุเมื่อทำเลอะเทอะไปบ้าง
-
ชวนลูกอ่านออกเสียง ทำท่าประกอบการเล่านิทาน
การอ่านหนังสือนิทาน คำประพันธ์ โคลงกลอน กาพย์ฉันท์เพราะ ๆ ให้ลูกฟัง ชวนลูกอ่านออกเสียง รวมทั้งหากร้องทำนองเสนาะได้ ก็ควรร้องไห้ลูกฟัง ลูกจะได้คุ้นเคย สนับสนุนให้ลูกแสดงท่าทางประกอบการเล่านิทาน เช่น ทำท่าเป็นหมาป่า ทำท่ากบกระโดดขึ้นจากสระ ส่งเสียงอ๊บ อ๊บ เมื่ออ่านถึงตอนที่กบน้อยกระโดดเด้งดึ๋งออกจากกอบัว หรือ ออกเสียงเลียนแบบแม่มดในนิทาน ทั้งนี้นอกจากจะทำให้การอ่านหนังสือนิทานสนุก และมีรสชาติขึ้นแล้ว ยังส่งเสริมให้ลูกมีทักษะการอ่านออกเสียง และกล้าแสดงออกอีกด้วยค่ะ
-
กระตุ้นให้ลูกหัดลากเส้นขยุกขยิกในยามว่าง
หากลูกอยู่ในวัยก่อนวัยเรียน และยังเขียนตัวหนังสือไม่ได้ ทั้งนี้การฝึกเขียน หรือลากเส้นขยุกขยิก จะเป็นการฝึกกล้ามเนื้อมือให้แข็งแรง และเตรียมพร้อมในการหัดเขียนตัวหนังสือต่อไป
-
เมื่อมีโอกาส ควรพาลูกไปชมผลงานศิลปะแขนงต่าง ๆ ที่สวยงาม
และมีคุณค่า น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นการแสดงโขนเด็ก การเล่านิทานสำหรับเด็ก การแสดงละครหรือนิทานเด็ก การแสดงดนตรีดี ๆ การตีกลองสะบัดไชย การแสดงด้านศิลปวัฒนธรรมของภาคต่าง ๆ ของไทยเราที่มีความงดงาม เช่น นาฏศิลป์ ลิเก โขน ดนตรี รวมทั้งนิทรรศการภาพศิลป์ เป็นต้น ซึ่งบ่อยครั้งที่ไม่เก็บค่าเข้าชม รวมทั้งศิลปะ และการแสดงจากต่างชาติที่เข้ามาจัดแสดงในประเทศ หากมีราคาค่าเข้าชมไม่แพงนัก
-
ไม่วิจารณ์งานศิลปะ ของลูกในเชิงลบ
เมื่อลูกกำลังวาดภาพ ระบายสี หรือประดิษฐ์สิ่งของเล่นอย่างเพลิดเพลิน อย่าเพิ่งใจร้อนวิจารณ์งานศิลปะของลูกในเชิงลบให้เสียกำลังใจ แม้ในใจคุณจะคิดว่าไม่สวย ใช้สีแปลกประหลาด จะเป็นการดี หากคุณพ่อคุณแม่เปิดโอกาสให้ลูกได้แสดงออกในงานศิลปะอย่างเป็นอิสระ เป็นตัวของตัวเอง ไม่ปิดกั้นความคิดของลูก ทั้งนี้สำหรับ งานศิลปะแล้ว ไม่มีคำว่าถูกหรือผิด บางครั้งแล้วแต่มุมมองของแต่ละคน
การที่คุณพ่อคุณแม่ส่งเสริมให้ลูกน้อยได้สรรค์สร้างศิลปะ ให้เหมาะสมกับช่วงวัยของน้อง ๆ หนู ๆ นอกจากช่วยเพิ่มพูนทักษะทางด้านจินตนาการ พัฒนาความคิด สร้างโลกส่วนตัว ทำให้เด็กมีอิสระทางการแสดงออกแล้ว ยังทำให้คุณพ่อคุณแม่ รับรู้ความรู้สึก และสภาวะอารมณ์ที่เด็กแต่ละคนได้ถ่ายทอดผ่านงานศิลปะออกมาอีกด้วย
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
ห้องนั่งเล่นสำหรับเด็ก ตกแต่งแบบไหน ถึงจะปลอดภัยกับลูก
แจกฟรี!!! ภาพฝึกระบายสี แบบฝึกหัดภาพวาดระบายสีเอาใจหนู ๆ โหลดเลย
ศิลปะ ธรรมชาติ เสริมสร้างพัฒนาการ และการเรียนรู้ของลูก
ที่มา : artfulparent